วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565

[DCU] Still Here (Joker/Batman)

 

Still Here

DCU (Comics) and Batman

— Joker / Batman —

Summary : แบทแมนไม่เคยสาย นี่คือกฎที่โจ๊กเกอร์ไม่ยอมให้ใครละเมิดแม้แต่ตัวแบทแมนเอง

Warning : Dubious Consent, Mild Sexual Assualt

Note : Inspired by Still Here - Digital Daggers




I

ธรรมชาติของความโกลาหลคือไม่อาจคาดเดา ใครต่อใครจึงเชื่อว่าพฤติกรรมที่เหมือนการละเล่นสุ่มโดยไม่คำนึงวิธีการหรือผลลัพธ์จะสะท้อนถึงแผนที่โจ๊กเกอร์วางไว้ให้กับเมืองก็อทแธม 

และเพราะใครจะทานทนเมื่อรอยยิ้มผิดที่ผิดทางกรีดกว้างมาทางตน ก่อแรงกดดันทบทวีถึงจุดวิกฤตในเสี้ยววินาที ทิ่มแทงบนส่วนที่ทำให้คนจดจ่อรอคอยพร้อมทั้งอยากหลีกหนี ส่วนที่ทำให้คนยอมปิดตาข้างหนึ่งเพียงเพื่อให้รู้บทเฉลย เรื่องเหนือความคาดหมายราวกับกลไพ่ที่ไหวเอนตามปลายนิ้วของตัวตลก ร้อยระบำอยู่รอบความลับบางอย่างที่ไม่ยอมเผยตัวจนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสม

แต่แท้จริงแล้วแผนของเขาไม่ได้รัดกุมหรือปราศจากช่องโหว่ เงื่อนไขหนึ่งเดียวคือมันต้องลุกโพลงบาดตาเหมือนพลุไฟเวลาเที่ยงคืน โจ๊กเกอร์ไม่ได้เดินหมากด้วยการโยนเหรียญอย่างที่ใครคิด เขาไม่ใช่ชายสองหน้าที่เห็นแค่ทางสองสาย เขาอาจไม่สนความเสี่ยงหรือข้อแลกเปลี่ยนแม้ว่ามันจะเข้าเนื้อเถือหนัง สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงความหฤหรรษ์ เพียงหนึ่งค่ำคืนกับคู่เต้นรำที่สมน้ำสมเนื้อ

ทว่าเรื่องเหนือคาดครั้งนี้ไม่ได้กำหนดโดยเจ้าชายแห่งอาชญากรรม แต่มาจากฝันร้ายผู้สวมปีกค้างคาวและอาศัยในเงามืดที่สุดของก็อทแธม

ทั้งที่ประกาศความผิดอย่างโจ่งครึ้ม คู่ปรับตลอดกาลของเขา พระเอกหลักของงานเลี้ยงริบบิ้นกับดินปืนกลับไม่ปรากฏกาย

โจ๊กเกอร์เดินสลับเท้าไปมาที่ชั้นบนสุดของอาคารร้างอย่างไม่สบอารมณ์ ผมสีเขียวยุ่งเหยิงตามแรงลม ความคิดพัลวันหาเหตุผลที่รั้งตัวแบทแมนจากเกมของเขา ก่อนคำรามเสียงหัวเราะทุกครั้งที่กลับไปสู่คำตอบเดิมคือความว่างเปล่า

แบทแมนไม่เคยสาย ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว

ริมฝีปากยกยิ้มบิดเบี้ยว รอยดึงฉีกช้ำอย่างน่าขวัญผวา เสียงสูดหายใจดังมาจากกลุ่มตัวประกันที่ถูกจับมัดนั่งบนพื้น กระทั่งพวกคลั่งศรัทธาตัวตลกยังออกห่างอย่างระแวดระวังเมื่อเห็นอาการวิปริตแปรปรวนของผู้นำ

โจ๊กเกอร์ผู้หวีดเสียงหัวเราะแหลมนั้นน่าครั่นคร้าม ทว่าโจ๊กเกอร์ยามไร้ความเบิกบานกลับน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า

หากเป็นสถานการณ์อื่น ตัวตลกอาจนึกสนุกที่ผู้ชมของเขาต่างสวมสีหน้าซีดเซียวเหมือนสวมหน้ากากหนังมนุษย์ และตัวสั่นงันงกราวกับสัตว์เล็กกระจ้อยร่อยที่รู้ตัวว่าอาจตายได้ในนาทีใดนาทีหนึ่ง

แต่ตอนนี้ใจเขาพะวงหาสิ่งเดียวเท่านั้น

ใบหน้าเปื้อนสีเบือนสายตามองทิวทัศน์รอบอาคารร้าง ท่ามกลางความมืดมีแสงสีแดงกับน้ำเงินอันคุ้นเคยกะพริบวาบตัดพื้นดำ รถตำรวจเมืองก็อทแธมกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ อีกหนึ่งสิ่งที่ยืนยันว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจ้าหน้าที่อุ้ยอ้ายปวกเปียกพวกนี้แทบไม่เคยมาถึงก่อนศาลเตี้ยประจำเมือง

หมดเวลาสนุกแล้วสิ โจ๊กเกอร์ไหล่ตก ก่อนกลอกตาไปยังบรรดาตัวประกันที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว

เกมชะงักกลางคันระคายใจอย่างเหลือร้าย เขาเกลียดการยุติแผนที่กำลังไปได้สวย หรืออย่างน้อยก็แผนการที่รู้ว่ามีบทสรุปหอมหวานรอคอยอยู่ การต้องล้มเลิกทุกอย่างสร้างความขุ่นข้องเสียจนอยากเทเมืองลงใต้กองเพลิง

แบทซี่จะต้องรับผิดชอบที่ทำให้ทั้งหมดนี้ต้องสูญเปล่า

โจ๊กเกอร์เลียริมฝีปาก ไหล่ระริกตามเสียงหัวเราะในลำคอ เขาฉีกยิ้มไปทางเหล่าสมุน ก่อนออกคำสั่งใหม่ ทิ้งบอลลูนกับไดนาไมท์ไว้แล้วแยกย้ายไปหาเรื่องสนุกใส่ตัวเสีย ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องใช้ตัวประกันเหล่านี้อีก

กล่าวจบ ตัวตลกก็เดินตบเท้าฮัมเพลงหายไปในความมืด

แผนเปลี่ยนแล้ว จากเกมแลกตัวประกัน คืนนี้เขาจะเล่นเกมล่าค้างคาว



II

บ่ายวันหนึ่ง บรูซตื่นขึ้นพร้อมอาการปวดหัวรุนแรง

สาเหตุคาดเดาได้ไม่ยาก เพราะเขาหักโหมทำงานทั้งกลางวันกลางคืนโดยไม่หยุดพัก เวย์นอินดัสทรีอยู่ในช่วงสรุปผลประกอบการประจำปี เขาต้องเข้าประชุมและร่วมติดตามผลกับบรรดาผู้บริหารและผู้สอบบัญชี ภายนอกจะแสดงว่าเป็นคนรักสนุกไม่เอาการเอางานอย่างไรก็ต้องคงภาพลักษณ์ส่วนหนึ่งไว้ว่าเขายังให้ความสำคัญต่อบริษัทรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ นั่นเพื่อให้ง่ายเวลาพบความผิดปกติหรือจุดบกพร่องในการดำเนินงาน คนจะได้ไม่ตั้งคำถามเมื่อบรูซ เวย์น ใช้มาตรการเด็ดขาดทุกครั้งในการควบคุม

และเมื่อต้องทำงานเวลากลางวัน นั่นเท่ากับเขาจะเหลือเวลาพักน้อยลงหลังจากทำงานกลางคืน

งานสืบสวนที่เขาทำร่วมกับกอร์ดอนอยู่ในช่วงวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลซึ่งต้องใช้เวลาในการเปรียบเทียบหาสิ่งที่แปลกจากพวก เหมือนเกมจับผิดภาพ มันไม่ควรจะใช้เวลานาน บรูซมีเทคโนโลยีพร้อมสำหรับงานนี้ ถ้าเพียงแต่ข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้ปรากฏบนแผ่นกระดาษ หรือบันทึกด้วยน้ำหมึกและยังกระจัดกระจายไม่เป็นที่ทาง เมื่อไม่สามารถใช้วิธีลัดได้ เขาจึงต้องใช้สายตาและสองมือในการลงแรงเอง

แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับงานอดิเรกลับ ๆ ของเขาไม่เคยผ่านไปอย่างง่ายดาย ระหว่างที่จมอยู่กับตัวเลขและตัวอักษร สงครามระหว่างแก๊งมาเฟียก็ปะทุขึ้นโดยฝีมือของอดีตอัยการที่ตอนนี้กลายเป็นอาชญากร บีบให้แบทแมนต้องออกไปหยุดจลาจลตลอดสัปดาห์

บรูซมั่นใจว่าจำนวนคำสบถที่เขาเปล่งจากปากในช่วงหลังนี้น่าจะมากพอจนนำไปเขียนเป็นพจนานุกรมได้สักเล่มหนึ่ง

โชคดีเดียวในจังหวะที่ภาระล้นมือนี้คือโจ๊กเกอร์ไม่ได้โผล่มาร่วมวงเป็นหนึ่งในตัวก่อปัญหา

“คุณจะไม่ยอมหยุดพักเลยใช่ไหม” 

อัลเฟรดปรารภขึ้นหลังเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ผ้าม่านกันแสงปิดทึบ แต่ไม่มืดสนิทเพราะแสงสว่างจากจอโทรทัศน์ที่กำลังรายงานข่าวรวมถึงจากจอโน้ตบุ๊คที่วางบนตัก บรูซนั่งพิงหัวเตียง หัวคิ้วมุ่น หน้าผากชื้นเหงื่อทั้งที่มือเย็นเฉียบ ทว่าปลายนิ้วกลับพรมแป้นพิมพ์โดยไม่ทิ้งช่วง ชายหนุ่มตอบรับอัลเฟรดเสียงแผ่วเบา ไม่ยอมละสายตาจากผลการตรวจโรงงานแม้สักนิด

เสียงถอนหายใจดังขึ้น และโดยไม่รอฟังคำทักท้วง พ่อบ้านชราเดินตรงไปชักปลั๊กและขนย้ายอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดออกจากห้องนอน ตัดขาดบรูซจากโลกภายนอกทุกทางที่เป็นไปได้ 

บรูซพยายามยื้อโน้ตบุ๊คไว้ แต่เมื่ออัลเฟรดเลิกคิ้วจ้องเขม็งจึงยอมปล่อยของชิ้นสุดท้ายไปอย่างเสียดาย

อัลเฟรดส่ายหน้า “คุณต้องเรียนรู้ขีดจำกัดของตัวเองบ้าง เมื่อป่วย ก็ได้โปรดนอนพัก ผมมั่นใจว่าแบทแมนหายไปสักคืนคงไม่ทำให้ก็อทแธมถึงคราวล่มสลาย”

แต่เป็นเขาเองที่อาจล่มสลาย บรูซนึกพลางแนบศีรษะที่หนักเหมือนมีตะกั่วถ่วงลงบนหมอน ฟุบตัวลงนอนก่อนดึงผ้าห่มมาพันตัว ล่มสลายด้วยความเบื่อหน่าย

ทว่าอัลเฟรดพูดถูกแล้ว เวลานี้ให้ฝืนลุกจากเตียงยังไม่ไหว บรูซยกมือขึ้นนวดขมับที่ปวดตุบเหมือนค้อนทุบ ตั้งแต่เริ่มฝึกฝนร่างกายให้พร้อมรับมืออันตรายทุกรูปแบบ เขาก็แทบไม่เคยล้มป่วยอีกเลย แต่เมื่อมันเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง อาการก็จะหนักหนาเสียจนไม่สามารถทำอะไรได้

นอนกระสับกระส่ายตลอดบ่ายก่อนตื่นมาทานอาหารเย็นที่อัลเฟรดยกมาส่งถึงเตียง บรูซรู้สึกพะอืดพะอมจนทานได้เพียงไม่กี่คำ หลังกลืนยาเม็ดตามด้วยน้ำจึงล้มตัวนอนอีกครั้ง

“ขอบคุณนะ อัลเฟรด”

บรูซนอนหาวจากใต้ผ้าห่ม อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นชายชรามีสีหน้าพออกพอใจที่เขาทำตามคำขอร้องอย่างว่าง่าย

อัลเฟรดนำผ้าชุบน้ำบิดแห้งวางบนหน้าผากของเขา จัดผ้าห่มให้เรียบร้อย ตรวจตราประตูระเบียงและหน้าต่างว่าปิดสนิทก่อนเดินออกจากห้อง

“ราตรีสวัสดิ์ครับ มาสเตอร์บรูซ”

“ราตรีสวัสดิ์ อัลเฟรด”

ประตูปิดแผ่วเบา ชายหนุ่มระบายลมหายใจอย่างผ่อนคลายและขยับร่างหามุมสบายตัวที่สุด ความรู้สึกวิงเวียนและปวดเมื่อยยังรบกวน ทว่าข่มตาลงเพียงไม่นาน บรูซก็ร่วงหล่นสู่ความมืดของห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว



III

กลางดึกคืนนั้นไข้ของบรูซขึ้นสูง

ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่าย กึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกาย ข้างในหัวปวดร้าวและหมุนวนเหมือนอยู่ใจกลางพายุ เหมือนอยู่บนเรือที่โคลงเคลง บรูซหอบหายใจ คิ้วขมวดมุ่นเมื่อความทรมานเข้าซัดสาดไม่หยุดหย่อน

จนกระทั่งใครบางคนคว้ามือเขาไปกอบกุม

บรูซรู้สึกได้ว่าข้างเตียงยุบลง แต่เปลือกตาของเขาหนักอึ้งจนไม่อาจลืมมองได้ว่าเป็นใครที่ขยับเข้าใกล้ มือของอีกฝ่ายเย็นเฉียบ แข็งแรง แม้บรูซจะพยายามสลัดออกอย่างไรก็ไม่ยอมหลุด 

อีกฝ่ายสอดแขนตระกองใต้ร่างเขาแล้วดึงเข้าหา ฝ่ามือเย็นที่สัมผัสผิวใต้ร่มผ้าไล่สูงถึงกลางแผ่นหลัง บรูซตัวสั่น และหลังจากนั้นกลับเป็นเขาเสียเองที่พยายามแทรกกายเข้าหาความเย็นของอีกฝ่ายเพื่อคลายไข้ อ้อมกอดนั้นรัดแน่นจนเฉียดใกล้ความอึดอัด ทว่าช่วยให้ร่างกายที่ร้อนเป็นไฟเย็นลง

เสียงหัวเราะแหลมดังผะแผ่วข้างหู ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่บรูซไม่มีสติเกินกว่าจะจำแนกได้ว่าเป็นเสียงของใคร

แต่สิ่งหนึ่งที่รู้แน่ชัด คือเขาไม่ชอบมัน

บรูซพลิกตัวหนีไปอีกทางอย่างยากลำบากขณะยังถูกโอบกอดแน่นหนา เขาซุกใบหน้าซีกหนึ่งลงกับหมอน แผ่นหลังแนบสนิทกับร่างที่นอนอยู่เบื้องหลัง

คน ๆ นั้นดูเหมือนจะไม่ชอบที่โดนเมิน เสียงหัวเราะแสลงหูเปลี่ยนเป็นฮึดฮัดขัดใจ และถัดมาสัมผัสนุ่มชื้นก็จรดลงข้างขมับของเขา มือบีบเบา ๆ ที่ลำคอ ลากต่อมายังใบหน้าก่อนขยับให้เหลียวกลับ ความอบอุ่นไล้โลมจากหน้าผาก ลงมาหว่างคิ้วที่ยังขมวดแน่น ถึงปลายจมูก และแตะเบา ๆ บนริมฝีปากของเขา

ลมหายใจรวยรดเหมือนไอหน้าเตาผิง ผิดกับผิวเย็นแห้งที่กดลงบนแก้ม อีกฝ่ายย้ำจูบบนริมฝีปากบรูซซ้ำ ๆ จนเกิดเสียง ก่อนที่สักพักจึงหยุดและแนบค้างไว้อย่างนั้น

นานจนคล้ายว่าจะนิ่งสงบ แต่แล้วความร้อนชื้นก็เบียดแทรกผ่านกลีบปาก

บรูซผละหนี กล่าวห้ามเสียงอู้อี้ในลำคอ แต่ท้ายทอยถูกยึดไว้ไม่ให้ผละออก เขาจึงเม้มปากกั้นการรุกล้ำ

ไม่

เสียงตอบดังระหว่างริมฝีปากที่ไร้ช่องว่าง สัมผัสหยาบกร้านปะป่ายไปตามร่างของคนป่วย บรูซปัดมืออีกฝ่าย เสียงครวญครางอย่างครั่นเนื้อตัวแทรกตามลมหายใจ พอได้แล้ว บรูซกระซิบเมื่ออาการบีบรัดบนศีรษะใกล้ข้ามขีดความอดทน ปวดหัว

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น ให้จูบหนึ่งครั้ง... พร้อมกับมีสัมผัสคลอเคลียข้างแก้ม ...แล้วครั้งนี้จะยอมปล่อย

บรูซพ่นลมหายใจอย่างนึกรำคาญ ก่อนนอนนิ่ง ผ่อนแรงต้านลงแทนคำอนุญาต

ใครคนนั้นก็กดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว

มันไม่ใช่จูบที่อ่อนหวาน

ไม่ใช่จูบของคนรักที่ปรารถนาจะมอบความนุ่มนวลให้ แต่เป็นจูบจากผู้ที่หิวกระหาย มันทั้งตะกรุมตะกราม ฉกฉวย ชำแรกแทรกลึกและบิดเบี้ยว

ไม่เคยมีใครจูบเขาแบบนี้มาก่อน มันไม่เหมือนกับจูบใดที่บรูซเคยได้รับ ตรงกันข้าม บางอย่างลึก ๆ บอกกับเขาว่ามันคือการสูญเสีย

เมื่ออีกฝ่ายยอมถอนริมฝีปาก กลับกระทำอย่างเชื่องช้า บรูซปรือตามอง ภายใต้ลมหายใจที่ระบนใบหน้า เขาเห็นนัยน์ตาสีเขียวเรืองรองในความมืดมิด

บรูซหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

ยอมให้แค่ครั้งนี้นะที่รัก น้ำเสียงกดต่ำราวกับจะขู่ แต่ก็คลับคล้ายเป็นคำอ้อนวอน นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่บรูซได้ยินก่อนจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง



IV

เมื่อบรูซลืมตาขึ้นในเช้าวันถัดมา ไข้ของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง

ชายหนุ่มพยุงตัวขึ้นนั่ง ครุ่นคิดถึงภาพฝันอันไม่ปะติดปะต่อที่เกิดขึ้นขณะหลับ ปลายนิ้วแตะบนริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล ความรู้สึกของการถูกจูบนั้นเหมือนจริงเกินไปจนน่ากลัว

แต่เมื่อลองสำรวจภายในห้องกลับไม่พบอะไร ประตูหน้าต่างยังคงปิดสนิท ไร้ร่องรอยการบุกรุกจากภายนอก บรูซจึงสลัดความทรงจำอันเลือนรางนั้นทิ้งเสีย เขาไม่ชอบความคิดที่ว่าตนถูกขโมยจูบและโดนกกกอดทั้งคืนเลยสักนิด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่เขาคิดว่าตนเห็นนั้นเป็นโจ๊กเกอร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น