How a faerie loves
Boku no Hero Academia
— Dabi / Hawks —
Warning : Unhealthy Relationship, Graphic Depictions Of Violence
Summary : รักของภูตไม่อาจโป้ปด แต่จะเรียกร้องเอาทั้งกาย หัวใจ และจิตวิญญาณ ต้องได้มาทุกอย่างหรือไม่ได้สิ่งใดเลย
Note : Alternate universe – Shadowhunter Chronicles
รักของภูตไม่อาจโป้ปด แต่จะเรียกร้องเอาทั้งกาย หัวใจ และจิตวิญญาณ ต้องได้มาทุกอย่างหรือไม่ได้สิ่งใดเลย เป็นรักที่ล้างผลาญ มารดาของเขาบอกเช่นนั้น ดาบิไม่เคยรู้ว่ามันเป็นเพียงนิทานเรื่องหนึ่งหรือคำเตือน เขาไม่เคยขวนขวายใคร่รู้เพราะเขาไม่เคยมองหา ความรักเหมือนละอองเถ้าลอยในอากาศ ห่างไกลเลอะเลือนเหมือนฝัน ขณะที่ความชังชัดเจนอยู่ต่อหน้า สำแดงรูปร่างบนผิวเนื้อของเขา เขามองมันทุกวัน ครุ่นคิดถึงทุกวินาที
กว่าดาบิจะสังเกตเห็นชายที่สว่างไสวกว่าไฟหลากสีของเมืองกลางคืนจึงเกือบสายเกินไป ฝีเท้าของอีกฝ่ายเงียบเชียบ ปราดเปรียวและประชิดตัวอย่างว่องไว ทว่าไม่มีดาบ ไม่มีการตะคอกออกคำสั่ง เนฟิลิมผมทองจดจ้องเขา ก่อนกวาดมองเปลวไฟสีประหลาดรอบร้านเก่าโทรมใต้ดิน
“ช่วยดับไฟได้หรือเปล่า” คำถามกล่าวอย่างสุภาพผิดคาด น้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนพูดกับมิตรสหาย ทั้งที่รายล้อมโดยความวินาศ กับมนุษย์หมาป่าสามสี่ตัวที่ถูกเผาจนขนร่วงโกร๋น เนื้อไหม้สะบักสะบอม
นักล่าเงาคนนี้ หากไม่สวมหน้ากากได้อย่างแนบเนียนร้ายกาจก็คงเป็นพวกยึดมั่นถือมั่นอย่างโง่เขลา
“กำจัดภัยคุกคามน่าจะสำคัญกว่าไม่ใช่หรือ” ดาบิเลิกคิ้ว มือล้วงกระเป๋ากางเกง หันมาเผชิญหน้าอย่างไม่กังวลใจ เขารู้ว่าไม่มีนักล่าเงาคนใดฆ่าเขาได้ และนักล่าเงาคนนี้สวมชุดอย่างสามัญชน ขาดการเตรียมการที่เหมาะสม ไม่มีใครสามารถเอาชนะในศึกที่ตนเองประมาทเลินเล่อ
“อะไรบางอย่างบอกว่าไฟพวกนี้ใช้วิธีธรรมดาดับไม่ได้” เนฟิลิมพูด “วิธีที่ง่ายที่สุดคือให้ตัวการเป็นผู้ดับ”
ดวงตาสีอำพันสะท้อนแสงไฟเหมือนอำพันเหลวในขวดแก้ว ผมสีทองยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งผ่านลมหอบใหญ่ เสื้อยืดสีอ่อนขับรอยสักรูนที่โผล่พ้นแขนเสื้อ ลายส่วนใหญ่สูญพลังกลายเป็นสีเงินอ่อนจาง ดาบิแปลกใจเมื่อเห็นว่าลายที่ยังมีสีดำทั้งหมดล้วนเป็นรูนเสริมความเร็ว
ทว่าตะขิดตะขวงใจยิ่งกว่าที่นักล่าเงาไม่แสดงสีหน้าชิงชังเหยียดหยามอย่างที่ชินชา ไม่แม้แต่ชายตาแลบาดแผลอันอัปลักษณ์บนใบหน้าและร่างของเขา ชายผมทองคนนั้นแค่เดินสำรวจตรวจตรา บอกชาวบาดาลที่ยังหลบซ่อนตามซอกหลืบร้านให้ออกไปหาความปลอดภัยข้างนอกและกำชับว่าอย่าลืมอุ้มพวกมนุษย์หมาป่าที่หมดสติไปด้วย สีหน้าท่าทางของเขาเหมือนบอกเด็กกลุ่มหนึ่งให้ไปเดินที่สวนอีกฟากที่มีสระน้ำสวยสดกับแผงขนมหวานอย่างไรอย่างนั้น
“หากปล่อยไว้จะเป็นปัญหาเอาได้” นักล่าเงาหันกลับมาทางเขา สีหน้าจริงจังขึ้น แต่ดวงตาละเมียดละไมไร้ความเร่งร้อน “วันนี้เป็นวันเทศกาล อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าแล้วจะมีพวกสามัญชนมายั้วเยี้ยไปหมด นายคงไม่อยากตกเป็นเป้าของพวกคลั่งรักที่เห็นอันตรายเป็นเรื่องเซ็กซี่น่าดึงดูดใจ”
ดาบิเอียงคอ เหยียดยิ้ม “นายก็คิดอย่างนั้นหรือ”
“การปฏิเสธความรู้สึกมีแต่จะย้อนกลับมาทิ่มแทงตัว รีบยอมรับแล้วก้าวต่อไปดีกว่า อีกอย่างฉันยังไม่เคยคบกับภูตเลย สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่” หนุ่มผมทองยักไหล่ กล่าวทั้งหมดนั้นแต่กลับดูไม่ค่อยใส่ใจ ทำให้ดาบิทั้งขบขันทั้งตื่นตา นี่เป็นสิ่งใหม่ ภาคีจะคิดอย่างไรที่คนของพวกเขากระทำเรื่องมัวหมอง
“ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าฉันต้องทำตามที่นายบอก” ดาบิพูด
“เราอยู่ในช่วงสานสันติภาพกับชาวบาดาลนะเผื่อนายตกข่าว”
“กฎของเนฟิลิมไม่ใช่กฎของภูต ฉันไม่เคยตอบตกลงพันธกติกาใด”
“แล้วถ้ามีค่าจ้างล่ะ” นักล่าเงากล่าวทันควัน “พวกนายชอบศิลปะกับดนตรีใช่ไหม บางทีฉันอาจแนะนำสถานที่ได้สักสองสามแห่ง ภายใต้เงื่อนไขว่าจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย”
เขากำลังพยายาม แม้แสดงออกว่าผ่อนคลายสบายใจแค่ไหนก็ตาม “โน้มน้าวฉัน แต่ยังใส่เงื่อนไขมาอีกหรือ ไม่จริงใจเอาเสียเลยนักล่าเงา”
“ฉันชื่อฮอว์ค” อีกฝ่ายพูด เขาเดินข้ามกองไฟเหมือนกวางเดินข้ามน้ำ สง่างาม ไม่มีสะดุ้งสะเทือน ดาบิสังเกตช้าไปอีกครั้งว่าคน ๆ นี้ช่างสมเป็นบุตรเทวดา ผมทอง รูปหน้าบรรจงสร้าง สว่างเรืองรองอย่างอบอุ่น น่าไว้วางด้วยใจและชีวิต
แต่มีอะไรมากกว่านั้น บางสิ่งที่ทำให้ต้องหยุดคิด ฮอว์คแตกต่างจากนักล่าเงาที่ชาวบาดาลรู้จัก ไม่คับแคบถือตัว ไม่เชิดหน้าชูคออย่างหยิ่งยโส ทว่ายังมีส่วนชาวบาดาลมักคุ้นอยู่ตรงนั้น เป็นถ้อยคำที่ปลายลิ้น บางสิ่งที่ห่างเพียงลัดนิ้ว ดาบิพินิจเงียบงัน
ก่อนแสยะยิ้ม “ฮอว์ค” เขาเรียกอย่างอ่อนโยน “นายอยากจะทำสัญญากับภูตจริง ๆ เหรอ”
“แล้วนายล่ะ โอกาสครั้งเดียวที่จะได้ผูกมัดเนฟิลิมที่ทรงเสน่ห์ที่สุดของสถาบันโตเกียวเชียวนะ แต่รีบตัดสินใจหน่อยก็ดีก่อนที่ไฟจะลามไปข้างนอกหรือไม่ก็ฉันสำลักควันตายเสียก่อน”
ฮอว์คพูดติดตลก เนฟิลิมไม่ได้อ่อนแอเพียงนั้น ซึ่งมักทำให้การเข่นฆ่าพวกเขาสนุกสนาน
“ไม่ว่าทางใดก็เพลิดเพลินสำหรับฉัน” ดาบิครวญ
“ความตายเกิดขึ้นแล้วจบลง แต่สัญญาผูกพันได้ชั่วชีวิต”
ดาบิยิ้มรับ สัญญาของภูตเป็นเช่นนั้นจริง และมันไม่เคยยุติธรรม เล่ห์เหลี่ยมของภูตเคลือบในทุกกระเบียดนิ้วของถ้อยคำที่ไม่อาจโป้ปด เพราะไม่อาจโกหก เล่ห์ของภูตจึงแหลมคม ใต้ความงามจึงเต็มไปด้วยหนาม พันธการของพวกเขาคือโซ่ตรวนที่ไม่อาจทำลาย มรรตัยอาจคิดว่าความตายคือหนทางรอด แต่ภูตเปลี่ยนพวกเขาได้ ทำให้ความทรมานเป็นอนันต์ นรกจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
แต่นักล่าเงาคนหนึ่งกลับยินยอมกระโดดเข้าหากับดัก ทำไม
ดาบิย่อมปรารถนาจะกรีดเฉือนเปลือกที่ห่อหุ้มความจริงทีละเล็กทีละน้อย อาหารต้องลิ้มรสจึงได้ดื่มด่ำมิใช่กรอกกลืนในทีเดียว ฮอว์คเข้าใจพวกเขาดีทีเดียว ความหฤหรรษ์ที่มาแล้วไปอย่างแสงกะพริบวิบวาบไม่ใช่วิธีเสพสมของภูต พวกเขาไม่เคยรีบร้อน
ดาบิยิ่งไม่รีบร้อน “เราผนึกสัญญาด้วยจูบ”
ฮอว์คนิ่งไป แต่ไม่มีอาการลังเล “สัญญาคือดับไฟกับห้ามทำร้ายใครก็ตามในพื้นที่ที่ฉันดูแล”
“เงื่อนไขของฉันคือนายจะต้องติดตามไปด้วยทุกที่” ดาบิแตะข้อมือของฮอว์ค เมื่อเห็นว่าเนฟิลิมไม่ผละหนี จึงคลึงสัมผัส ไล่ปลายนิ้วแทรกลงไปใต้ถุงมือที่ฮอว์คสวม “นายจะต้องอยู่ข้างฉันเมื่อฉันต้องการ”
“แม้กระทั่งที่วังภูตหรือ ทุกที่กับเวลาใดก็ตามที่นึกอยากเป็นคำที่กว้างนะ”
“แล้วพื้นที่ที่นายดูแลครอบคลุมถึงไหนล่ะ ไอดริสด้วยหรือเปล่า” ดาบิกุมมือสองข้างของฮอว์คขึ้นแนบอก
“ในเมื่อเราพยายามร่างสัญญาเอาเปรียบกันอย่างหน้าไม่อาย ฉันขอเสนอว่าควรเพิ่มบรรทัดว่านี่เป็นสัญญาครั้งเดียวจบ ระยะเวลาคือหนึ่งวัน ในหนึ่งวันนี้นายจะไม่ก่ออัคคีภัยและไม่ทำร้ายใคร ส่วนฉันจะตามไปเป็นคู่เดททุกที่ที่นายอยากไป”
“คำว่าทุกที่ไม่กว้างไปแล้วหรือ”
“แค่วันเดียว” ฮอว์คส่งยิ้มอ่อนโยนพอกัน “และเป็นหนึ่งวันในโลกมนุษย์”
หนึ่งวันในวังภูตอาจนานนับทศวรรษ ฮอว์คฉลาดที่อ่านนัยระหว่างบรรทัดออก ซึ่งแสดงว่าเขาเจนจัดกับชาวบาดาลที่ชอบเล่นแง่และมักเอารัดเอาเปรียบ
คำว่าทุกที่ไม่เพียงแต่ดาบิสามารถจับจูงไปยังสถานที่อันตราย แต่อาจกลายเป็นโซ่ที่ล่ามเขาไว้เสียเอง ฮอว์คจะติดตามเขาไปได้ทุกที่แม้กระทั่งสถานที่ที่เขาไม่ต้องการพาไป
ทางแก้แสนง่ายดาย ในหนึ่งวันเขาก็แค่ไม่ไปเหยียบแพนดิโมเนียมหรือสถานที่นัดพบใดของภูต แต่ฮอว์คดูมั่นใจมาก นักล่าเงายังมีแผนการซ่อนอยู่
ดาบิชื่นชอบดวงตาท้าทายของเขานัก
“ตกลง” ดาบิพยักหน้า “เรายืนยันสัญญาด้วยจูบ”
ฮอว์คดึงมือของเขาเข้าหาตัว จูบข้อนิ้วของเขารวดเร็ว ระมัดระวังและเป็นทางการ ผิดกับบุคลิกที่ต้องการให้โลกเห็น
เจ้าไปแห่งหนใด ข้าจักไปตาม
เวทมนตร์แผ่ซ่านอาบร่างพวกเขา ประกายเล็กละเอียดสีทองฟุ้งกระจาย สีสันของบุตรเทวดาหายไปในห้องที่ลามเลียด้วยไฟสีคราม
ฮอว์คเงยหน้ามองเขา รอคอยจูบที่จะผนึกพวกเขาด้วยกัน
สีอำพันที่สว่างด้วยทองทำให้ความทรงจำจากอดีตไหลท่วมดวงตา เปลี่ยนภาพเบื้องหน้าเป็นสถานที่อื่น ดาบินึกถึงพิธีทดสอบเพลิง นักล่าเงาสองคนยืนบนวงแหวนไฟ กล่าวคำสาบานที่จะผูกพันกันจนกว่าความตายจะมาพราก ในบางแง่มุมอาจมองได้ว่าสหายศึกลึกซึ้งกว่าคนรัก รูนแต่งงานถูกละเมิดได้ แต่สหายศึกไม่อาจทำลาย
ทว่าสหายศึกไม่อาจรักกันเช่นคู่รัก มันละเมิดกฎของภาคี
ดาบิโน้มตัวลง และฮอว์คก็จ้องมองด้วยดวงตาแน่วแน่ เขาใจกล้าหรือไม่ก็บ้าบิ่นที่จูบกับภูต พันธสัญญาหนึ่ง เมื่อเริ่มแล้วมักมีตามมาอีกไม่สิ้นสุด
ดาบิกุมมือสองข้างของอีกฝ่าย ความตั้งใจแรกคือประทับจูบบนหลังมือ แต่กลับสบดวงตาสีทองอย่างเผลอไผล รอยยิ้มเย็นหยักโค้งบนริมฝีปากราวพระจันทร์ฤดูหนาว ไยต้องระมัดระวังตามอีกฝ่าย เขาเป็นทุกสิ่งที่ไร้เมตตามาโดยตลอด และจะไม่ยอมเปลี่ยนเพื่อเนฟิลิมที่ปลุกเร้าความสนใจได้ชั่วครั้งชั่วคราว
ดาบิก้มลง แนบจูบบนลำคอของนักล่าเงา ขบเม้มเบา ๆ สดับชีพจรที่แปรเปลี่ยนแล้วยิ้ม สูดกลิ่นหอมของน้ำตาลกับดวงตะวันแล้วละออก
เจ้าตายที่ใด ข้าจักตายตาม ขอเทวดาโปรดฝังข้ายังที่แห่งนั้น
เวทมนตร์สีน้ำเงินกำจายรอบตัว เปลวไฟสีเดียวกันไหวกระพือ ขยับเหมือนอสรพิษเข้าหลอมรวมกับพลังที่ผนึกพวกเขา ฮอว์คตัวสั่นเมื่อเปลวไฟแตกซ่านเป็นประกายเล็กละเอียด ก่อนทั้งห้องจะมืดลง ตกสู่ความเงียบ
ตาสองคู่มองกัน ไม่รู้เลยว่าได้เริ่มสิ่งที่จะพันเกี่ยวสองวิญญาณอย่างแน่นหนา ไม่เคยมีมาในอดีตและจะไม่มีอีกในอนาคต
สัญญานี้จะก่อความรู้สึกที่ล้างผลาญ
ทว่าเวลานั้นดาบิไม่รู้ เขาถูกตรึงโดยดวงตาของคนตรงหน้า รู้สึกว่าสีอำพันนี้ต่างจากสีของเทวดา ไม่อาจบอกได้ว่าเหมือนสิ่งใด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน แต่บางสิ่งกลับกระซิบกระซาบว่าเขาเพิ่งพบของรักที่ตามหา
ขอเทวดาลงทัณฑ์ข้า ขอให้ทัณฑ์นั้นหนักหนายิ่งกว่า
ภูตหนุ่มสลัดความคิดแปลกประหลาด หากเก็บรักษามันเพื่อขุดคุ้ยเวลาอื่น ยังมีเวลาอีกมาก ตอนนี้เขาต้องพาคู่เดทผู้มากคารมและลึกลับซับซ้อนไปเดทในวันวาเลนไทน์เสียก่อน
Note : มีพารากราฟหนึ่งที่เขียนออกมาไม่เข้าเนื้อเรื่องด้านบน แต่ทิ้งไปก็เสียดายเลยขอนำมาแทรกตรงนี้ ถือว่าเป็น ficlet สั้น ๆ นะคะ แฮปปี้วาเลนไทน์ค่ะ
.
.
.
ดาบิเคยเห็นความรักมามาก ทั้งรักที่เยียวยาและทะนุถนอม กับรักที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าคำสาปปีศาจ รักไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป รักมาแล้วจากโดยไม่ขอความยินยอม บางคราวมาอย่างอึกทึกครึกโครม บางคราวเงียบงันกว่าฝีเท้าภูตผี ยามบอกลาทิ้งฝีเท้าเกลื่อนกลาด ทิ้งรสขมฝาดและบาดแผลล่องหน มันอาจคงอยู่นานนับศตวรรษ หรือแสนสั้นเพียงชั่วลัดนิ้ว
เขาไม่นึกถวิลหารัก
แต่เวลานั้น เขายังไม่เคยพบใครที่เหมือนกับฮอว์ค