วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565

[DCU] Cupcake (Joker/Batman)


Cupcake

DCU (Comics) and Batman

— Joker / Batman —

Summary : ของขวัญไม่เป็นเพียงการแสดง แต่ยังเป็นขนมชิ้นหนึ่ง

Warning : Possessive thought?, Toxic Relationship




โศกนาฏกรรมเหมือนเปลวเพลิงลุกโชนยามค่ำคืน เป็นพลุไฟสว่างดังกึกก้องไกลกว่าตาเห็น เรื่องเลวร้ายสิงสู่ผ่านอารมณ์และสำนึก เดินทางไกลกว่าประสบการณ์หรือความเข้าใจ ยิ่งประหลาดผิดวิสัย ยิ่งถลำฝังแน่นลึก

ชาวก็อทแธมเรียกเกมของคุณว่าโศกนาฏกรรม และคุณโน้มตัวรับอย่างนักแสดงบนเวทีแสดงความเคารพผู้ชมหลังเสียงปรบมือ หลังกรีดรีดเสียงหัวเราะผ่านดวงตาเบิกโพลงของเหยื่อ หรือหลังเสียงกัมปนาทคละเถ้าถ่านกับเนื้อไหม้ 

ท่วงทำนองแหลมสูงทั้งหลายทำให้ใจของคุณเบิกบานและเปี่ยมชีวิตชีวาอย่างที่สุด คุณจึงเต็มใจอย่างยิ่งหากผู้คนจะจดจำคุณในด้านนี้ ด้านของผู้รักความหฤหรรษ์อย่างไร้สติสำนึก

แต่บางเวลา คุณก็ไม่ปฏิเสธว่าต้องการจะถูกมองในด้านอื่น

เพราะใครเล่าจะมีเพียงด้านเดียวในตัวตน คุณเองก็มีด้านของความอ่อนละมุนซุกซ่อนอยู่เช่นกัน ทว่ามีเพียงคนเดียวที่คุณปรารถนาจะเผยให้เห็นถึงราก

ดังนั้น คุณจึงยื่นขนมหวานสีสันสดใสให้เขา “รับไปสิ แบทแมน”

เขายืนนิ่งไม่ขยับ คล้ายรูปปั้นที่ประดับเหนืออาคารเก่าแก่ของเมือง เฝ้ามองอย่างเงียบงัน แทบจะกลืนเป็นหนึ่งกับความมืด สายตาที่กลบทับด้วยแสงขาวดูราวกับตาปีศาจ แต่คุณรับรู้ความนึกคิดได้จากท่าทาง จากวิธีไหวไหล่ จากลมหายใจเข้าออก รายละเอียดแม้เพียงเล็กน้อยแค่ไหนก็ถูกคุณสะกดกลืนหมดสิ้น

เขามองคัพเค้กในมือคุณอย่างระแวงสงสัย

“ถ้านายไม่รับไป ฉันจะกดตัวจุดระเบิดนะ” คุณกดดัน รอยยิ้มฉีกกว้าง

เสียงสั่นสะอื้นดังขึ้นทันควันราวกับจะยืนยันคำพูด บรรดาตัวประกันนั่งกับพื้น มือเท้ามัดคล้องกันด้วยสายไฟนีออนหลากสี คล้ายของขวัญวันเทศกาลที่แทนจะมอบสุขกลับสำแดงแต่ความหวั่นผวา ที่สุดปลายของสายไฟต่อไปถึงห่อระเบิดกับนาฬิกาที่หน้าปัดยังหยุดนิ่ง

บนตึกร้างไร้แสง ใต้ท้องฟ้าคืนเดือนดับ ไฟสีรุ้งกะพริบวิบวับอย่างรอคอย

แบทแมนยังไม่ยอมเคลื่อนไหว “ถ้าฉันรับมันมา นายต้องปล่อยตัวพวกเขา”

“แน่นอน ถ้านายทานขนมที่ฉันทำให้ก็ถือว่าฉันก็ไม่มีธุระอะไรกับหนู ๆ พวกนี้แล้ว”

“จะไม่มีการตามรอยทีหลัง และพวกเขากลับลงไปได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน” เขาพูดต่ออย่างรู้ทัน

คุณทาบมือขวาบนตำแหน่งหัวใจ ยื่นคัพเค้กให้จากมือซ้าย ม่านตาขยายกว้าง ปากกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น “ฉันสัญญา”

หากเป็นคนอื่นจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

รับขนมหวานและกัดกินอย่างว่าง่าย ยินยอมเชื่อคำสัญญาที่ได้มา

หรือจะปฏิเสธ และตอบโต้ด้วยความรุนแรง

สองทางเลือกปรากฏชัดต่อหน้า แต่ภายใต้กฎของโลกไร้ขื่อแปย่อมมีข้อยกเว้น

คุณมองแบทแมนก้าวเข้าหา อดยิ้มไม่ได้เมื่อสบสายตาระแวดระวังหลังหน้ากาก เขาไม่ได้หวาดกลัว แต่เขากำลังสงสัย ฟันเฟืองหมุนถี่รอบเพื่อหาเล่ห์กลหลังการกระทำ

ไม่เชื่องช้า ไม่เร่งรีบ เสียงทุบในอกของคุณดังเท่าฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาจนรู้สึกถึงความอบอุ่นใต้ผ้าคลุม

เขาเอื้อมมือ คุณชักกลับ

แบทแมนหรี่ตา “โจ๊กเกอร์”

คุณยิ้มรับคำเตือนแล้วมอบของให้อย่างจำนนเมื่อได้ยลสิ่งที่ปรารถนา

เขามองกลับโดยไม่ละสายตา ก่อนเลื่อนลงมาจับจ้องสิ่งของในมือ คัพเค้กสีสันสดใส เนื้อแป้งสีขาว ระบายด้วยครีมสีเขียวสด โรยกลบด้วยเม็ดน้ำตาลหลากสี

“ไม่ลองชิมเหรอ แบทซี่”

ดวงตานั้นตวัดกลับมามองคุณ

แบทแมนบีบเค้กชิ้นเล็กจนแหลกเละคามือ

คุณตีหน้าเศร้า “นั่น...ทำร้ายจิตใจกันเกินไปหน่อยไหม”

“งั้นเหรอ” เขาคลายมือออก กลิ่นหอมหวานกำจายในอากาศ เศษขนมปังร่วงหล่นลงพื้น ปรากฏให้เห็นสิ่งที่ซุกซ่อนไว้

รีโมทจุดระเบิด

คุณส่งสายตาตัดพ้อ ขัดแย้งกับริมฝีปากที่ไม่อาจฉีกยิ้มกว้างไปมากกว่านี้ “อย่างน้อยก็น่าจะชิมสักคำเพื่อรักษาน้ำใจสักนิดนะ คัพเค้ก

โทสะแผ่สยายเหมือนเงาดำ เขากดปุ่มยกเลิกคำสั่งแรงกว่าที่จำเป็น เสียงปลดล็อกดังกริ๊ก ตัวประกันแกะสายไฟออกจากตัวก่อนทยอยลุกขึ้นยืนทั้งขาสั่นเทา ละล้าละลังราวกับชั่งใจ จนสุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ความกลัวแล้ววิ่งหายไปในความมืดโดยไร้คำร่ำลา

เสียมารยาท คุณควรจะสั่งสอนพวกมัน แต่คุณให้คำสัญญาแล้ว และคุณก็ตั้งใจจะรักษาไว้

คุณเหลียวกลับมายังคนข้างตัว “ทำไมถึงไม่กินล่ะ แบทซี่”

“ไม่หิว” เขาตอบน้อยคำตามนิสัย น้ำเสียงทุ้มเบายังไม่คลายจากอารมณ์โกรธ ขณะที่ดวงตาปรายมองอย่างเฉยชา “และไม่อยากกรอกพิษใส่ตัว”

คุณแสยะยิ้ม เสียงหัวเราะกลั้วในลำคอก่อนเริ่มแผดออกเหมือนมือปลายแหลมฉีกร่างจากกล่องเสียง ความรู้สึกสนุกท่วมท้นจนแทบไม่ทันตั้งรับการคว้าจับจากแบทแมน

เหตุใดจึงรู้สึกสนุกขนาดนี้ เพราะอะไรเขาถึงทำให้คุณรู้สึกได้ถึงเพียงนี้

ภายใต้กฎของโลกไร้ขื่อแปมีข้อยกเว้น และเขาคือข้อยกเว้นของคุณเสมอ

คนเดียวที่ไล่ตามทัน เพียงคนเดียวที่มองทะลุถึงความนัย

คนเดียวที่คุณยินยอมให้เห็นถึงแก่นลึกสุดของตัวตน ทั้งปรารถนาจะสัมผัสชิดใกล้ กระหายอยากที่จะไขว่คว้าไปให้ถึง เพื่อที่จะฉุดกระชากลงมาให้อยู่เคียงกัน เพื่อที่จะอ้าแขนรับยามร่วงหล่น คนที่เป็นทั้งความแข็งแกร่งและจุดอ่อนร้ายแรงที่สุด

ยิ่งเคลื่อนตัวเข้าหา ยิ่งถลาจมลึก

“ฉันให้สิ่งที่ต้องการแล้วนะ หวานใจ” ใบมีดแหลมคมเผยออกจากแขนเสื้อ โลหะต้องแสงสะท้อนวาววับ “แล้วนายจะให้อะไรเป็นการตอบแทน แบทแมน?”

โลกของคุณหมุนล้อมรอบตัวเขา

ฉะนั้นจะผิดอะไรหากยอมใจอ่อนสักครั้ง ปรนเปรอให้ถึงฝัน ก่อนฉกชิงโอกาสที่ล้ำค่ากว่ามาไว้ในกำมือ


วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565

[DCU] Embrace the Darkness (Joker/Batman)


Embrace the Darkness

DCU (Comics) and Batman

— Joker / Batman —

Summary : งานเลี้ยงคืนฮาโลวีนปรากฏแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนหนึ่ง

Warning : Sexual Assualt




ค่ำคืนนี้ก็อทแธมสว่างไสวด้วยแสงสีส้มจากตะเกียงฟักทองที่ประดับประดาทั่วเมือง ผู้คนแต่งกายด้วยชุดแฟนซีประหลาดพิกลเต็มท้องถนน เสียงดนตรีหวีดผ่านตึกอาคารเหมือนเสียงก่อนพายุ เวลานี้เมืองดูไม่ต่างจากดินแดนภูตผีตามนิทานปรัมปรา

คุณเดินชื่นชมบรรยากาศที่ปีหนึ่งจะมีสักหนอย่างเพลินตา มันเป็นวันเดียวที่ไม่มีใครจดจ้องไยดีคุณนัก เป็นวันที่คุณสามารถปลอมปนและกลืนเข้ากับบรรยากาศแห่งความหฤหรรษ์ได้อย่างแนบเนียนที่สุด โดยที่ยังคงเป็นตัวของตัวเอง

นี่คือเหตุผลที่คุณชื่นชอบวันนี้ หรืออาจต้องพูดว่าคุณรักวันฮาโลวีนเลยต่างหาก

ดังนั้นคุณจึงพิถีพิถันในการเลือกเครื่องแต่งกาย คุณสวมชุดสูทสีเงินที่สั่งตัดเฉพาะ ทับเสื้อเชิ้ตสีแดงสดที่ปลดกระดุมเม็ดบนโชว์รอยสักลวดลายประหลาดเต็มแผงอก แม้แต่เส้นผมยังย้อมสีเขียวสดให้สว่างเท่ากันทั้งศีรษะและหวีจัดทรง

เมื่อตนเองดูดีแล้ว ผู้ช่วยก็ควรจะต้องดูดีตาม คุณบอกผู้ช่วยสาวให้หาชุดสวยงามมาสวมใส่และแต่งหน้าแต่งผมตามใจนึก และเธอก็มาปรากฏกายตามเวลานัดในชุดเดรสเกาะอกสีแดงและดำ ผมสีบลอนด์ดัดลอนถูกรวบเป็นมวยประดับด้วยลูกไม้สองสี ใบหน้าระบายด้วยสีสันจัดจ้าน และริมฝีปากก็ย้อมสีแดงสดไม่ต่างจากคุณ

คุณมองเธออย่างพึงพอใจ เธอรู้ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับคุณเพียงใด คุณจึงให้เธอควงแขน เดินนวยนาดท่ามกลางผู้คนที่กำลังสนุกสนาน โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นตึกสูงหรูหรากลางย่านมิดทาวน์ ที่ซึ่งเหล่าเศรษฐีจัดงานฮาโลวีนปาร์ตี้ขึ้นและอนุญาตให้คนทั่วไปเข้าร่วมได้อย่างเสรี

คุณชอบงานเลี้ยง ความคึกคักและบรรยากาศลี้ลับภายในงาน แสงไฟสีอำพันปรับให้อ่อนสลัว เสียงไวโอลินที่สีเป็นท่วงทำนองหวีดสูงคลอกับเสียงเปียโนที่มีจังหวะเชื่องช้า ผู้ร่วมงานในอาภรณ์หรูหราต่างเลือกสวมหน้ากากโทนดำมืดวาดลวดลายผวาเพื่อให้เข้ากับงาน คุณรับเครื่องดื่มเรืองแสงที่ผู้ช่วยสาวหยิบให้มาละเลียดชิม ดวงตาสอดส่ายไปทั่ว ค้นหาบางสิ่งที่แม้แต่คุณก็ไม่รู้ว่าคืออะไร

ที่จุดหนึ่งของงานดูจะมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ คุณสังเกตเห็นว่าหญิงสาวหลายคนกำลังรุมล้อมคน ๆ หนึ่งอยู่ไม่ห่างด้วยดวงตาหวานเชื่อม ชายคนนั้นสวมชุดทักซิโด้สีดำสนิททั้งตัว ผมสีดำหวีขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสวาวเหมือนอัญมณีเม็ดงาม คุณหวังจะเห็นรูปโฉมของชายที่สุภาพสตรีเหล่านั้นแสดงทีท่าใหลหลงให้ชัด แต่ใบหน้าครึ่งบนกลับปิดทับด้วยหน้ากากสีเทาที่มีประดับประกายเพชรระยิบระยับ มุมปากของเขายกขึ้นขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งฉวยแขนไปคล้อง

ราวกับโลกทั้งใบหมุนช้าลงจนหยุดนิ่ง ความรู้สึกคุ้นเคยเคลื่อนผ่านความคิดเหมือนสายหมอกโรยตัวลงมาช้า ๆ พร้อมนำความรู้สึกประหลาดที่น้อยครั้งจะเกิด ทว่าเกิดขึ้นกับเพียงคนเดียว

ความรู้สึกหวงแหน รุมเร้าเหมือนไฟครามลามเลียคอ

คุณก้มกระซิบข้างหูผู้ช่วยสาว เธอยิ้มตอบรับ ก่อนจะเดินตรงไปหาชายสวมหน้ากากมืด ดึงตัวเขาออกห่างจากสุภาพสตรีเหล่านั้นอย่างนุ่มนวล เป็นธรรมชาติ เข้าสู่ฟลอร์เต้นรำที่แสนเบียดเสียด...เพียงสักพักหนึ่งก่อนจะหมุนตัว และรุนหลังเขาให้มาเข้าคู่กับคุณที่รออยู่ก่อน

อาการชะงักงันเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่อาจหลุดรอดสายตาของคุณไปได้ ดวงตาที่เบิกกว้างเพียงเล็กน้อยก่อนหรี่ลงอย่างระแวดระวัง ไม่ใช่หวาดกลัว กิริยาที่ติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัวเช่นริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงทุกคราวยามระแคะระคายว่าคุณซ่อนแผนการบางอย่าง ทั้งหมดคือคำยืนยันว่าเขาเป็นคนที่คุณคำนึงถึง 

คุณโอบแขนรอบเอวเขาไว้จนลำตัวแนบสนิท เขาดูตัวเล็กลงเมื่อไม่ได้สวมเกราะราตรีสำหรับโอกาสพิเศษ เขาไม่ได้สูงไปกว่าคุณเสียด้วยซ้ำ แม้จะเป็นความต่างเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้ใจคุณรื่นเริง และคุณก็รู้ว่าข้อเท็จจริงนี้ทำให้คนในอ้อมกอดไม่สบอารมณ์

ด้วยจำนวนคนที่แทบจะล้นห้องโถง เสียงดนตรีเริ่มเปลี่ยนท่วงทำนองเป็นหวานซึ้งเลือนหลอก ผู้คนดื่มด่ำ เริงร่ำอยู่ในโลกของตนจนไม่ให้ความสนใจสิ่งรอบกาย และมันก็กลายเป็นเสมือนกำแพงที่ทำให้เขาติดกับ ทำให้คุณได้ตักตวงฉวยโอกาส

เขามองตาแข็ง กล่าวเตือนเงียบงัน แต่ในยามที่ความคึกคะนองกำลังโลดแล่น คุณไม่คิดจะเก็บงำความต้องการที่จะสัมผัสชายคนนี้ เขาไม่เคยทำให้คุณกลัว และคุณแสดงข้อเท็จจริงนี้ออกมาด้วยรอยยิ้มและดวงตาลุกโพลง บ้าคลั่ง คุณผลักร่างเขาผ่านผู้คนจนหลังชนเข้ากับผนังมุมหนึ่ง กักขังเขาไว้ และจู่โจมด้วยการกระทำที่เขาไม่มีวันคาดถึง

คุณจูบเขา

จุมพิตที่เริ่มต้นด้วยการขบริมฝีปากเหมือนกัดเค้ก ก่อนตามด้วยการสอดลิ้นดูดดึงรสไวน์ขมฝาด เขาขัดขืนทันทีที่รู้สึกตัว คุณจึงลูบไล้ฝ่ามือทั่วเรือนร่าง รัดแขนเข้าหากันแน่น บีบเคล้น สะกิดปลายนิ้วผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำ สัมผัสผ่านความนุ่มลื่นของแผ่นหลังที่ประดับรอยแผลเป็น มืออีกข้างกดแนบบนหน้าท้องที่เกร็งเครียดอย่างไม่ยินยอม คุณตามประกบจูบแม้เขาผินหนี หัวเราะผะแผ่วบนริมฝีปากห้อเลือด

เขาเป็นเช่นนี้เสมอ ทั้งเย็นชาและแข็งกร้าว ทื่อตรง ไม่ยอมก้าวข้ามเส้นที่กางกั้นระหว่างกันแม้แต่น้อย ทว่าความยึดมั่นถือมั่นรังแต่จะเร้าอารมณ์ของคุณให้พุ่งสูง — แรงผลักต้าน สายตาเดือดดาล ทั้งหมดเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณชอบเล่นกับเขา ยั่วเย้าเขา สนุกกับการหยิบจุดอ่อนขึ้นมาทำลาย

เขาเป็นทุกสิ่งที่คุณปรารถนา

ภายใต้หน้ากากซุกซ่อนบางสิ่งที่ดำมืด บางสิ่งที่ควรจะเป็นของคุณ สัตว์ร้ายกลิ้งเกลือก พยายามตะกายร่างให้เป็นอิสระจากภายใน มันคือสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นของคุณตั้งแต่วินาทีแรกที่ประสานสายตา และมันก็ทำให้คุณเป็นของเขาเช่นกัน

คุณถอนริมฝีปาก แต่ยังจดจ่อชิดใกล้ ลมหายใจร้อนรุ่มปะทะใบหน้าของกันและกัน คุณแกล้งเอื้อมแตะหน้ากากของเขา หัวเราะเบา ๆ เมื่อข้อมือถูกคว้าจับแทบจะในทันที

อาจไม่ใช่ฮาโลวีนปีนี้ที่ปีศาจได้รับการปลดปล่อย มันอาจไม่เกิดขึ้นเลยตลอดกาล แต่การเต้นรำทุกค่ำคืนของคุณกับเขาจะไม่มีวันเลิกรา

คุณกระซิบถ้อยคำหวานที่ริมหูเขาแทนการพลอดรัก กดปลายจมูกลงบนแก้มของเขา จงใจสูดดมและฝากเสียงจูบ ก่อนรีบผละกายหนีกำปั้นที่เหวี่ยงผ่านหน้าอย่างรวดเร็ว คุณหัวเราะในลำคอ กรีดยิ้มเมื่อเห็นสภาพเสื้อผ้าอันหลุดลุ่ยและดวงหน้าขึ้นสีของเขา ดวงตาวาววาม มองราวกับอยากจะเผาร่างคุณให้เป็นจุณ

คุณทำค้างคาวโกรธเสียแล้ว แม้เขาจะโมโหคุณอยู่ตลอดเวลา แต่คราวนี้ดูจะมากกว่าปกติ

ดูเหมือนหลังจากนี้คุณต้องรักษาระยะห่างระหว่างการเล่นเกมเสียหน่อย หากไม่อยากหมดสนุกเร็วนักจากการถูกต่อยสลบภายในครั้งเดียว






Happy Halloween  🎃


วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2565

[DCU] Between Us (Joker/Batman)


Between Us

DCU (Comics) and Batman

— Joker / Batman —

Summary : ระหว่างพวกเขามีความจริงบางอย่างที่คนนอกไม่รู้

Warning : Graphic Depictions Of Violence




แบทแมนสามารถเอ่ยตอบสารวัตรได้ทันทีเพียงปรายตามอง

“นั่นไม่ใช่เขา”

จิม กอร์ดอน กะพริบตามองอย่างแปลกใจ เขารับกล้องส่องทางไกลจากชายสวมหน้ากากแล้วยกขึ้นส่องไปที่ตึกฝั่งตรงข้าม

ชายในสูทสีม่วง ผมสีเขียวสะดุดตาและใบหน้าเปื้อนสีกำลังยืนถือมีดจ่อใต้คางชายคนหนึ่ง...นายตำรวจขมวดคิ้วงุนงง ไม่ว่ามองอย่างไรนั่นก็เป็นโจ๊กเกอร์ชัด ๆ

แบทแมนไม่รอให้ถูกถามซักไซ้ เขาจากมาก่อนที่กอร์ดอนจะทันได้วางกล้องลง มือยกปืนขึ้นเล็งแล้วยิงเชือกไปที่ตึกเป้าหมายก่อนจะกระโดดลงไปยังห้องที่เกิดเหตุ เสียงกระจกแตกดังก้อง ชายสองคนมองมาอย่างตื่นตกใจ แบทแมนจับแขนของชายที่แต่งตัวเป็นโจ๊กเกอร์ ก่อนจะยืมแรงเหวี่ยงออกจนอีกฝ่ายกระเด็นไปชนผนังอีกฟากหนึ่ง

โจ๊กเกอร์ตัวปลอมหมดสติไปในทันที

ชายผู้เป็นตัวประกันมองเขาอย่างลังเลใจ คำขอบคุณไม่ใช่สิ่งที่แบทแมนคาดหวังเขาจึงไม่อยู่รอ ศาลเตี้ยประจำเมืองก็อทแธมหลบเข้าเงามืดอย่างเงียบเชียบ สวนทางกับกอร์ดอนที่นำกำลังตำรวจเข้ามาจับกุมคนร้าย

“คุณรู้ได้ยังไง” กอร์ดอนพึมพำ

แบทแมนไม่ตอบ เขาไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามนั้น และเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายมันอย่างไร

เขาก็แค่รู้...อาจเป็นสังหรณ์ หรืออาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึก

แต่แบทแมนควรใช้ตรรกะในการตัดสินใจ ไม่ใช่ความรู้สึก

เพียงอารมณ์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความเสื่อมทรามในเมืองนี้ และความกลัวก็ไม่ควรกลืนกินแต่เพียงอาชญากร จริงอยู่ว่าเขาต้องการให้พวกที่ออกนอกลู่นอกทางเผชิญกับความกลัวที่ดึงสัญชาตญาณลึกสุดออกมาร่ำร้องให้วิ่งหนีแต่ในเวลาเดียวกันกลับถูกตรึงไว้กับที่ พวกเขาควรจะตระหนักตัวอยู่เสมอว่าในความมืดมีบางสิ่งเฝ้ามอง รอคอยเสี้ยววินาทีที่เผลอคิดว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ รอดพ้นหูตากฎหมาย 

แบทแมนควรจะเป็นบางสิ่งที่ห่างไกลความเข้าใจแต่เคียงใกล้เหมือนไอเย็นเยือกเป่ารดท้ายทอย ควรจะนิ่งงันเสมือนเป็นรูปปั้น จับเจ่าและลงทัณฑ์ใครก็ตามที่ก้าวล้ำเส้น

ควรจะเป็นทุกอย่างที่ไม่ยอมสั่นไหวเพียงเพราะเสียงหัวเราะระริก แต่ในความเป็นจริง แค่น้ำเสียงหรือสายตาที่มองมา แค่เค้าโครงร่างขยับไหวในเงาก็จับเขย่าลมหายใจเสียขาดห้วง บีบคั้นด้วยสำเนียงสีสันละลานแต่ดำมืดยิ่งกว่าความมืดใดของเมือง ทั้งดึงดูดและชักจูงให้ก้าวไปยังขอบผา — เพียงแค่เวลาเดียวที่แบทแมนไม่อาจดำรงตัวตนและเจตจำนงได้

คือยามที่อยู่ต่อหน้าโจ๊กเกอร์

แรงสะเทือนที่มีเพียงโจ๊กเกอร์คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้น เมื่อเห็นชายคนหนึ่งในคราบตัวตลก แบทแมนจึงบอกได้ทันที...นั่นไม่ใช่เขา

เพราะหากเป็นเขา เหตุใดแบทแมนจึงยังเยือกเย็นได้เท่านี้กัน



โจ๊กเกอร์สบถเสียงลั่นทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่สมุนชี้ชวนให้ดู

“นั่นไม่ใช่เขา!”

เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับที่ชายสวมหน้ากากตัวตลกล้มลงไป โจ๊กเกอร์ไม่สนใจแม้แต่จะเหลียวมอง เขายกปืนลูกซองพาดบ่า ก้าวกลับไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกหน้ามองอีกครั้ง ที่เบื้องล่างมีการต่อสู้ชุลมุนระหว่างชายในผ้าคลุมสีดำกับพวกมาเฟีย ชายในชุดผ้าคลุมสีดำและหน้ากากที่สมควรจะเป็นแบทแมน แต่ไม่ใช่

โจ๊กเกอร์หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นผู้แอบอ้างสวมหน้ากากโดนถีบเข้าที่สีข้างอย่างจัง ท่าง่าย ๆ แค่นั้นยังหลบไม่พ้น นั่นไม่มีทางใช่แบทแมนของเขาไปได้หรอก

เพราะโลกของโจ๊กเกอร์คือความหฤหรรษ์ ความระทึกรื่นเริง ความตื่นตัว ไม่มีส่วนไหนของเขาที่หยุดเต้นระบำไปตามจังหวะของเสียงกรีดร้อง เสียงกำปั้น เสียงปืน เขาชอบความสนุกสนาน เขารักมันเลยด้วยซ้ำ ทุก ๆ วันที่เต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง ท่ามกลางเมืองที่ไม่เคยหลับใหลนี้ เขารักมันทั้งหมด

แต่มีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่โลกของเขาเงียบสงัดลง หยุดนิ่ง ไร้การเคลื่อนไหว แม้แต่ใจที่เต้นถี่รัวก็ช้าลง จังหวะอันบ้าคลั่งชะงักงันก่อนจะเปลี่ยนเป็นเต้นสม่ำเสมอ เนิบนาบแต่เสนาะชัดกว่าทุกคราว เหมือนหลุดพ้นจากม่านหมอกกล่อมประสาทสู่ทิวทัศน์กระจ่างตาของฟากฟ้าสีน้ำหมึก...เพียงแค่ยามเดียวเท่านั้น

ยามที่เขาประจันหน้ากับอัศวินรัตติกาล

ความสงบเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดขึ้นได้ข้างในตัวเขา มีเพียงแบทแมนเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้นโจ๊กเกอร์จึงรู้ได้ในทันที ต่อให้ชายเบื้องล่างสวมชุดดำประณีตบรรจงสร้าง หรือมีรูปร่างใกล้เคียงมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถหลอกตาเขาได้ มันเป็นตัวปลอม

โจ๊กเกอร์พ่นลมหายใจเบื่อหน่ายกับการมาเสียเที่ยวของตน ตัวตลกเท้าคางกับกรอบหน้าต่าง ก่อนเบนสายตาไปยังทิศทางอื่นอย่างไม่อาจทนมอง

เมื่อนั้นเอง ริมฝีปากสีแดงจัดกลับหยักโค้งเป็นรอยยิ้มกว้างอำมหิต

จิตที่สั่นสะเทือนค่อย ๆ นิ่งสงบลง สายตาเป็นประกายแตกพร่ามองตามร่างสีดำที่ผลุบโผล่ตามเงาตึก ก่อนจะเข้าไปจัดการมาเฟียทั้งหมดนั้นอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด

นั่นต่างหากล่ะ ถึงจะเป็นแบทแมนของเขา


วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565

[DCU] Still Here (Joker/Batman)

 

Still Here

DCU (Comics) and Batman

— Joker / Batman —

Summary : แบทแมนไม่เคยสาย นี่คือกฎที่โจ๊กเกอร์ไม่ยอมให้ใครละเมิดแม้แต่ตัวแบทแมนเอง

Warning : Dubious Consent, Mild Sexual Assualt

Note : Inspired by Still Here - Digital Daggers




I

ธรรมชาติของความโกลาหลคือไม่อาจคาดเดา ใครต่อใครจึงเชื่อว่าพฤติกรรมที่เหมือนการละเล่นสุ่มโดยไม่คำนึงวิธีการหรือผลลัพธ์จะสะท้อนถึงแผนที่โจ๊กเกอร์วางไว้ให้กับเมืองก็อทแธม 

และเพราะใครจะทานทนเมื่อรอยยิ้มผิดที่ผิดทางกรีดกว้างมาทางตน ก่อแรงกดดันทบทวีถึงจุดวิกฤตในเสี้ยววินาที ทิ่มแทงบนส่วนที่ทำให้คนจดจ่อรอคอยพร้อมทั้งอยากหลีกหนี ส่วนที่ทำให้คนยอมปิดตาข้างหนึ่งเพียงเพื่อให้รู้บทเฉลย เรื่องเหนือความคาดหมายราวกับกลไพ่ที่ไหวเอนตามปลายนิ้วของตัวตลก ร้อยระบำอยู่รอบความลับบางอย่างที่ไม่ยอมเผยตัวจนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสม

แต่แท้จริงแล้วแผนของเขาไม่ได้รัดกุมหรือปราศจากช่องโหว่ เงื่อนไขหนึ่งเดียวคือมันต้องลุกโพลงบาดตาเหมือนพลุไฟเวลาเที่ยงคืน โจ๊กเกอร์ไม่ได้เดินหมากด้วยการโยนเหรียญอย่างที่ใครคิด เขาไม่ใช่ชายสองหน้าที่เห็นแค่ทางสองสาย เขาอาจไม่สนความเสี่ยงหรือข้อแลกเปลี่ยนแม้ว่ามันจะเข้าเนื้อเถือหนัง สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงความหฤหรรษ์ เพียงหนึ่งค่ำคืนกับคู่เต้นรำที่สมน้ำสมเนื้อ

ทว่าเรื่องเหนือคาดครั้งนี้ไม่ได้กำหนดโดยเจ้าชายแห่งอาชญากรรม แต่มาจากฝันร้ายผู้สวมปีกค้างคาวและอาศัยในเงามืดที่สุดของก็อทแธม

ทั้งที่ประกาศความผิดอย่างโจ่งครึ้ม คู่ปรับตลอดกาลของเขา พระเอกหลักของงานเลี้ยงริบบิ้นกับดินปืนกลับไม่ปรากฏกาย

โจ๊กเกอร์เดินสลับเท้าไปมาที่ชั้นบนสุดของอาคารร้างอย่างไม่สบอารมณ์ ผมสีเขียวยุ่งเหยิงตามแรงลม ความคิดพัลวันหาเหตุผลที่รั้งตัวแบทแมนจากเกมของเขา ก่อนคำรามเสียงหัวเราะทุกครั้งที่กลับไปสู่คำตอบเดิมคือความว่างเปล่า

แบทแมนไม่เคยสาย ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว

ริมฝีปากยกยิ้มบิดเบี้ยว รอยดึงฉีกช้ำอย่างน่าขวัญผวา เสียงสูดหายใจดังมาจากกลุ่มตัวประกันที่ถูกจับมัดนั่งบนพื้น กระทั่งพวกคลั่งศรัทธาตัวตลกยังออกห่างอย่างระแวดระวังเมื่อเห็นอาการวิปริตแปรปรวนของผู้นำ

โจ๊กเกอร์ผู้หวีดเสียงหัวเราะแหลมนั้นน่าครั่นคร้าม ทว่าโจ๊กเกอร์ยามไร้ความเบิกบานกลับน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า

หากเป็นสถานการณ์อื่น ตัวตลกอาจนึกสนุกที่ผู้ชมของเขาต่างสวมสีหน้าซีดเซียวเหมือนสวมหน้ากากหนังมนุษย์ และตัวสั่นงันงกราวกับสัตว์เล็กกระจ้อยร่อยที่รู้ตัวว่าอาจตายได้ในนาทีใดนาทีหนึ่ง

แต่ตอนนี้ใจเขาพะวงหาสิ่งเดียวเท่านั้น

ใบหน้าเปื้อนสีเบือนสายตามองทิวทัศน์รอบอาคารร้าง ท่ามกลางความมืดมีแสงสีแดงกับน้ำเงินอันคุ้นเคยกะพริบวาบตัดพื้นดำ รถตำรวจเมืองก็อทแธมกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ อีกหนึ่งสิ่งที่ยืนยันว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจ้าหน้าที่อุ้ยอ้ายปวกเปียกพวกนี้แทบไม่เคยมาถึงก่อนศาลเตี้ยประจำเมือง

หมดเวลาสนุกแล้วสิ โจ๊กเกอร์ไหล่ตก ก่อนกลอกตาไปยังบรรดาตัวประกันที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว

เกมชะงักกลางคันระคายใจอย่างเหลือร้าย เขาเกลียดการยุติแผนที่กำลังไปได้สวย หรืออย่างน้อยก็แผนการที่รู้ว่ามีบทสรุปหอมหวานรอคอยอยู่ การต้องล้มเลิกทุกอย่างสร้างความขุ่นข้องเสียจนอยากเทเมืองลงใต้กองเพลิง

แบทซี่จะต้องรับผิดชอบที่ทำให้ทั้งหมดนี้ต้องสูญเปล่า

โจ๊กเกอร์เลียริมฝีปาก ไหล่ระริกตามเสียงหัวเราะในลำคอ เขาฉีกยิ้มไปทางเหล่าสมุน ก่อนออกคำสั่งใหม่ ทิ้งบอลลูนกับไดนาไมท์ไว้แล้วแยกย้ายไปหาเรื่องสนุกใส่ตัวเสีย ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องใช้ตัวประกันเหล่านี้อีก

กล่าวจบ ตัวตลกก็เดินตบเท้าฮัมเพลงหายไปในความมืด

แผนเปลี่ยนแล้ว จากเกมแลกตัวประกัน คืนนี้เขาจะเล่นเกมล่าค้างคาว



II

บ่ายวันหนึ่ง บรูซตื่นขึ้นพร้อมอาการปวดหัวรุนแรง

สาเหตุคาดเดาได้ไม่ยาก เพราะเขาหักโหมทำงานทั้งกลางวันกลางคืนโดยไม่หยุดพัก เวย์นอินดัสทรีอยู่ในช่วงสรุปผลประกอบการประจำปี เขาต้องเข้าประชุมและร่วมติดตามผลกับบรรดาผู้บริหารและผู้สอบบัญชี ภายนอกจะแสดงว่าเป็นคนรักสนุกไม่เอาการเอางานอย่างไรก็ต้องคงภาพลักษณ์ส่วนหนึ่งไว้ว่าเขายังให้ความสำคัญต่อบริษัทรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ นั่นเพื่อให้ง่ายเวลาพบความผิดปกติหรือจุดบกพร่องในการดำเนินงาน คนจะได้ไม่ตั้งคำถามเมื่อบรูซ เวย์น ใช้มาตรการเด็ดขาดทุกครั้งในการควบคุม

และเมื่อต้องทำงานเวลากลางวัน นั่นเท่ากับเขาจะเหลือเวลาพักน้อยลงหลังจากทำงานกลางคืน

งานสืบสวนที่เขาทำร่วมกับกอร์ดอนอยู่ในช่วงวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลซึ่งต้องใช้เวลาในการเปรียบเทียบหาสิ่งที่แปลกจากพวก เหมือนเกมจับผิดภาพ มันไม่ควรจะใช้เวลานาน บรูซมีเทคโนโลยีพร้อมสำหรับงานนี้ ถ้าเพียงแต่ข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้ปรากฏบนแผ่นกระดาษ หรือบันทึกด้วยน้ำหมึกและยังกระจัดกระจายไม่เป็นที่ทาง เมื่อไม่สามารถใช้วิธีลัดได้ เขาจึงต้องใช้สายตาและสองมือในการลงแรงเอง

แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับงานอดิเรกลับ ๆ ของเขาไม่เคยผ่านไปอย่างง่ายดาย ระหว่างที่จมอยู่กับตัวเลขและตัวอักษร สงครามระหว่างแก๊งมาเฟียก็ปะทุขึ้นโดยฝีมือของอดีตอัยการที่ตอนนี้กลายเป็นอาชญากร บีบให้แบทแมนต้องออกไปหยุดจลาจลตลอดสัปดาห์

บรูซมั่นใจว่าจำนวนคำสบถที่เขาเปล่งจากปากในช่วงหลังนี้น่าจะมากพอจนนำไปเขียนเป็นพจนานุกรมได้สักเล่มหนึ่ง

โชคดีเดียวในจังหวะที่ภาระล้นมือนี้คือโจ๊กเกอร์ไม่ได้โผล่มาร่วมวงเป็นหนึ่งในตัวก่อปัญหา

“คุณจะไม่ยอมหยุดพักเลยใช่ไหม” 

อัลเฟรดปรารภขึ้นหลังเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ผ้าม่านกันแสงปิดทึบ แต่ไม่มืดสนิทเพราะแสงสว่างจากจอโทรทัศน์ที่กำลังรายงานข่าวรวมถึงจากจอโน้ตบุ๊คที่วางบนตัก บรูซนั่งพิงหัวเตียง หัวคิ้วมุ่น หน้าผากชื้นเหงื่อทั้งที่มือเย็นเฉียบ ทว่าปลายนิ้วกลับพรมแป้นพิมพ์โดยไม่ทิ้งช่วง ชายหนุ่มตอบรับอัลเฟรดเสียงแผ่วเบา ไม่ยอมละสายตาจากผลการตรวจโรงงานแม้สักนิด

เสียงถอนหายใจดังขึ้น และโดยไม่รอฟังคำทักท้วง พ่อบ้านชราเดินตรงไปชักปลั๊กและขนย้ายอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดออกจากห้องนอน ตัดขาดบรูซจากโลกภายนอกทุกทางที่เป็นไปได้ 

บรูซพยายามยื้อโน้ตบุ๊คไว้ แต่เมื่ออัลเฟรดเลิกคิ้วจ้องเขม็งจึงยอมปล่อยของชิ้นสุดท้ายไปอย่างเสียดาย

อัลเฟรดส่ายหน้า “คุณต้องเรียนรู้ขีดจำกัดของตัวเองบ้าง เมื่อป่วย ก็ได้โปรดนอนพัก ผมมั่นใจว่าแบทแมนหายไปสักคืนคงไม่ทำให้ก็อทแธมถึงคราวล่มสลาย”

แต่เป็นเขาเองที่อาจล่มสลาย บรูซนึกพลางแนบศีรษะที่หนักเหมือนมีตะกั่วถ่วงลงบนหมอน ฟุบตัวลงนอนก่อนดึงผ้าห่มมาพันตัว ล่มสลายด้วยความเบื่อหน่าย

ทว่าอัลเฟรดพูดถูกแล้ว เวลานี้ให้ฝืนลุกจากเตียงยังไม่ไหว บรูซยกมือขึ้นนวดขมับที่ปวดตุบเหมือนค้อนทุบ ตั้งแต่เริ่มฝึกฝนร่างกายให้พร้อมรับมืออันตรายทุกรูปแบบ เขาก็แทบไม่เคยล้มป่วยอีกเลย แต่เมื่อมันเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง อาการก็จะหนักหนาเสียจนไม่สามารถทำอะไรได้

นอนกระสับกระส่ายตลอดบ่ายก่อนตื่นมาทานอาหารเย็นที่อัลเฟรดยกมาส่งถึงเตียง บรูซรู้สึกพะอืดพะอมจนทานได้เพียงไม่กี่คำ หลังกลืนยาเม็ดตามด้วยน้ำจึงล้มตัวนอนอีกครั้ง

“ขอบคุณนะ อัลเฟรด”

บรูซนอนหาวจากใต้ผ้าห่ม อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นชายชรามีสีหน้าพออกพอใจที่เขาทำตามคำขอร้องอย่างว่าง่าย

อัลเฟรดนำผ้าชุบน้ำบิดแห้งวางบนหน้าผากของเขา จัดผ้าห่มให้เรียบร้อย ตรวจตราประตูระเบียงและหน้าต่างว่าปิดสนิทก่อนเดินออกจากห้อง

“ราตรีสวัสดิ์ครับ มาสเตอร์บรูซ”

“ราตรีสวัสดิ์ อัลเฟรด”

ประตูปิดแผ่วเบา ชายหนุ่มระบายลมหายใจอย่างผ่อนคลายและขยับร่างหามุมสบายตัวที่สุด ความรู้สึกวิงเวียนและปวดเมื่อยยังรบกวน ทว่าข่มตาลงเพียงไม่นาน บรูซก็ร่วงหล่นสู่ความมืดของห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว



III

กลางดึกคืนนั้นไข้ของบรูซขึ้นสูง

ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่าย กึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกาย ข้างในหัวปวดร้าวและหมุนวนเหมือนอยู่ใจกลางพายุ เหมือนอยู่บนเรือที่โคลงเคลง บรูซหอบหายใจ คิ้วขมวดมุ่นเมื่อความทรมานเข้าซัดสาดไม่หยุดหย่อน

จนกระทั่งใครบางคนคว้ามือเขาไปกอบกุม

บรูซรู้สึกได้ว่าข้างเตียงยุบลง แต่เปลือกตาของเขาหนักอึ้งจนไม่อาจลืมมองได้ว่าเป็นใครที่ขยับเข้าใกล้ มือของอีกฝ่ายเย็นเฉียบ แข็งแรง แม้บรูซจะพยายามสลัดออกอย่างไรก็ไม่ยอมหลุด 

อีกฝ่ายสอดแขนตระกองใต้ร่างเขาแล้วดึงเข้าหา ฝ่ามือเย็นที่สัมผัสผิวใต้ร่มผ้าไล่สูงถึงกลางแผ่นหลัง บรูซตัวสั่น และหลังจากนั้นกลับเป็นเขาเสียเองที่พยายามแทรกกายเข้าหาความเย็นของอีกฝ่ายเพื่อคลายไข้ อ้อมกอดนั้นรัดแน่นจนเฉียดใกล้ความอึดอัด ทว่าช่วยให้ร่างกายที่ร้อนเป็นไฟเย็นลง

เสียงหัวเราะแหลมดังผะแผ่วข้างหู ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่บรูซไม่มีสติเกินกว่าจะจำแนกได้ว่าเป็นเสียงของใคร

แต่สิ่งหนึ่งที่รู้แน่ชัด คือเขาไม่ชอบมัน

บรูซพลิกตัวหนีไปอีกทางอย่างยากลำบากขณะยังถูกโอบกอดแน่นหนา เขาซุกใบหน้าซีกหนึ่งลงกับหมอน แผ่นหลังแนบสนิทกับร่างที่นอนอยู่เบื้องหลัง

คน ๆ นั้นดูเหมือนจะไม่ชอบที่โดนเมิน เสียงหัวเราะแสลงหูเปลี่ยนเป็นฮึดฮัดขัดใจ และถัดมาสัมผัสนุ่มชื้นก็จรดลงข้างขมับของเขา มือบีบเบา ๆ ที่ลำคอ ลากต่อมายังใบหน้าก่อนขยับให้เหลียวกลับ ความอบอุ่นไล้โลมจากหน้าผาก ลงมาหว่างคิ้วที่ยังขมวดแน่น ถึงปลายจมูก และแตะเบา ๆ บนริมฝีปากของเขา

ลมหายใจรวยรดเหมือนไอหน้าเตาผิง ผิดกับผิวเย็นแห้งที่กดลงบนแก้ม อีกฝ่ายย้ำจูบบนริมฝีปากบรูซซ้ำ ๆ จนเกิดเสียง ก่อนที่สักพักจึงหยุดและแนบค้างไว้อย่างนั้น

นานจนคล้ายว่าจะนิ่งสงบ แต่แล้วความร้อนชื้นก็เบียดแทรกผ่านกลีบปาก

บรูซผละหนี กล่าวห้ามเสียงอู้อี้ในลำคอ แต่ท้ายทอยถูกยึดไว้ไม่ให้ผละออก เขาจึงเม้มปากกั้นการรุกล้ำ

ไม่

เสียงตอบดังระหว่างริมฝีปากที่ไร้ช่องว่าง สัมผัสหยาบกร้านปะป่ายไปตามร่างของคนป่วย บรูซปัดมืออีกฝ่าย เสียงครวญครางอย่างครั่นเนื้อตัวแทรกตามลมหายใจ พอได้แล้ว บรูซกระซิบเมื่ออาการบีบรัดบนศีรษะใกล้ข้ามขีดความอดทน ปวดหัว

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น ให้จูบหนึ่งครั้ง... พร้อมกับมีสัมผัสคลอเคลียข้างแก้ม ...แล้วครั้งนี้จะยอมปล่อย

บรูซพ่นลมหายใจอย่างนึกรำคาญ ก่อนนอนนิ่ง ผ่อนแรงต้านลงแทนคำอนุญาต

ใครคนนั้นก็กดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว

มันไม่ใช่จูบที่อ่อนหวาน

ไม่ใช่จูบของคนรักที่ปรารถนาจะมอบความนุ่มนวลให้ แต่เป็นจูบจากผู้ที่หิวกระหาย มันทั้งตะกรุมตะกราม ฉกฉวย ชำแรกแทรกลึกและบิดเบี้ยว

ไม่เคยมีใครจูบเขาแบบนี้มาก่อน มันไม่เหมือนกับจูบใดที่บรูซเคยได้รับ ตรงกันข้าม บางอย่างลึก ๆ บอกกับเขาว่ามันคือการสูญเสีย

เมื่ออีกฝ่ายยอมถอนริมฝีปาก กลับกระทำอย่างเชื่องช้า บรูซปรือตามอง ภายใต้ลมหายใจที่ระบนใบหน้า เขาเห็นนัยน์ตาสีเขียวเรืองรองในความมืดมิด

บรูซหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

ยอมให้แค่ครั้งนี้นะที่รัก น้ำเสียงกดต่ำราวกับจะขู่ แต่ก็คลับคล้ายเป็นคำอ้อนวอน นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่บรูซได้ยินก่อนจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง



IV

เมื่อบรูซลืมตาขึ้นในเช้าวันถัดมา ไข้ของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง

ชายหนุ่มพยุงตัวขึ้นนั่ง ครุ่นคิดถึงภาพฝันอันไม่ปะติดปะต่อที่เกิดขึ้นขณะหลับ ปลายนิ้วแตะบนริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล ความรู้สึกของการถูกจูบนั้นเหมือนจริงเกินไปจนน่ากลัว

แต่เมื่อลองสำรวจภายในห้องกลับไม่พบอะไร ประตูหน้าต่างยังคงปิดสนิท ไร้ร่องรอยการบุกรุกจากภายนอก บรูซจึงสลัดความทรงจำอันเลือนรางนั้นทิ้งเสีย เขาไม่ชอบความคิดที่ว่าตนถูกขโมยจูบและโดนกกกอดทั้งคืนเลยสักนิด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่เขาคิดว่าตนเห็นนั้นเป็นโจ๊กเกอร์

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565

[DCU] Halloween Supplemental (Batman)


Halloween Supplemental

DCU (Comics) and The Batman (2022)

— The Batman —

Summary : บันทึกภายหลังเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องและเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีฆาตกรรมโดยฝีมือริดเลอร์



ห้องทำงานของโธมัส เวย์น ล้อมรอบด้วยท้องฟ้ากับทิวทัศน์เมือง เสียงจราจรกับผู้คนอื้ออึงห่างไกลอยู่เบื้องล่าง ต่างจากสถานีรถไฟเก่าในชั้นใต้ดิน เสียงเดียวที่ดังชัดคือเสียงลมลอดผ่านรอยแยกบนผนังกับคอนกรีต สลับกับอากาศใต้แรงกระพือปีกของฝูงค้างคาว และเสียงฝีเท้าเบาบางของหนู ทว่านอกเหนือจากนี้ คือจังหวะไหลเวียนของอากาศ เข้าและออก คล้ายว่าเมืองกำลังหายใจ

ความรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางจึงจู่โจมทันทีที่นั่งลงบนโต๊ะทำงาน ในห้องที่ตกแต่งไม่ต่างจากเมื่อทศวรรษก่อน ห้อมล้อมด้วยประวัติศาสตร์และมรดกของครอบครัว นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ แต่คุณไม่เหลือทางเลือกอื่น ชั้นใต้ดินมีน้ำท่วมขัง งานอดิเรกตามที่อัลเฟรดชอบขานจึงจำต้องย้ายขึ้นมาข้างบนชั่วคราว

ปกสมุดโครงการก็อทแธมถลึงจ้องราวกับติเตียน คุณสบตอบเพียงชั่วครู่ จับปากกาแล้วเปิดไปหน้าว่างก่อนสลัดอารมณ์ที่กดคลุมบ่า มีหลายสิ่งต้องจดบันทึก ต้องย้อนทวนวิเคราะห์ ทั้งการตัดสินใจอันผิดพลาดและความบกพร่องนับตั้งแต่เหตุการณ์ในคืนวันฮาโลวีน 

การเดินใต้เงามืด อาศัยความกลัวกำราบอาชญากรเป็นแค่ยาบรรเทาความปวดร้อน ไม่ได้ลดรอยเน่าหนองหรือสมานปากแผล คล้ายเป็นการรดราดยาบนตัวคุณเองมากกว่าของก็อทแธม สุดท้ายแล้วคนที่ดวงตามืดบอดและสิ้นหวังที่สุดไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากผู้กล่าวอ้างการล้างแค้นในนามความยุติธรรม

กว่าจะเห็นปัญหา ก็เมื่อตอนที่ปริศนาถูกตั้ง หลายครั้งคำตอบไม่ได้สำคัญเท่ากับคำถาม คำถามมักปรากฏเมื่อตระหนักถึงความพลาดพลั้ง ขณะที่คำตอบไม่ได้บอกใบ้อะไรเลยนอกจากว่าคุณแค่ฉลาดพอที่จะไข

คุณควรจะหาตัวริดเลอร์เจอตั้งแต่ที่ภาพของดอน มิตเชล หน้าคลับไอซ์เบิร์กออกสู่สาธารณะ ทว่าคุณกลับมองแต่สิ่งที่ริดเลอร์ต้องการให้เห็น ภาพของชายทุจริตกับหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตายเพราะความสนใจของคุณโอนเอียงไปทางอื่น คุณมองแต่ปริศนาจนพลาดคำถามที่แสนสำคัญ — รูปนี้ถูกถ่ายจากที่ใด

ย่อมเป็นห้องพักที่ริดเลอร์ใช้กบดานนับแต่ริเริ่มวางแผนจนถึงนาทีสุดท้ายของคาร์ไมน์ ฟอลคอน

ความประมาทครั้งนี้ยังลุกลามไปถึงการวาดภาพคนที่คุณกำลังรับมือ ทั้งที่เขาวางกลไว้แยบคาย ฆ่าคนตายได้สมปรารถนา คุณกลับวิ่งวนเป็นหนูติดจั่น ไล่ล่าแต่นกที่ไม่สามารถโผบิน ไม่ใช่แค่แอนิก้าที่ต้องตายจากผลของการกระทำนี้ แต่ยังรวมถึงคนที่ถูกคลอกในกองเพลิงบนทางด่วนและคนที่จมใต้แรงปะทะของน้ำ

การล้างแค้นจะมีประโยชน์อะไรหากผลลัพธ์สุดท้ายไม่ต่างจากสิ่งที่คุณเผชิญในวัยเยาว์ อดีตย้อนกลับมาฉายย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า อนาคตควรนำไปสู่โอกาสใหม่ ไม่ใช่ภาพคู่ขนานกับเหตุการณ์ที่หลบลึกในฝันร้าย

มองผู้คน ไม่ใช่อาชญากร อะไรที่ประกอบพวกเขาขึ้นมาเป็นตัวตน อะไรที่ทำให้คนต้องดิ้นรนใช้ชีวิต

เขาคิดเหมือนแก เสียงครวญกลั้วหัวเราะดังข้างหู รอยยิ้มของมันคล้ายแมวที่เพิ่งยื่นอุ้งมือตะครุบเหยื่อ ต้องมีคนชดใช้ให้แก่ความโสโครกของเมืองนี้

พวกเขาแค่กระทำตามสิ่งที่สังคมบอก และสังคมประเภทใดที่มอบรางวัลให้แก่การกระทำนอกกฎหมาย

คุณเงยหน้าขึ้นมองเลยไปยังแฟ้มโครงการปรับปรุงเมืองที่นอนฝุ่นจับ คิดนอกกรอบ เสียงที่คล้ายกับริดเลอร์เอ่ยแทรก นี่คือราคาที่ต้องจ่ายให้กับการปิดตาข้างหนึ่ง

คุณเหลียวหน้าไปอีกทางหนึ่ง นิ่วหน้าเมื่อพบว่าบานหน้าต่างขึ้นฝ้าสะท้อนภาพชายหนุ่มผิวซีดเซียวที่กำลังขมวดคิ้ว

แค่ทำงานในความมืดยังไม่พอ คุณคิดอย่างซึมเซา และนี่ก็เป็นมรดกหนึ่งของครอบครัวที่ต้องช่วงต่อ คุณไม่ทำอะไรเลย นายกเทศมนตรีคนใหม่เคยกล่าวในโบสถ์ คงถึงเวลาแล้วที่บรูซ เวย์น จะต้องเคลื่อนไหว