วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2566

[หอดอกบัว] เงาหลังของเจ้า (ซ่านกูเตา/หลี่เซียงอี๋)


เงาหลังของเจ้า

— ซ่านกูเตา / หลี่เซียงอี๋ —

หอดอกบัวลายมงคล

โน้ต : สปอยล์ซีรีส์หอดอกบัวลายมงคลถึงตอนจบ






สิ่งที่ซ่านกูเตาชิงชังที่สุดในโลกหล้าคือเงาหลังของหลี่เซียงอี๋

นับแต่เยาว์วัย ไม่ว่าหมั่นเพียรฝึกฝน ทุ่มเทกำลังและมันสมองอย่างไรเขาก็ตกเป็นรองศิษย์น้องผู้นี้เสมอ ยิ่งนานวันจำนวนกระบวนท่าที่หลี่เซียงอี๋ใช้ในการเอาชนะเขายิ่งลดน้อยถอยลง เพียงกวาดตาครั้งเดียวมันกลับขับขานท่องตำราฉะฉานแม่นยำ วรยุทธ์กำลังภายในยิ่งมายิ่งลึกล้ำกระทั่งอาจารย์ยังออกปากว่าสักวันหลี่เซียงอี๋จะเหนือกว่าผู้ใดในยุทธภพ

คำชมเชย ความเอาใจใส่ทั้งหมดตกอยู่ที่ศิษย์คนเล็ก ขณะที่ซ่านกูเตาได้รับเพียงคำวิจารณ์ด่าทอและบทลงโทษ เขาพ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วน ทำได้แต่ก้มมองกระบี่บนพื้นและมือด้านชาทั้งคู่

เวลานี้หลี่เซียงอี๋มักนิ่งมอง ก่อนย่อตัวลงยื่นน้ำตาลปั้นให้แก่เขาก่อนผละจากไปเงียบๆ

ทำราวกับว่าเขาจะลิ้มรสหวานได้ขณะมองเงาหลังของมันลับหายไปกระนั้น

เงาหลังที่นับวันจะยิ่งขยายใหญ่ ปกคลุมพร้อมทั้งดึงดูดผู้คนให้ก้าวตาม ยามเอ่ยถึงสำนักซื่อกู้ไม่มีใครให้ความสำคัญกับคนที่ลงแรงอยู่เบื้องหลัง พวกเขาเอาแต่ไล่ตามแสงตะวันจนมืดบอด คนที่เย็นชาเย่อหยิ่งและไม่เห็นใครในสายตาคู่ควรหรือที่จะได้รับความเคารพนับถือจากชาวยุทธ์

“สำนักซื่อกู้จะขาดใครไปก็ได้ แต่ขาดหลี่เซียงอี๋ไม่ได้”

ถ้อยคำนี้คือคมมีดกรีดสะบั้นฟางเส้นสุดท้ายของเขาลง




สิ่งที่ซ่านกูเตาชิงชังที่สุดในโลกหล้าคือเงาหลังของหลี่เซียงอี๋

ยามนี้เจ้าของเงาหลังจมหายไปในทะเลบูรพา ฟากตี๋เฟยเซิงถูกค้นพบและพากลับมารักษาตัวนานแล้ว แต่หลี่เซียงอี๋ยังคงหายสาบสูญ ไม่มีข่าวคราวและไม่พบศพ 

ดูจากสภาพปางตายของประมุขพรรคจินยวนและแผนวางยาพิษที่ทราบในภายหลัง เป็นไปได้ยากที่หลี่เซียงอี๋จะรอดชีวิต เมื่อคิดได้ดังนี้ ซ่านกูเตาพลันไม่อาจพิจารณาได้ว่าตนรู้สึกอย่างไรกันแน่

เย้ยหยันและพึงใจ หรือหลุดโล่งพ้นจากปลักโคลน

เมื่อทำลายผู้ที่ตนเคียดแค้นสำเร็จกลับให้ความรู้สึกว่างเปล่าได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ

ใช่ว่าซ่านกูเตาไม่ปรารถนาความตายของหลี่เซียงอี๋ หากต้องย้อนกลับไปยังทางแยกไม่ว่ากี่ครั้งเขาก็จะเลือกเส้นทางเดิมอย่างไม่มีวันเปลี่ยน 

เขาเพียงแต่เสียดายที่มันไม่ได้อยู่ดูยามเขานั่งบนบัลลังก์ทองเท่านั้น




สิบปีผันผาน สิ่งที่ซ่านกูเตาชิงชังที่สุดในโลกหล้ากลับยังเป็นเงาหลังของหลี่เซียงอี๋

เมื่อหวนกลับมาพบ ซ่านกูเตาจึงตระหนักว่าความแค้นที่สุมทับในอกไม่เคยจาง เขายังคงเป็นเด็กหนุ่มบนเขาที่นึกชังภาพเงาหลังของศิษย์น้อง หลี่เซียงอี๋พรากเอาความภาคภูมิใจของเขาไปสิ้น กระทั่งขณะวางใจว่าแผนการใกล้ขมวดหาผลลัพธ์ มันยังกลับมาเป็นมารผจญอย่างไม่ลดละความพยายาม

มองดวงตาดำขลับเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ ในใจซ่านกูเตายิ่งขุ่นขมเกินระงับ ตลอดหลายปีที่กระทำตัวเป็นหนึ่งไม่แยแสผู้ใด กลับค้นพบในตอนนี้ว่าหลี่เซียงอี๋ก็สามารถหลั่งน้ำตา

สิบปีแล้วอย่างไร ใช่ความผิดเขาหรือที่มันวิ่งพล่านตามหาศพปลอมไปทั่ว สิบปีนี้เทียบอะไรได้กับความขมขื่นที่เขาต้องเผชิญใต้เงาของมันทุกเมื่อเชื่อวัน

ครั้งนี้ซ่านกูเตาหันหลังให้มัน เขาก้าวจากไปเป็นผู้แรกพร้อมเสียงหัวร่ออย่างผู้ชนะ

แต่ภายในห้วงคำนึงที่เปรียบดั่งพายุ นี่ไม่คล้ายความรู้สึกของผู้ชนะ ใต้เปลือกตาปรากฏแต่ภาพใบหน้าซีดเซียวและดวงตาแดงก่ำ วินาทีนั้นซ่านกูเตาชิงชังเงาหลังของหลี่เซียงอี๋ยิ่งกว่าครั้งใด

ให้จ้องมองเงาหลังอย่างผู้พ่ายแพ้ยังดีเสียกว่าต้องมองสีหน้าราวกับโลกทั้งใบล้มครืนลงมา