วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2565

[DCU] Sugarcoat (Joker/Batman)


Sugarcoat

DCU (Comics) and Batman

— Joker / Batman (Bruce Wayne) —

Note : The fact that Joker is 196 cm. I’m whizzing.

AND adaptation from Prompt: The hero shows up at the villain's doorstep one night. They’re shivering, bleeding, scared. There is also a slightly dazed look in their eyes- they were drugged. They look like they were assaulted. Looking up at the villain, swaying slightly as they’re close to passing out, they mumble “...didn’t know where else to go…” then collapse into the villain’s arms.

Warning : Sexual assaulted and Dubious consent






บรูซ เวย์น สะดุ้งตื่นเหมือนคนจมน้ำที่ว่ายขึ้นมาหาอากาศก่อนหมดลมหายใจ ก้อนเนื้อในอกเต้นดันโครงกระดูก วินาทีแรกเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เพดานเก่าซีดไม่คุ้นตา เตียงไม่นุ่มลื่นเหมือนที่คุ้นชิน กลิ่นของผ้าห่มแปร่งจมูก ไม่ถึงกับผลักให้ผินหน้าหนี เพียงแต่ไม่มีสัมผัสที่ทำให้เขารู้สึกถึงความปลอดภัย

แสงที่ลอดผ่านผ้าม่านลูกไม้บอกช่วงเวลาสายหรืออาจจะใกล้เที่ยง บรูซขยับตัวใต้ผ้าห่ม ข้อเท้าหนักเหมือนถูกถ่วง ช่วงลำตัวอึดอัดเหมือนมีบางสิ่งพันไว้ ความเจ็บเสียดแทงสีข้าง กระตุ้นเตือนความทรงจำก่อนหลับใหล เขาถูกยิง

“คุณฟื้นแล้ว!”

บรูซนิ่วหน้าให้กับเสียงที่ดังจากข้างเตียง และเมื่อเหลียวมองยิ่งหยุดขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้มไม่ได้

ชายร่างผอมตอบแต่งหน้าเป็นตัวตลกปรบมือดีใจ รอยยิ้มร่าผิดกับลวดลายริมฝีปากคว่ำและวงตาบึ้งตึง บรูซคลายช่วงไหล่ลงเมื่อเห็นว่าชิฟฟ์เป็นผู้เฝ้า เพราะจากที่เคยศึกษาและสังเกต ตัวตลกที่ตัวเล็กบางสุดในแก๊งของโจ๊กเกอร์คนนี้แทบไม่แสดงอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง แทบจะไม่แสดงพฤติกรรมผิดเพี้ยนจากคนทั่วไปเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นสาเหตุที่โจ๊กเกอร์วาดลายถมึงทึงบนหน้าเขา ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ช่วยให้ชิฟฟ์เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมา หัวหน้าของแก๊งจึงมักมอบหมายงานจับกังให้เสียมาก

เช่นการเฝ้าเศรษฐีหนุ่มท่าทางปลกเปลี้ยที่นอนไม่ได้สติ

“รู้สึกดีขึ้นไหม” ชิฟฟ์ถามอย่างกระตือรือร้น “อยากกินแพนเค้กหรือเปล่า”

บรูซจ้องตอบด้วยสายตาว่างเปล่าระหว่างพยุงตัวขึ้นนั่ง ความรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางกระหน่ำตี และแม้มีผ้าห่มคลุมครึ่งท่อนล่างแต่บรูซรู้ว่าที่ข้อเท้าซ้ายของเขามีโซ่ล่ามไว้ 

ไม่รู้ว่าควรคิดอย่างไรกับข้อเท็จจริงที่ว่าเขาตระหนักเกี่ยวกับสถานะตัวประกันก่อนบาดแผลที่อาจทะลวงอวัยวะภายในหรืออาการไข้ร้อนผ่าวบนหน้าผาก 

ต้องหยุดคิดหลายวินาทีก่อนเสียงแหบแห้งจะเปล่งจากปาก “แพนเค้กก็ดี”

“เยี่ยมเลย ผมจะไปทำมาให้เดี๋ยวนี้” ชิฟฟ์ลุกพรวดขึ้น เดินไปทางประตูได้สามก้าวก่อนจะหมุนตัวกลับมาใหม่ “ลืมไป เรามีกฎห้ามกินอาหารในห้องนอน! ไม่แน่ใจว่ากฎนี้ต้องใช้กับคุณด้วยไหมเพราะบอสไม่ใช้ แต่ไม่ว่ายังไง เอาเป็นว่าคุณลุกไหวไหม น่าจะไหว ห้องน้ำอยู่ทางประตูซ้ายนี้ ส่วนทางออกคือประตูขวา เสร็จแล้วรีบตามมานะ คุณเวย์น!”

“เดี๋ยว!” 

บรูซร้องเรียกก่อนชิฟฟ์จะถลาตัวออกไป ชิฟฟ์หมุนร่างกลับมารวดเร็วจนคล้ายได้ยินเสียงหวือผ่านอากาศ

บรูซเม้มริมฝีปาก ลังเล “เขาอยู่หรือเปล่า”

“ใครเหรอ?” ชิฟฟ์ถาม

“บอสของนาย”

“บอสไม่อยู่ครับ เขาออกไปทำ…เขาบอกว่าทำธุระ อีกนานกว่าจะกลับ คุณอยากพบเขาเหรอ” ชิฟฟ์ถามต่อทั้งดวงตาวาวใส

บรูซผ่อนลมหายใจ “ไม่เป็นไร แค่สงสัย เดี๋ยวฉันตามออกไป”

“ได้เสมอ คุณเวย์น” ชิฟฟ์เอ่ยเสียงรื่นเริงก่อนเดินจากไปและปิดประตู

ความสงบคืนกลับมาชั่วครู่ บรูซหลับตาแล้วลืมขึ้นพร้อมกระชากผ้าห่มออก

เป็นดังคาด ข้อเท้าของเขาถูกล็อกไว้ด้วยกำไลโลหะที่เลื่อยธรรมดาไม่น่าตัดขาด แต่สายโซ่ที่ผูกไว้ด้วยกันนี้ยาวหลายเมตร มากพอที่จะให้อิสระในการเดินไปไหนมาไหนภายในบริเวณอาคาร ทว่าสุดท้ายที่ปลายของสายก็ยึดกับห่วงซึ่งฝังบนพื้นซีเมนต์ บรูซมองอย่างจนใจ เขาคงต้องตามหากุญแจมาไขเท่านั้นจึงจะหนีออกไปได้

ชายหนุ่มลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้าไม่ให้กระทบบาดแผล เดินลากเท้าไปทางห้องน้ำและสำรวจร่างกายตัวเองหน้ากระจก 

จากดวงหน้าซีดเซียวและผิวที่ซีดกว่าจนแทบเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนัง ดวงตาแดงก่ำและเหลือบรอยคล้ำเหมือนคนอดนอนทั้งที่เพิ่งตื่น ไล่ลงถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ มันเป็นผ้ายืดเนื้อนุ่มสีฟ้าหมองขนาดใหญ่กว่าตัว ขากางเกงยาวกรอมเท้า และแขนเสื้อก็ยาวแทบคลุมถึงปลายนิ้ว ทั้งหมดไม่ใช่ชุดที่สวมเมื่อคืนก่อนหน้ายกเว้นบรีฟดำที่ไม่โดนแตะต้อง บรูซยกชายเสื้อขึ้น ดูผ้าพันแผลบริเวณกลางลำตัวที่มีรอยเลือดเปื้อนซึม 

ปกติแล้วกระสุนแค่นัดเดียวไม่ควรจะหยุดเขาได้ ยิ่งเมื่อมันสัมผัสไม่ถึงจุดตาย แต่เพราะกระสุนนี้แฝงยากล่อมประสาท และถ้าเขาเดาไม่ผิดมันจะต้องเป็นยาที่ปรุงขึ้นจากสูตรหนึ่งของสแกร์โครว ใครบางคนในแก๊งมาเฟียอิตาลีได้สูตรยามาแต่ไม่รู้วิธีกะเกณฑ์ปริมาณ เมื่อคืนนี้บรูซเห็นฤทธิ์ของมันแล้วจากคนที่โดนแค่รอยถากกระสุน

เขาจะต้องรีบตามล่าตัวการรับผิดชอบก่อนที่พิษพวกนี้จะแพร่ออกไปจนเกินควบคุม

บรูซล้างหน้าล้างตา ทำความสะอาดร่างกายเท่าที่จะทำได้ เขาลองใช้เข็มกลัดที่พบตรงซิงค์มาสะเดาะตัวล็อกที่ข้อเท้าแต่ไม่สำเร็จ นอกจากต้องใช้กุญแจเข้าคู่ยังต้องใช้แม่เหล็กกำลังแรงมาเปิดมันออก

สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ดูไม่ดีเลยสักนิด ต่อให้ต้องการจับมหาเศรษฐีไว้เป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ก็ไม่จำเป็นจะต้องทำถึงขนาดล่ามไว้ด้วยแม่กุญแจเฉพาะ แค่คนธรรมดากับบรรดาตัวตลกที่กระทั่งตำรวจมือดีที่สุดยังไม่กล้าเข้าใกล้ เขาจะหนีไปไหนได้

เว้นเสียแต่พวกเขาเริ่มระแคะระคายอะไรบางอย่าง หรือล่วงรู้เรื่องที่บรูซไม่ต้องการให้รู้

นอกจากเตียงกับตู้เสื้อผ้าที่แทบจะว่างเปล่า ภายในห้องก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใดอีก ไม่มีลักษณะเฉพาะตัวที่บ่งบอกเกี่ยวกับผู้อาศัย บรูซเก็บความสงสัยไว้ก่อนออกไปหาชิฟฟ์

กลิ่นแป้งกับเนยนมหอมโชยแตะจมูกทันทีที่เปิดประตู เขาเดินตามกลิ่นกับเสียงทอดกระทะไปถึงห้องครัวที่เปิดโล่งเห็นส่วนทานอาหารที่คั่นกลางด้วยเคาน์เตอร์บาร์กับห้องนั่งเล่นส่วนถัดไป บรูซไม่เห็นใครอื่นนอกจากชิฟฟ์ที่ยืนฮัมเพลงอยู่หน้าเตา

เสียงสายโซ่กระทบพื้นกระเบื้องเรียกความสนใจของตัวตลกหน้าบึ้งให้เหลียวมองมาอย่างอารมณ์ดี “นั่งรอเลยครับ แพนเค้กใกล้เสร็จแล้ว”

บรูซเดินไปนั่งลงที่โต๊ะยาวอย่างมึนงง เหมือนเดินอยู่ในความฝันที่ทุกอย่างไร้น้ำหนักและไม่สอดคล้องใดกับความเป็นจริงของโลก มีเพียงน้ำหนักบนข้อเท้าที่ยึดตัวเขาให้ยังอยู่กับปัจจุบันอันน่าหวาดหวั่น และสายโซ่ก็พาเขามาสุดแค่ที่นั่งซ้ายมือของหัวโต๊ะเท่านั้น 

ทางออกมีสองทางคือประตูหน้ากับประตูหลังถัดจากห้องครัว บรูซเห็นบันไดที่พาขึ้นไปชั้นสอง ห้องที่เขานอนคล้ายจะเป็นห้องนอนแขก ขณะที่โซฟายาวในส่วนรับแขกมีกองผ้าห่มกับหมอน แสดงว่ามีผู้อาศัยอยู่มากกว่าจำนวนห้อง

ที่นี่คือหนึ่งในเซฟเฮ้าส์ของโจ๊กเกอร์กับสมุนอย่างไม่ต้องสงสัย และบรูซ เวย์น ก็อยู่ในใจกลางรังของพวกเขา

ชิฟฟ์ยกจานที่พูนด้วยแพนเค้กราดน้ำเชื่อมกับนมสดมาวางบนโต๊ะ

“ขอบคุณ” บรูซเอ่ยตามความเคยชิน เขาหยิบส้อมกับมีดตัดแพนเค้กชิ้นเล็ก ๆ เข้าปาก ตั้งใจทานเงียบ ๆ ไม่สนสายตาของตัวตลกที่นั่งเท้าคางเหมือนรอคอยคำชม

“เป็นไงครับ” ชิฟฟ์ตะล่อม “ถูกปากหรือเปล่า”

บรูซมองสายตาคาดหวังแล้วจำต้องพยักหน้า 

ชิฟฟ์กำหมัดชูขึ้นแล้วโห่ร้อง “ว่าแล้วคุณต้องชอบ!”

“ใครชอบอะไร?”

เสียงใหม่ดังแทรกจากทางบันได บรูซหันหน้าขวับก่อนต้องกลืนแพนเค้กลงคออย่างฝืดเฝื่อน 

ในบรรดาสมุนทั้งหมดของโจ๊กเกอร์ หากไม่นับเจ้าตัวเอง เขาไม่อยากพบกับจอนนี่ ฟรอสต์ ที่สุด

ชายวัยกลางคนสีหน้าท่าทางซึมเซาเดินลงบันไดตรงมายังโต๊ะที่ชิฟฟ์กับบรูซนั่งอยู่ ผมบลอนด์ของเขาชี้ฟูไม่เป็นทรง เสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงสแล็คสีขาวมีรอยยับย่นเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียง ไม่มีร่องรอยการแต่งหน้าทาปากเหมือนสมาชิกคนอื่น 

จอนนี่ทิ้งตัวลงเสียงดัง หยิบส้อมมาจิ้มแย่งแพนเค้กบนจานของเศรษฐีหนุ่มไปทานหน้าตาเฉย 

บรูซเลิกคิ้ว วางส้อมของตัวเองลง และแบมือให้เมื่อจอนนี่ทำท่าขอแพนเค้กไปทั้งจาน ถึงอร่อยถูกปากอย่างไรบรูซก็ทานไม่ค่อยลงอยู่ดี

ชิฟฟ์ขมวดคิ้ว พูดเสียงเบาผิดกับตอนอยู่กับบรูซแค่สองคนอย่างสิ้นเชิง “เดี๋ยวผมไปทำมาให้ใหม่ได้ ไม่เห็นต้องแย่งเลย” 

จอนนี่มองตัวตลกจากหางตา ยิ้มมุมปากเมื่อชิฟฟ์ผงะถอยชนพนักเก้าอี้เสียงดัง ก่อนหันมาให้ความสนใจกับบรูซ ดวงตาที่ลืมกึ่งหนึ่งจ้องเหมือนอยากชำแหละร่างของเขาออกมาพิจารณา

“คนเราต้องดวงตกขั้นไหนถึงมาเคาะประตูที่นี่” จอนนี่พูด “หรือไม่ก็เจ้าเล่ห์มากจึงเลือกทางนี้”

บรูซใคร่ครวญคำตอบ ขณะที่ภายนอกแสดงความอึดอัดผ่านสายตาและปลายนิ้วที่ขยับถูเข้าหากัน “ฉันแค่อยากหลบคนพวกนั้น”

“งั้นก็แค่ความซวยเหรอ หนีเสือปะจรเข้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องโชคลางหรือความบังเอิญ” จอนนี่เคี้ยวแพนเค้กคำโต ดวงตาไม่ละจากบรูซแม้แต่น้อย

“บางเรื่องก็แค่เกินควบคุม ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย” บรูซพูด “ฉันยินดีให้สินตอบแทนน้ำใจและชดเชยให้กับการรบกวนกลางดึก…”

จอนนี่หัวเราะในลำคอ “คิดว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่เหรอ คุณเวย์น”

“ฉันรู้ตัวเวลาไม่เป็นที่ต้อนรับ” บรูซขยับขา สายโซ่กระทบกันดังกริ๊ก

รอยยิ้มของจอนนี่ขยายกว้างไม่แพ้สมุนคนใดของจอมอาชญากร “ตรงกันข้ามต่างหาก เราปล่อยให้คุณพักผ่อนเต็มที่แล้วยังเอาอาหารมาประเคนให้ไม่ใช่หรือไง”

ชิฟฟ์กวาดตามองสลับไปมาอย่างลุกลน บรูซพยายามที่จะทำเหมือนกับกำลังควบคุมความตื่นกลัวที่ไม่มีแม้เศษเสี้ยว หากจำเป็นต้องใช้กำลังก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น แต่มันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ก่อนอื่นเขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้ถือกุญแจ 

บรูซขยับรอยยิ้มจาง “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องตกเป็นแขกโดยจำยอม และฉันรู้แก่ใจว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย พวกคุณต้องการอะไรล่ะ”

จอนนี่ยักไหล่ แต่ดวงตากระด้าง “ฉันไม่ใช่คนตัดสิน”

กุญแจอยู่ที่โจ๊กเกอร์ ข้อเท็จจริงนี้สมเหตุสมผลและตรงกับที่คาดเดา ทว่ามันก็ยังคงเทความเย็นเยือกลงช่องท้องของเขาอยู่ดี “คุณไม่พอใจ”

หลังวางช้อน จอนนี่ไถลตัวลงกับเก้าอี้ มือล้วงซองบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ ลมหายใจของเขาพรูออกเป็นควัน “เขารู้ว่าฉันคัดค้าน ทำไมต้องประวิงเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เขาสนุกกับอะไรแบบนี้นักล่ะ จ้องหาทางเลือกอันแสนประหลาดเป็นสิ่งที่ไม่น่าประหลาดใจที่สุดแล้ว”

บรูซนั่งเฉยอย่างไม่รู้จะพูดอะไร แบทแมนรู้เรื่องนี้ดีไม่แพ้ใคร ขณะที่บรูซ เวย์น คือเจ้าชายบนหอคอยงาช้างผู้ไม่เคยเกลือกกลั้วกับธุระใต้ดิน ปกติแล้ว เงินคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองหาจากตัวเขา แต่เมื่อโจ๊กเกอร์เป็นผู้ควบคุม บรูซก็มองไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

หรือวางแผนอะไร ถึงเจ้าตัวโพนทะนานักหนาว่าไม่เคยคิดคำนวณสิ่งใดล่วงหน้าเพราะมันทำลายความสนุก แต่การที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวเหมือนตัวหมากถูกจับวาง ล้มระเนระนาดโดยที่ยังสมประโยชน์เหมือนจัดเรียงโดมิโน่ บรูซไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าโจ๊กเกอร์เป็นแค่คนวิกลจริตดวงดีที่ได้นั่งเก้าอี้เจ้าชายแห่งอาชญากรรม

“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่งานเลี้ยงล่ะ” จอนนี่ถาม มือคีบบุหรี่ค้างไว้ ชิฟฟ์ลุกขึ้นแล้วเก็บจานไปล้าง เขาดูอึดอัดตั้งแต่ที่จอนนี่พยายามข่มขู่หาข้อมูล

คำถามวัดใจนี้ก็แทบไม่ต่างกัน เรื่องเกิดใกล้แหล่งกบดานขนาดนี้ไม่มีทางพ้นหูตามือขวาของโจ๊กเกอร์ไปได้ “มาเฟียละมั้ง พวกเขาโยนควันเข้ามา จากนั้นก็เปิดฉากยิงตามสูตรสำเร็จ” 

บรูซขยับมุมปาก เป็นไปไม่ได้เลยหากอาศัยในก็อทแธมแล้วจะเลี่ยงเหตุการณ์ทำนองนี้พ้น ประสบการณ์เสี่ยงตายกลายเป็นเรื่องชวนหัวคือของธรรมดา และความธรรมดาคือสิ่งที่เขาต้องการสวมให้แนบเนียนที่สุด 

ตอบคำคลุมเครือแล้วย้อนถามถึงข่าวสารภายนอก บรูซนึกถึงอัลเฟรดและคิดว่าพ่อบ้านชราจะกังวลขนาดไหนตอนพบว่าเขาหายไปจากงานเลี้ยงที่ถูกแก๊งของมาโรนี่ปั่นป่วน

จอนนี่เคาะเถ้าบุหรี่ทิ้งบนโต๊ะอาหาร “แล้วยังไงต่อ แค่วิ่งสะเปะสะปะ สุ่มเคาะประตูทุกบานที่ผ่านเหรอ”

บรูซตั้งท่านึก “ฉันก็จำไม่ได้ทั้งหมด อาจจะเพราะเสียเลือด…”

ม่าย นายไม่ได้เสียเลือดขนาดนั้น” เสียงใหม่ดังมาจากด้านหลัง 

บรูซตัวเกร็ง เขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า ไม่รู้เลยว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้ น้อยคนที่จะทำได้ และแต่ละคนที่สามารถก็เป็นพวกที่เขาไม่อยากพบขณะตัวเปล่า ไม่มีเกราะ ไม่มีอุปกรณ์พิเศษ

บรูซมองข้ามไหล่ ก่อนพบกับใบหน้าที่เป็นฝันร้ายยามตื่นของเขา

“แน่ใจเหรอว่าจำอะไรไม่ค่อยได้” โจ๊กเกอร์นั่งลงโดยพาดแขนบนพนักเก้าอี้ของบรูซแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“ฉันจำได้แค่ว่าเคาะประตูขอความช่วยเหลือ” บรูซเอนตัวออก เหลือบมองสมุนคนอื่นที่ทยอยเดินตามเข้ามาทิ้งตัวกับข้าวของลงที่ห้องนั่งเล่น ประตูเปิดอ้าเห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ในใจลอบตระหนก เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง แต่เป็นเวลาเย็นแล้ว

โจ๊กเกอร์เอียงตัวบัง “เหรอจ๊ะที่รัก ไม่ใช่ว่าตอนนั้นนายพูดอย่างอื่นด้วยเหรอ”

ดวงตาสีเขียวมีรอยบิ่นเบี้ยว ระทึกครึกโครมต่อใครก็ตามที่สบ และบรูซไม่ใช่ข้อยกเว้น แบทแมนไม่เคยได้รับการยกเว้น รอยยิ้มที่ฉีกกว้างตามรอยปริข้างมุมปากและเสียงหัวเราะครวญเหมือนไฮยีน่าพบเหยื่อติดกับไม่ใช่อะไรที่พบบ่อยครั้งแล้วจะทำใจให้ชินได้ แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือมันไม่เคยมุ่งตรงหาบรูซ เวย์น อย่างมีจุดประสงค์มาก่อน 

ในเสี้ยววินาทีที่บ้าคลั่งไม่แพ้รอยแยกบนริมฝีปากกับรอยแผลนับไม่ถ้วนบนผิวโจ๊กเกอร์ บรูซสังเกตเห็นรอยเลือดเป็นด่างดวงบนเสื้อกั๊กสีแดงและขอบแขนเสื้อเชิ้ตที่พับขึ้นถึงศอก กลิ่นเถ้าควันเจือจางใต้โคโลญจน์หวานเชื่อม ท่าทางเหนื่อยล้าของบรรดาตัวตลก สายตาที่จับจ้องเพียงเขาตั้งแต่ปรากฏตัว

นายไปไหนมา แบทแมนตั้งคำถาม แต่บรูซส่ายหน้า เปลี่ยนโทนเสียงให้สั่นเครือและอ่อนลงอย่างยากลำบาก “ฉันไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่งานนั่น ทุกอย่างวุ่นวายไปหมดและฉันก็แค่พยายามเอาตัวรอด” บรูซกลั้นใจพูดต่อ “ได้โปรดเถอะ แค่บอกมาว่านายต้องการอะไร”

“ชอบจังเวลานายอ้อนวอน” โจ๊กเกอร์หัวเราะคิกแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้

บรูซรู้สึกปวดขมับ เขาต้องกัดฟันห้ามตัวเองไม่ให้กระชากคอเสื้อตัวตลกมาเขย่า ดวงตามองตามร่างสูงชะลูดที่เดินไปหลังเคาน์เตอร์บาร์ บรูซไม่กล้าหันหลังให้อีกฝ่าย

โจ๊กเกอร์สังเกตเห็นสายตาของเขา ดวงตาวาวขึ้นเหมือนชอบใจ “คุณเวย์นของเราทานอาหารกับยาหรือยังนะ ชิฟฟ์”

ชิฟฟ์ขยับตัวอย่างลุกลน “คุณเวย์นยังไม่ได้ทานยาเลย”

“ฉันไม่อยากรบกวนมากกว่านี้” บรูซบอก รู้สึกกังวลความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของโจ๊กเกอร์แทนชายร่างผอมบาง แต่ยังไงเขาก็ไม่มีทางเอายาที่ไม่รู้มีส่วนประกอบอะไรบ้างเข้ามาในร่างกายเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาจากโจ๊กเกอร์

“ไม่กินก็ไม่กิน” โจ๊กเกอร์แสยะยิ้ม เขาเปิดตู้เย็นแล้วหยิบกล่องพลาสติกใบหนึ่งออกมา “แต่ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ไปขอยาจากชิฟฟ์” 

ชิฟฟ์พยักหน้ารับจนคล้ายได้ยินเสียงกระดูกลั่น โจ๊กเกอร์เดินยักย้ายไปอีกทาง “แต่ขอก่อนกลับเข้ามานอนล่ะ ฉันไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามากวน”

บรูซอ้าปากเตรียมรับคำ แต่ต้องชะงักงันเมื่อโจ๊กเกอร์เดินเข้าไปในห้องที่มีสายโซ่ลอดผ่านใต้ประตู 

บรูซหันกลับไปทางชิฟฟ์อย่างตั้งตัวไม่ติด

“บอสไม่ชอบให้พวกเราเข้าไปในห้องส่วนตัวครับคุณเวย์น” ชิฟฟ์นึกว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่โจ๊กเกอร์พูด “เขาไม่ยอมให้ใครเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลคุณเลย ยกเว้นตอนที่ต้องออกไปข้างนอกแล้วสั่งให้ผมเฝ้าคุณไว้”

จอนนี่นั่งมองการแลกเปลี่ยนของพวกเขาเงียบ ๆ พลางสูดควันลงปอด สีหน้าเฉยเมยแต่สายตาเคลือบแคลง และบรูซเข้าใจในทันทีว่าทำไม 

เป็นครั้งแรกที่เขากลัวสิ่งที่ตนเองคิดออก “เขาไปหาพวกที่ล่มงานเลี้ยง” 

จอนนี่หัวเราะก๊ากแล้วสำลักควัน “ล่มงานเลี้ยงเหรอ เรียกอย่างนั้นก็ได้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงตามไปไล่เก็บมาเฟียอิตาลีให้เจ้าชายรูปงาม พวกนายเคยเจอกันมาก่อนเหรอ”

บรูซส่ายหน้าปฏิเสธ จอนนี่ถอนหายใจ ดูเหมือนภาพคนรวยผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่นำเสนอไปจะหลอกตามือขวาของตัวตลกไม่ได้เลยสักนิด แต่นั่นก็เพราะวิธีที่โจ๊กเกอร์ปฏิบัติต่อเขา กระทั่งบรูซยังระแวงสงสัย การได้รับความสนใจจากอาชญากรที่อันตรายที่สุดไม่ใช่เรื่องดี แต่ในเวลาเดียวกันความสนใจนั้นก็เป็นเหมือนป้ายติดประกาศว่าเขามีคุณสมบัติบางอย่างจึงต้องตา

“เอาเถอะ ยังมีเวลาซักไซ้กันอีกมากล่ะฉันว่า” อีกฝ่ายปรายตามองสายโซ่ที่คล้องรอบข้อเท้าก่อนเด้งตัวขึ้น “แต่คิดอีกที ฉันไม่ขอรับรู้เรื่องระหว่างพวกนายดีกว่า”

จอนนี่ ฟรอสต์ เดินไปที่ห้องนั่งเล่น ปรบมือเสียงดัง “ได้เวลาทำงานแล้วสาว ๆ!”

เสียงโอดครวญดังระงม ก่อนจะตามมาด้วยการจับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะต้องออกไปทำงานล่วงเวลากับจอนนี่ ผลการจับไม่ใกล้เคียงกับสันติเลยแม้แต่น้อย และบางไม้ก็หดสั้นเพราะเสียบหายไปบนแขนของบางคน

บรูซลุกขึ้น ห้องหมุนโคลงจนเขาต้องจับพนักเก้าอี้ แผลตรงสีข้างแสดงตัวขึ้นมาด้วยความเจ็บเฉียบพลัน

ชิฟฟ์รีบเดินเข้าหา “ให้ช่วยไหมคุณเวย์น”

“ไม่เป็นไร ชิฟฟ์” บรูซโบกมือก่อนลากขากลับห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมา ไม่รู้ว่าอาการหนาวสลับร้อนเกิดจากปฏิกิริยาของสารที่ยังตกค้างในร่างหรือเพราะคนที่รอคอยอยู่ข้างใน

ประตูไม่ได้ปิดสนิท บรูซจึงใช้ไหล่ดันออกเบา ๆ มองชายร่างสูงนอนกระดิกเท้าบนเตียงที่เขาเพิ่งนอนเมื่อครู่ เสื้อกั๊กถอดทิ้งบนพื้นเหลือเพียงเชิ้ตสีม่วงแดง กล่องพลาสติกเปิดฝาออกวางบนอก ข้างในมีเชอร์รี่สดที่มือขาวราวสีกระดูกทยอยหยิบเข้าปาก

“เอาสักลูกไหม” โจ๊กเกอร์ถาม

บรูซพยายามจะไม่ยกแขนขึ้นกอดอกและใช้สายตาเวลาสวมหน้ากาก “ทำไมถึงขังฉันไว้ที่นี่”

ขังเหรอ” คำถามโยนกลับมาพร้อมเสียงสูง

บรูซขยับข้อเท้า เสียงโลหะกระทบพื้น “แล้วแบบนี้เรียกว่าอะไร”

“อืมมม เป็นเจ้าบ้านที่ดีมั้ง”

“ด้วยการล่ามแขกไว้ในห้องนอนเหรอ”

“พูดเรื่องซุกซนออกมาหน้าตายเลยนะ” โจ๊กเกอร์หัวเราะมีเลศนัย เขาเงยหน้าแลบลิ้นเลียผลเชอร์รี่ ตากลอกมองเพดาน “ส่วนใหญ่พวกมันไม่เหลือแรงเดินออกไปหรอก บางทีก็ไม่เหลือลมหายใจด้วย” 

เสียงหัวเราะที่ตามมาเหมือนลมเย็นเฉียบเป่าหลังคอ ความเหนื่อยล้าถ่วงร่างลง ความเครียดกังวลว่าบางทีโจ๊กเกอร์อาจไม่ต้องการให้เขารอดออกไป หรือเลวร้ายกว่าคือต้องการสิ่งที่เขามอบให้ไม่ได้

“นายดูเครียดนะ” โจ๊กเกอร์ขยับตัว กล่องเชอร์รี่ถูกทิ้งไว้ปลายเตียง เขาวางเท้าสองข้างบนพื้นแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า หากเป็นคนอื่นคงเข่าสั่นล้มลง การได้รับความสนใจของโจ๊กเกอร์มากเพียงนี้ไม่ต่างจากการรับมีด และโจ๊กเกอร์ก็ชำนาญการใช้ของมีคมไม่แพ้ใครในก็อทแธม “ยิ้มหน่อยสิ เครียดเกินไปเดี๋ยวรอยย่นก็ขึ้นบนหน้าตาดี ๆ นั่นหมดหรอก”

บรูซเพิ่งรู้ตัวว่าเขาจับกลอนประตูแน่นแค่ไหน “นั่นมันเรื่องถนัดของนาย ไม่ใช่ของฉัน”

“ประโยคแบบนั้นฟังดูเหมือนแบทซี่” โจ๊กเกอร์ร้องเป็นทำนอง รอยยิ้มสยายโค้งเปิดแผลเป็น 

บรูซทำเป็นไม่ได้ยิน “นายขังฉันไว้ไม่ได้ สุดท้ายแล้วตำรวจก็ต้องออกตามหาจนเจอ”

“ฉันรู้ จอนนี่ก็เอาแต่บ่นว่าขี้เกียจย้ายบ้าน งานเลี้ยงมีวันเลิกรา น่าเบื่อ

เศรษฐีหนุ่มกะพริบตา สงสัย “ถ้างั้นทำไม…”

“ได้ยินว่าบรูซ เวย์น ชอบควงคู่ออกงาน สนใจรับฉันไว้สักคนไหมที่รัก” โจ๊กเกอร์เปลี่ยนเรื่องกะทันหันจนบรูซเงียบไปพักหนึ่ง

“ไม่แน่ใจว่าจะรับไหว”

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง” โจ๊กเกอร์ยิ้มกว้างขึ้นเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารื่นเริง “สภาพดูไม่ไหวเลย มานั่งนี่มาหวานใจก่อนจะล้มพับไปซะก่อน ใช่ว่าฉันจะรังเกียจการอุ้มนายขึ้นมานอนบนเตียงหรอกนะ เมื่อคืนก็ทำไปแล้วรอบหนึ่งนี่นา”

บรูซขมวดคิ้ว ริมฝีปากคว่ำอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อโจ๊กเกอร์ตบมือบนต้นขา จากทุกสิ่งที่นำมาถึงตอนนี้ เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร “ไม่

ทำไมไม่ มันต่างกับการนอนกับหญิงชายแปลกหน้าพวกนั้นยังไงเหรอ หรือนายไม่ชอบรอยยิ้มจิ้มลิ้มน่ารักบนแก้มของฉัน” โจ๊กเกอร์แนบมือทั้งสองบนแก้มและกะพริบตาปริบอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

บรูซเม้มปากแน่น โจ๊กเกอร์ตัวสั่น กลั้นเสียงหัวเราะ

“ปิดไฟก็ได้ถ้านายเขิน”

“ฉันไม่อยากให้มือของนายคลาดสายตา”

“นายทำแบบนั้นอีกแล้วน้า ทำตัวเหมือนค้างคาวยักษ์เลย”

บรูซรู้ตัวเช่นกัน หน้ากากของเขากำลังหลุดออก 

โจ๊กเกอร์กรีดยิ้ม แหลมคมเหมือนพร้อมกัดขย้ำ “มีแค่ทางนี้ หรือไม่ก็เตือนความจำกันหน่อยว่านายพูดอะไรตอนที่ฉันเปิดประตูออกไปรับ”

“ฉันจำไม่ได้”

“ดื้อชะมัดยาด” ตัวตลกกล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่รอยยิ้มห่างไกลจากความอ่อนหวาน ต่างกับน้ำเสียงและท่าทางกระตุกสายโซ่เหมือนกระตุกชายเสื้อคนรัก “มีแค่สองทาง เลือกมาก่อนที่ฉันจะเลือกให้นายเอง

บรูซเงียบ คราวนี้เขาปล่อยให้ความโกรธโหมในดวงตา แสดงความปรารถนาอยากเผาจอมวายร้ายตรงหน้าให้มอดไหม้ ชายหนุ่มก้มลงถือสายโซ่ในกำมือ ไม่สนใจว่ารอยแผลที่ไม่ทันปิดสนิทจะฉีกออกแล้วพุ่งเข้าหาตัวตลก ตั้งใจจะเถือเนื้อหักกระดูกโดยไม่ยั้งมือและไม่ยอกย้อน 

โจ๊กเกอร์มองออกและตั้งรับได้อย่างง่ายดายเสียจนน่ากลัว เหมือนเต้นรำ เสียงในความทรงจำพลอดบอกข้างหูก่อนที่บรูซจะถูกคว้าและจับกระแทกลงบนเตียง

ลมหายใจขาดห้วงและหลุดลอดริมฝีปาก บรูซหน้ามืดไปเสี้ยววินาที แต่แขนขาของเขาไม่ได้เชื่องช้า บรูซยกขาที่คล้องกำไลโลหะขึ้นพาดสายโซ่รอบลำคอคนด้านบนแล้วออกแรงดึง

โจ๊กเกอร์สำลักอากาศแต่เสียงหัวเราะยังกลั้วคอ 

บรูซดันตัวขึ้น ดวงตาเริ่มพร่ามัว “กุญแจอยู่ที่ไหน”

พวกเขาค้างอยู่ในท่าทางที่ประหลาด ขาข้างหนึ่งของบรูซทับบนต้นขาโจ๊กเกอร์ อีกข้างพาดบนบ่า มือข้างหนึ่งจับคอเสื้อ อีกข้างอ้อมไปด้านหลังเพื่อดึงสายโซ่ซึ่งดูคล้ายท่ากอด — หากหัวของเขาไม่ได้ปวดเหมือนค้อนทุบตลอดเวลา บรูซคงกดความรู้สึกว่าตนอยู่ในภาวะเปราะบางขนาดไหนลงไม่ได้

โจ๊กเกอร์หัวเราะลั่นจนน้ำตาคลอเบ้า ท่าทางปราศจากความทุกข์ร้อน “บอกซะให้ยากสิ เราต่างรู้กันดีนะว่านายถือกฎเคร่งครัดน่ารำคาญอะไรอยู่”

“ฉันทำลายแกได้”

“และนั่นก็คือบทสารภาพรักที่อ่อนหวานที่สุดเลย”

บรูซพ่นลมหายใจอย่างเหน็ดหน่าย วิธีการปกติไม่เคยนำมาใช้ต่อรองกับโจ๊กเกอร์ได้เลย “นายต้องการอะไรกันแน่”

“ส่วนใหญ่ก็ความสนุกสนาน” โจ๊กเกอร์กล่าวอย่างร่าเริง ไม่ได้นำพาหรือแสดงอาการอึดอัดกับแรงรัดรอบคอที่ใกล้ปิดกั้นทางเดินหายใจแม้แต่น้อย “แต่สำคัญสุดคือนาย เป็นนายเสมอ ที่รัก ทีนี้ก็เลือกมาว่าอยากปิดฉากแบบไหน ระหว่างสารภาพความจริงมาว่านายจดจำทุกคำพูดของเมื่อคืนก่อนได้ หรือสร้างค่ำคืนที่น่าจดจำร่วมกันแทน ไม่อย่างนั้นเราก็คงต้องติดแหง็กแบบนี้ไปตลอด ใช่ว่าฉันจะรังเกียจหรอกนะ การนอนกอดตุ๊กตาโปรดเทียบอะไรไม่ได้เลยกับการกอดก่ายร่างกายอุ่น ๆ”

บรูซผลักตัวโจ๊กเกอร์ออก มันกลายเป็นความผิดพลาดร้ายแรงเมื่อสายโซ่ยังคล้องอยู่ระหว่างลำคอตัวตลกกับข้อเท้าของเขา โจ๊กเกอร์สำลัก ขณะที่บรูซนั่งบนตักของอีกฝ่ายทั้งหูอื้อตาลาย เขารู้สึกได้ว่าผ้าพันแผลรอบลำตัวเปียกชื้น กลิ่นสนิมเบาบางต้องจมูกชวนคลื่นไส้

“กล้ามเนื้อขนาดนี้แต่ก็ตัวอ่อน น่าประทับใจ” แน่นอนว่าโจ๊กเกอร์ต้องทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างอดไม่อยู่ ตัวตลกผิวปาก บรูซนิ่วหน้าก่อนยกมือตะครุบใต้จมูกโจ๊กเกอร์ แต่เขาต้องรีบผละมือออกทันทีเมื่อปลายลิ้นเลียผ่านฝ่ามือ

“เป็นบ้าอะไรของนาย” บรูซย่นจมูกก่อนเช็ดมือบนเสื้อของอีกฝ่าย 

โจ๊กเกอร์กดสายตา คิ้วยกสูง “ยังจะถามอีกเหรอ”

บรูซสูดลมหายใจ มือสองข้างกดบนไหล่ตัวตลกก่อนยกสายตาขึ้นจ้องเขม็ง มองรูม่านตาที่ขยายออกราวกับอีกฝ่ายกำลังมองตอบความมืด อาการครั่นเนื้อตัว หนาวสลับร้อนไหลผ่านร่างเป็นช่วง บรูซพยายามชั่งน้ำหนักว่าสิ่งใดเลวร้ายกว่ากันระหว่างการยินยอมตกลงทางเลือกที่ได้รับ กับการไม่เลือกอะไรเลย 

โจ๊กเกอร์รู้ว่าเขากำลังคิด อีกฝ่ายไม่ขยับกระทั่งผิวเนื้อที่ขมวดตึงเป็นรอยยิ้ม

“ตอนนั้น…” บรูซจดจ่อสายตาข้ามไหล่โจ๊กเกอร์ไปยังผนังว่างเปล่า “ฉันบอกว่า ไม่รู้จะไปที่ไหน

“แล้วนั่นเพราะอะไรล่ะ”

บรูซเพิ่งรู้ตัวว่ามือของโจ๊กเกอร์ขยับลูบจากข้างสะโพกของเขาขึ้นไปถึงสีข้างที่มีบาดแผล ขยับขึ้นลงอยู่อย่างนั้นเหมือนปลอบประโลมสัตว์บาดเจ็บ

เขายังคงจ้องผนังตอนเอ่ยตอบ “เพราะนายอยู่ใกล้ที่สุด”

บรูซรู้สถานที่กบดานล่าสุดของโจ๊กเกอร์ก่อนงานเลี้ยงเพียงไม่กี่ชั่วโมง

มันเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหนึ่งในผู้บริหารเวย์นเอ็นเตอร์ไพรซ์ ไม่มีใครสนหากบรูซ เวย์น ปฏิเสธคำเชิญที่ส่งมาตามมารยาท แต่บรูซก็ตั้งใจมาด้วยจำเป็นต้องรู้ความเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคลในบริษัท เขาไม่อยากค้นพบเมื่อสายไปแล้วว่าใครคนใดคนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟียเมือง หรือคบค้ากับใครก็ตามที่อันตรายเกินกว่าจะวางใจให้ควบคุมธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คน

บรูซตั้งใจว่าหลังจบงานเลี้ยง เขาจะออกลาดตระเวนบริเวณรอบ ๆ อาคารที่พักอาศัยของกลุ่มตัวตลก แต่ด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง มาโรนี่เลือกสถานที่จัดงานเป็นจุดทดสอบสารตัวใหม่ ซึ่งเป็นการยืนยันทางอ้อมว่าใครบางคนในงานมีประวัติกับแก๊งมาเฟียอิตาลี

ทว่าโชคร้าย นั่นหมายความว่าบรูซ เวย์น ก็โดนลูกหลงครั้งนี้ด้วย

เพียงแค่รอยถากก็เกือบจะทำให้เขาหลบฉากออกมาไม่ได้ การสวมหน้ากากกลับเข้าไปช่วยคนจึงไม่อยู่ในตัวเลือกครั้งนี้ บรูซส่งสัญญาณถึงกอร์ดอนกับดิ๊ก ก่อนเดินตัวโคลงผ่านกลุ่มควันและแขกเหรื่อที่นอนครวญอย่างทรมานบนพื้น บรูซเห็นภาพหลอน แต่ยังไม่มากพอกลบเสียงฝีเท้าที่ดังไล่มาจากทางเข้าที่รถของเขาจอดอยู่ บรูซจำเป็นต้องเลือกทิศทางตรงข้ามและหาสถานที่ปลอดภัยก่อนที่จะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ในเวลากระชั้นชิด เขากลับนึกถึงอาคารที่ห่างออกไปเพียงหนึ่งช่วงถนน 

เป็นอันรู้ดีว่าแก๊งมาเฟียทั้งหลายในก็อทแธมครั่นคร้ามกลุ่มลัทธิของโจ๊กเกอร์เพียงใด พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะหรือข้องเกี่ยวธุระใดก็ตามที่โจ๊กเกอร์มีส่วนร่วม 

ความรู้สึกว่าตนจะต้องเสียใจภายหลังกะพริบวาบเหมือนเปลวเทียนกลางลม บรูซรู้ว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย แต่กับปัญหาเฉพาะหน้านี้ และในเวลาที่เสียงปืนดังปะทุข้างหูทั้งที่ปราศจากกระสุนแหวกอากาศ มือเท้าชาและเย็นทั้งที่เหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้า บรูซพยายามสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงแต่นั่นกลับทำให้โลกไหวเอียงยิ่งกว่าเดิม หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบแน่นหน้าอก แต่ละย่างก้าวยากลำบากไม่แพ้วันคืนที่ฝึกฝนในสมาพันธ์ของราซอัลกูล

บรูซเกือบจะล้มตอนที่ประตูเปิดออก เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายันมือพิงประตูไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนข้างใน แทนที่จะใจหายวาบด้วยความกลัว เขากลับสบดวงตาสีเขียวคู่นั้นและคิดว่าสีสันนี้ไม่ได้เป็นของสิ่งที่เกิดโดยธรรมชาติ แต่เป็นบางสิ่งที่สร้างจากเคมีกับพิษที่ท่วมท้นในส่วนลึกของก็อทแธม

ในความรู้สึกของเขา เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ยาวนานกว่าจะตระหนักว่าควรพูดอะไรสักอย่าง

ฉันไม่รู้จะไปที่ไหน

นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่บรูซจำได้ก่อนจะตื่นขึ้นมาในห้องนี้

บรูซขมวดคิ้ว ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมามองชายที่มีรอยยิ้มฉีกกว้างถึงใบหู

โจ๊กเกอร์เอียงคอ เส้นผมสีเดียวกับดวงตาปรกลงบนหน้าผาก สองมือไม่ยอมหยุดลูบลำตัวของเขา “มีอะไรอยากถามฉันหรือเปล่าน้า”

“นายรู้

ไม่มีเหตุผลใดให้ตัวตลกเปิดประตูต้อนรับคนแปลกหน้า หรือรับเขาเข้ามาในความดูแลแทนที่จะโยนทิ้งที่ไหนสักที่ รอให้คนของมาโรนี่มาพบเอง ต่อให้ใครคนนั้นจะเป็นมหาเศรษฐีของเมือง เงินไม่เคยอยู่ในความสนใจของโจ๊กเกอร์มาก่อน เขาเคยเผาเงินหลายล้านของฟอลโคเน่ เคยโยนอัญมณีและของมีค่ามากมายราวกับพวกมันเป็นแค่ขยะ เพียงเพื่อให้ได้เล่นไล่จับกับแบทแมน

ยากจะเชื่อว่ารอยยิ้มของโจ๊กเกอร์สามารถแยกขยายไปได้มากกว่านี้ แต่มันก็เกิดขึ้นต่อหน้าบรูซแล้ว ตัวตลกก้มลงจนใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงปลายจมูก “แน่อยู่แล้ว ใครจะจำรอยแผลที่ฝากไว้บนตัวของยอดรักไม่ได้”

บรูซแน่ใจว่าแทบทั้งหมดของคนที่เคยสร้างรอยแผลบนตัวเขาไม่มีทางจดจำรายละเอียดได้เหมือนตัวตลกตรงหน้า บรูซจำได้ทุกอย่างเพราะการฝึกฝนและขัดเกลาตัวเองให้รู้จักการมองและตระหนักตัว แต่สำหรับโจ๊กเกอร์ที่ความคิดวิปริตผิดสามัญแล้ว บรูซระแคะระคายว่ามันไม่มีทางเป็นไปด้วยใจบริสุทธิ์

ชายหนุ่มขยับตัวถอย “กุญแจล่ะ”

“น่าจะนอนพักอีกสักคืนนะ” โจ๊กเกอร์กล่าวเป็นทำนองก่อนปรายตามองไปทั่วห้อง ดูเหมือนเด็กที่ควบคุมสมาธิไม่ได้ แต่มือกลับจับใต้ข้อพับเข่าของบรูซแน่นเหมือนกอดของเล่นไว้ไม่ยอมปล่อย

บรูซหรี่ตา “วางแผนอะไรไว้อีก”

“ขี้ระแวง” โจ๊กเกอร์ตำหนิ “ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นสำหรับนาย ฉันอยากเล่นกับแบทแมน ไม่ใช่บรูซ เวย์น”

พวกเขาคือคนเดียวกัน บรูซหยุดตัวเองไว้ทัน เขาเดาว่าสำหรับโจ๊กเกอร์แล้วตัวตนทั้งสองคงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ระหว่างที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับความเหมือนหรือต่าง โจ๊กเกอร์ก็คลายสายโซ่จากลำคอแล้วผลักเขานอนลง บรูซนิ่วหน้าจากแรงกระแทกบนปากแผลและความวิงเวียน กว่าจะรู้ตัวก็ถูกรวบเข้าไปในวงแขนที่ยืดยาวและโครงกระดูกนูนหนาผิดรูปเสียแล้ว

สายตาของเขาอยู่ในระดับเดียวกับดวงตาสีเขียวโปนพอดี

“ไม่ปิดไฟตามที่นายบอก” โจ๊กเกอร์เอ่ย

บรูซผ่อนลมหายใจยาว ไม่ยอมคลาดสายตาแม้สภาพร่างกายที่หนักอึ้งนี้คงไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นการกระทำใด ๆ ของตัวตลกได้ เขามองทั้งสมองขาวโพลน เหมือนวินาทีแรกที่โจ๊กเกอร์เปิดประตูออกมา รอยวาดสีแดงโค้งเป็นวงจันทร์เสี้ยว แต่ริมฝีปากไม่ได้เคลื่อนโชว์ซี่ฟัน ไม่มีกิริยาแลบเลีบเหมือนงู หรือรอยแสยะอย่างหมาล่าเนื้อ แค่ยืนตรงนั้น แทบจะคล้ายว่าตะลึงลาน เหมือนคนที่เดินวนในวงกตก่อนพบเจอแสงสว่างอย่างไม่คาดฝัน

แต่ระหว่างพวกเขาไม่มีทางออก ไม่มีคืนที่ไร้พายุ หรือเงียบสงัดโดยไร้คลื่นลมรอโหม

ไม่เคยมีมาก่อน

“นายก่อน” บรูซพูด หลังจากพวกเขาจ้องกันมาครู่ใหญ่

โจ๊กเกอร์หัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะ เขากระชับอ้อมกอด ก่อนหลับตาลง

บรูซนอนมอง อดทนรอจนกระทั่งลมหายใจของคนตรงหน้าเข้าออกสม่ำเสมอจึงยอมแพ้ให้กับความอ่อนเพลียแล้วตกลงสู่นิทรา


2 ความคิดเห็น:

  1. ​คุณเจเต๊าะ​เก่งหยอดเก่งชวนกรี๊ด​มาก ชอบการแซวบรูซว่าแบทซี่ออกมาแล้วนะอยู่เรื่อย​ 555+ คุณ​เจที่ดูมีความสุขที่บรูซมาพึ่งก็น่ารัก​~ บรูซที่อยู่​กับคุณเจแล้วเป็นทั้งบรูซทั้งแบทแมนก็น่าเอ็นดู~ สนุกมากเลย​ ขอบคุณ​ที่​แต่งค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ยินดีค่ะ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์มากเลย ^^

      ลบ