วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565

[DCU] Nemesis (Joker/Batman)


Nemesis

DCU (Comics) and Trailer F1 of The Batman (2022)

— Joker / Batman —

Summary : ไม่นานมานี้มีข่าวลือปากต่อปากถึงสิ่งที่อาศัยในความมืดของก็อทแธม




ได้ยินหรือเปล่า ลูกน้องคนหนึ่งของเพนกวิ้นถูกซ้อมจนตาย ใครสักคนกล่าว ข้อความนี้ส่งต่อมาตั้งแต่ฝั่งตะวันออกจนถึงท่าเรือตะวันตก อาศัยริมฝีปากเหมือนกาฝาก สิงสู่ในอากาศและซึมแทรกผ่านลมหายใจ ไม่ใช่การซ้อมแบบที่ใช้ท่อเหล็กหรือสนับมือ แต่เป็นกำปั้น หมัดลุ่น ๆ ที่ทำให้กะโหลกและซี่โครงแหลกละเอียด

แค่เด็กใหม่ พวกเกลือกกลั้วในเลือดและโคลนชนิดที่กลิ่นสนิมฝังอยู่บนตัวบอก ไม่มีใครตายเสียหน่อย พวกเขาเห็นมาเยอะแล้ว ในเมืองก็อทแธม หากมีกำลังมากพอแกจะกดหัวใครลงก็ได้ แกจะได้เสพสุขในชื่อเสียงเงินทอง แต่หากไม่มีสมองแกจะอยู่ได้นานเท่าแมลงหวี่บินตอมคนจรจัด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายได้ยังไง

พวกเขาคิดว่าข่าวลือนี้ไม่นานก็เงียบหาย เพนกวิ้นชอบเกมประเภทนี้ ปล่อยให้อวดโอ่จนพอใจแล้วดึงพวกทรยศทั้งหมดมาลงหลุมฆ่าพร้อมกันในครั้งเดียว แต่ข่าวลือยิ่งมายิ่งกระพือพัด แผ่วเบาแต่ลุกลามราวโรคระบาด เอ่ยด้วยทุ้มโทนที่แตกต่างแต่ล้วนเป็นเสียงกระซิบกระซาบอย่างหวาดหวั่นว่าเจ้าของเรื่องราวจะผ่านมาได้ยิน

หากเป็นพลเมืองที่ซุกหัวเก็บหางก็จะเอ่ยด้วยความหวังว่าค่ำคืนที่มืดมิดที่สุดกำลังจะคืนความยุติธรรมให้พวกเขา แต่หากเป็นพลเมืองที่ร่อนถลาอาบเลือดอย่างครึกโครมยามราตรีก็จะกล่าวทั้งกายใจสั่นผวาว่าความพยาบาทไล่ตามมาทันแล้ว

แต่จริงหรือเปล่าที่กล่าวกันว่าเขาเป็นจอมโกหก ริดเลอร์พูดอย่างนั้น แต่ริดเลอร์ก็พูดหลายอย่าง พูดไปเรื่อย มีสักกี่คนที่เข้าใจความหมายเบื้องหลังปริศนาคำทาย — ไม่ว่าอย่างไรคำพูดนี้ก็กระตุ้นความใคร่รู้สำเร็จ โกหกเรื่องอะไร ทุกคนต่างหาคำตอบจากผู้เอ่ยคำถาม เสียงนี้ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมือที่ยกปิดหูก็ปิดกั้นไม่ได้อีกต่อไป มันกลายเป็นเสียงในหัว ฝังในความคิด

“หมอนั่นมันบ้า”

ใครสักคนที่บ้าพอจะกล่าวประโยคนี้อย่างชัดถ้อยชัดคำ กล่าวท่ามกลางพวกที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนฝูง อย่างน้อยในหมู่พวกนอกกฎหมาย ขอแค่ไม่ขัดผลประโยชน์กัน ไม่ฝักใฝ่กลุ่มอำนาจอันเป็นคู่อริ จะปากพล่อยอย่างไรก็ไม่มีใครว่า พวกมันชอบเสียอีกเวลาใครสักคนโง่เง่าพอจะฉีกเปลือยความลับออกมาต่อหน้าพวกกระหายเลือดหรือพวกโลภโมโทสัน ล้วนแล้วแต่เป็นพวกจนตรอกน่าสิ้นหวัง ต่ำตมที่สุดในหมู่อาชญากรด้วยกันเอง แต่กระทั่งในสถานที่แบบนี้ก็ยังไม่ปลอดภัยสำหรับการแสดงความอ่อนแอ

ในบาร์โกโรโกโสข้างท่าเรือ มีคนลดเสียงของกล่องดนตรีขึ้นสนิม เสียงเคาะแก้วกับโต๊ะเบาบางลง เสียงตลับไฟแช็กสงัดหาย ทุกอย่างนิ่งเงียบ รีรอ มีเพียงกลิ่นเหล้ากับบุหรี่อวลอบ มีเพียงกลิ่นเหม็นเน่าของฝนที่ไหลเวียนคละคลุ้งพอ ๆ กับการกลั้นใจรอเวลาจุดระเบิด

รอใครสักคนเอ่ยอะไรขึ้นมาทำลายความน่าอึดอัดที่แสนฉงนงงงวยนี้

เจ้าของประโยคแรกตระหนักถึงความผิดพลาดของตนเองในทันที ร่างซึ่งชื้นหยาดฝนและอาบเหงื่อเย็นเริ่มสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม ความหนาว ความกลัว ความวิตก ผสมปนเปกัน จุกแน่นในอกอย่างไร้หนทางเล็ดลอด

ทว่าความกลัวมักมีชีวิตแสนสั้น

ความโกรธอันชอบธรรม

เสียงใหม่กึกก้องในห้องหับ ดวงตานับสิบคู่เปลี่ยนเป้าหมายไปยังคนที่นั่งริมสุดของบาร์ จุดที่แสงส่องถึงเพียงริบหรี่ เป็นชายสวมชุดสูทเก่าครึ มือซีดขาวผอมยาวเห็นข้อต่อนูนชัดอย่างน่าสะพรึงนั้นกำลังถือหนังสือปกขาดซีดจางพอกันในระดับใบหน้า บนปกสลักอักษรที่แทบเลือนหายตามกาลเวลา ปกรณัมสร้างโลก คือชื่อของมัน

“เหมือนกันเลยนี่นา! ” ชายคนนั้นยังว่าต่อ เสียงของเขาแหลมสูงผิดธรรมชาติ เสียดหูแต่กลับน่าขนลุกขนพอง เวลานี้ควรมีอันธพาลไร้หัวคิดสักคนลุกขึ้นเดินอาดไปกระชากหนังสือรุ่งริ่งนั่นทิ้งเพื่อเฟ้นฟอนความลำพองของตนเอง แต่ไม่มี ทุกอย่างนิ่งกริบเหมือนสุสาน จดจ่อรอคอยว่าอะไรที่เหมือน อะไรที่ต่าง เขากำลังพูดถึงอะไร คนที่พวกข้างบนเคยถากถางว่าเป็นแค่เด็กใหม่หรือ

“มีคนเชื่อว่านางเป็นธิดาของซุสด้วยเหรอ ไม่ ไม่ ไม่ เฮสิออดบอกว่าเป็นธิดาของนิกซ์ต่างหาก นี่ต่างหากที่ถูกต้อง เนเมสิสไม่ใช่ทายาทของเทพเจ้าสายฟ้าสายฝน แต่เป็นความมืด เหมือนที่เขาชอบสวมชุดดำและออกล่าแค่เวลากลางคืน”

หนังสือปิดฉับ ลดลงวางบนตัก และโฉมหน้านั้นดูดกลืนเอาลมหายใจออกจากโพรงปอด

ชายสวมรูปตัวตลกโน้มมาข้างหน้า ตาเบิกกว้างมองคนแรกที่โพล่งข่าวลือ รอยยิ้มแสยะกว้างแทบฉีกเนื้อหนังออกเป็นสองส่วน แต่ทั้งสองส่วนนั้นไม่ได้แบ่งแยกกัน มันล้วนแต่งแต้มด้วยความหฤหรรษ์

เขาลุกขึ้นปราดไปนั่งร่วมโต๊ะกับชายร่างท้วม หนังสือตกลงบนพื้นดังตุบ ทุกคนสะดุ้งโดยพร้อมเพรียงเหมือนตุ๊กตาถูกขึงใย มองตามด้วยความอัศจรรย์ ความกลัวแสนยะเยือก หวาดผวาถึงบางสิ่งที่ไม่อาจทำความเข้าใจ

ตัวตลกยังคงยิ้มกรีดกราย “เล่ามาให้หมด” เขาพูดเหมือนร้องรำ ถึงกับจับมือเย็นเฉียบของคู่สนทนาขึ้น ราวประคองอุ้งมือของผู้ทรงศีล รอรับคำเทศนาผ่านตัวแทนพระผู้เป็นเจ้า

“เล่ามาให้หมดเปลือก คน ๆ นั้นเป็นยังไง เพื่อนใหม่ของเรา นายบอกว่าเขาบ้า บ้าอย่างนั้นเหรอ ไหนลองบอกหน่อยสิว่าเขาบ้าแค่ไหน”

แล้วชายคนนั้นก็เริ่มหัวเราะ ไม่ใช่แค่เสียงหัวเราะลอดผ่านลำคอ แต่หัวเราะลั่นไปพร้อมกันทั้งร่าง

ทุกคนเหลือกตาจ้อง ไม่มีความรู้สึกเฮฮาสุขสันต์แม้แต่หยดเดียวอยู่ในตัว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น