วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565

[Top Gun] In some ways, it’s debonair (Hangman/Rooster)


In some ways, it’s debonair

Top Gun: Maverick (2022)

— Jake “Hangman” Seresin / Bradley “Rooster” Bradshaw —

Inspired by the way miles teller dances AND tones and i - dance monkey






แบรดลีย์ แบรดชอว์ รักการเต้นรำและเขาไม่ได้เก็บงำความชื่นชอบนี้ เขาร้องเพลง เขาเล่นเครื่องดนตรี เขารักที่จะขยับย้ายร่างกายตามแต่ท่วงทำนองพาไป เขาไม่สนใจว่าใครบ้างที่มอง ใครที่ร้องรำตาม แต่เมื่อแฮงแมนยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด กลไกในร่างที่ไม่เคยรู้ตัวว่ามีกลับฝืดเคือง ไม่เป็นตัวของตัวเอง

เขาควรจะรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เซเรซินเลือกเก้าอี้ข้างกันทั้งที่ตลอดบาร์ว่างเปล่า ว่าแฮงแมนเข้าหาอย่างมีจุดประสงค์เสมอ “ใครบ้างไม่ชอบการเต้นรำ” แบรดลีย์พูด แต่มันฟังดูเหมือนคำป้องกันตัวแม้ฟังจากหูของเขาเอง

เซเรซินยิ้มกว้าง โชว์ฟันขาวเรียงแสนขัดตา หมอนี่ไม่เคยหุบยิ้ม “มั่นใจขนาดนั้นเลย”

“นายเป็นพวกประเภทที่พอคนชวนก็จะบอกว่าตัวเองไม่เต้นหรือไง” แบรดลีย์วางขวดเบียร์ลง อาจจะเพราะดื่มไปมากจึงรู้สึกมือไม้อ่อนกะทันหัน หรือไม่ก็เพราะสังหรณ์แย่ ๆ ที่เย้าแหย่ข้างในหัวเวลาเห็นรอยยิ้มของแฮงแมน “เหลวไหล ไม่มีใครเกลียดการเต้นรำจริง ๆ หรอก”

“แม้จะเป็นตอนที่ไม่มีเสียงดนตรีอะนะ”

“เสียงดนตรีมันมาจากข้างในนี้ต่างหาก” แบรดลีย์ชี้มาที่อกซ้ายของตัวเอง และก้อนเนื้อข้างในก็เต้นผิดจังหวะตามสายตาที่ลากลงมองเสื้อฮาวายก่อนย้อนกลับขึ้นสบ

“อ้อ” เซเรซินพูด

แบรดลีย์อยากกัดลิ้นตาย 

แต่เขาไม่ได้หนีออกมาจากฐานทัพศัตรูเพื่อมาตายในบาร์แห่งนี้ แบรดลีย์เหลียวหน้ากลับไปมองตรง อีกฟากของบาร์ไม่มีอะไรให้วางสายตาเลย ใกล้ถึงเวลาปิดร้านแล้ว คนส่วนใหญ่ทยอยกลับ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งนั่งลงจับเจ่า พูดคุยเสียงเบา ฟินิกส์กำลังยิ้มขบขันกับอะไรบางอย่างที่บ็อบพูด เพนนีที่ยืนเช็คของอยู่ไม่ไกลยิ้มพลางเหลือบมองเป็นระยะ มาเวอริคนั่งริมสุดของบาร์กับฮอนโด ส่วนเพย์แบ็คกับแฟนบอยนอนอีกมุมหนึ่งที่แสงไฟสีอำพันส่องไม่ถึง ยังมีกลุ่มของเยลที่จองโต๊ะติดหน้าต่าง เสียงดนตรีทำนองผ่อนคลายดังคลอมาจากลำโพงเล็กบนเพดานที่ต่อกับมือถือของใครสักคน

แบรดลีย์คิดว่าบทสนทนาจบลงแล้ว แต่แฮงแมนยังไม่ละความพยายามที่จะคล้องเชือกรอบคอเขา “ถ้าอย่างนั้นนายก็คงไม่มีปัญหาถ้าต้องเต้นท่ามกลางความเงียบ”

“ขึ้นอยู่กับว่าอารมณ์มาหรือเปล่าต่างหาก ถ้ารู้สึกอยาก บางครั้งดนตรีก็ไม่จำเป็น” แบรดลีย์ถอนหายใจ “ทำไมถึงชวนคุยเรื่องพวกนี้เนี่ย”

“ก็เห็นนายชอบเต้น”

“นายชอบมองเวลาฉันเต้น?” แบรดลีย์เลิกคิ้ว

เขาตั้งใจก่อกวนให้อีกฝ่ายเลิกยุ่ง แต่เหมือนจะได้ผลตรงกันข้าม แฮงแมนยกมือขึ้นลูบใต้ริมฝีปาก เหมือนใช้ความคิด ทั้งที่สายตาจดจ่ออยู่บนใบหน้าของเขาตลอดเวลา “ใครเห็นนายเต้นก็ต้องหยุดมองทั้งนั้น รูสเตอร์”

หลังคอร้อนผ่าว แบรดลีย์สูดลมหายใจ บอกตัวเองว่าที่สั่นเพราะลมซึ่งพัดเข้ามาจากหน้าต่าง กลิ่นเกลือเจือจาง เหนียวเหนอะ ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับดวงตาระยับ หรือน้ำหอมกลิ่นกลมหวานที่เด่นชัดขึ้นมาจากร่างของเจค เซเรซิน

แบรดลีย์ลังเล ก่อนพูด “พยายามบอกเป็นนัยว่าฉันเต้นห่วยอยู่เหรอ”

แฮงแมนก้มศีรษะหัวเราะทั้งเสียงโอดครวญ “นายจะช้าแม้แต่กับเรื่องข้างล่างนี้ไม่ได้นะ รูสเตอร์” อีกฝ่ายชะงักแล้วมองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำมือขึ้นลงประกอบคำพูดอธิบาย “หมายถึงข้างล่างนี้ ที่ไม่ใช่แค่ภาคพื้นดิน แต่ใต้สะดือลงไปด้วย”

แบรดลีย์แหงนหน้าหลับตา “ให้ตายเถอะ เซเรซิน”

อีกฝ่ายยิ้มยิงฟัน “เรียกเจค หรือไม่ก็แฮงแมนถ้านายรู้สึกอยากเล่นบทผู้บังคับบัญชา” ท่าทางอวดดีของแฮงแมนเลือนลงในประโยคถัดมา แทนที่ด้วยสิ่งที่เคยทำให้เขายั้งตัว ไม่โหมเข้ากอดอีกฝ่ายหลังลงจากเครื่อง F-14 “ฉันไม่ทิ้งนายไว้กลางเพลงหรอก”

ถึงตอนนี้แบรดลีย์ก็พบปัญหาใหญ่ เขาไม่รู้จะมองตรงไหนที่ไม่ทำให้ดูเหมือนกำลังหลบเลี่ยงสายตา “มันทำใจเชื่อยากว่านายจริงจังกับเรื่องทำนองนี้”

“มีทางเดียวที่จะรู้” แฮงแมนลุกขึ้นยืนตัวตรง แล้วยื่นมือมาหาเขา “เต้นกับผมนะครับ คุณแบรดชอว์”

เสียงผิวปากดังมาจากที่ใดที่หนึ่งของบาร์ ทว่าแบรดลีย์ได้แต่มองคนตรงหน้าตาค้าง “เต้น…อะไร”

เซเรซินยักไหล่ ก่อนยิ้มอย่างรู้ทัน “อะไรก็ได้ตามใจอยาก อย่าบอกนะว่านายไม่เต้น

“บางทีฉันอาจไม่อยากเต้นกับนาย

“จริงดิ ห้ามใจไหวเหรอ” แฮงแมนถามเสียงสูง เขาเริ่มเดินถอยหลัง ถอยจนกระทั่งถึงตู้เพลง ตลอดทางนั้นสายตาของแฮงแมนไม่ยอมวางลง รอยยิ้มยิ่งมายิ่งน่ากวาดออก แบรดลีย์ส่ายหน้า แต่ห้ามมุมปากที่กำลังขยับโค้งทีละนิดไม่ได้ ทุกอย่างเกินการควบคุม โดยเฉพาะเมื่อแฮงแมนมุ่งมั่นตั้งใจทำอะไรสักอย่าง

เสียงดนตรีดังขึ้น กลบเพลงทำนองกล่อมหวาน เป็นอะไรที่ผาดโผนขึ้น กระแทกกระทั้นขึ้น มันเรียกร้องความสนใจจากทุกคน

แฮงแมนดีดนิ้ว เริ่มขยับร่างกายตามจังหวะ เขาหลับตาเหมือนซึมซับดนตรีเข้าไปในกล้ามเนื้อ ก่อนเงยหน้าขึ้น โยกย้ายเข้ามาหาเขาทีละก้าวด้วยท่าทางกวนอารมณ์ แบรดลีย์เม้มริมฝีปากแน่น กระซิบกับตัวเองว่าช่างแม่งแล้วกลั้นใจลุกขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือ 

ขณะที่เขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรวางมือตรงไหน แฮงแมนก็รีบคล้องแขนรอบเอวพร้อมส่งรอยยิ้มยียวนเป็นที่สุด “นายว่ากัปตันจะคิดยังไงกับเรื่องนี้”

“บ้าฉิบ” แบรดลีย์สบถเสียงเบา จากหางตาเขาสังเกตเห็นว่ามาเวอริคกำลังมอง นึกย้อนถึงประสบการณ์ในอดีตแล้วได้แต่หวังว่าหลังจากนี้มาเวอริคคงไม่เรียกไปคุยส่วนตัวเกี่ยวกับสุขอนามัยและความปลอดภัยเหมือนเมื่อคราวที่เขาออกเดทครั้งแรก

“พาดไหล่ฉันก็ได้” แฮงแมนหลุบตามองแขนที่ยังนิ่งค้างอยู่ระหว่างกัน

“น่าบีบคอไปเลยมากกว่า” แบรดลีย์พึมพำ แต่ก็ทำตามที่บอก

คู่เต้นของเขาเอียงคอ “เก็บไว้สำหรับโอกาสพิเศษสิ รูสเตอร์” 

เมื่ออยู่ใกล้กัน สีสันในดวงตาของเจคก็ชัดขึ้น ใต้แสงหลอดไฟ สีเฮเซลอันอบอุ่นก็แสดงตัว กลิ่นน้ำหอมเจือจางที่ปลายจมูกแต่รู้สึกราวกับมันกำลังล้อมรอบตัว

ความรู้สึกที่คุ้นเคยขณะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลงค่อย ๆ กลับคืนมา แต่อะไรบางอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป อาจเป็นที่จังหวะของดนตรีซึ่งส่งสัญญาณเตือนว่าท่วงทำนองใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

แบรดลีย์ดันตัวอีกฝ่ายออก “นี่ไม่ได้หมายความว่าฉันยกโทษเรื่องนั้นแล้ว”

“ฉันรู้” เจคขยับยิ้มบาง มือยังไม่ยอมผละออก แบรดลีย์รู้สึกถึงนิ้วมือลูบวนตรงสะโพกผ่านเนื้อผ้า 

และก่อนที่จะยอมปล่อย เจค เซเรซิน ก็กระทำเรื่องสมฉายา เล่นสกปรกด้วยการจูบแก้มเขาดังจ๊วบ

“ทุกอย่างตามแต่ที่คุณสั่งการเลย คุณแบรดชอว์”

ดนตรีเปลี่ยนทำนอง แบรดลีย์กัดฟันกำมือชกไหล่แฮงแมน แต่รอยยิ้มแย้งกับทุกอย่างที่แสดงออก เขาหลับตา ขยับตัว รู้ว่าคู่เต้นยังอยู่ไม่ไกลจากเสียงรองเท้ากระทบพื้น จากเสียงหัวเราะ ผ่านไอร้อนที่ดุดันไม่แพ้ไอพ่น แขนกวาดขึ้น สะโพกขยับหมุน เต้นรำตามดนตรีแต่เป็นอิสระเหมือนโบยบิน ขีดจำกัดคือท้องฟ้าเวิ้งว้าง กว้างพอสำหรับคู่ควงหรือกระทั่งผู้คนแปลกหน้า

แบรดลีย์ แบรดชอว์ รักการเต้นรำ และเขาไม่สามารถเก็บงำเมื่อความชอบเดียวกันปรากฏในดวงตาของคนที่ขยับย้ายร่างกายเคียงกันเหมือนปีก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น