วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

[MHA] In The Rain- (Dabi/Hawks)


In The Rain-

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Warning : Implied sexual content

Summary : ดาบิคิดเสมอว่าฝนมักสร้างบรรยากาศที่แสนแปลกตา




ดาบิคิดเสมอว่าฝนมักสร้างบรรยากาศที่แสนแปลกตา มันชะลอผู้คนด้วยความเปียกปอน แทรกเนื้อตัวระหว่างท่อนเพลง ไม่เพียงชโลมโลกแต่ยังกระทบใจ มันทำให้ซึมเซาไปพร้อมกับท้องฟ้าที่อึมครึม แต่เป็นความเซื่องซึมที่น่าดื่มด่ำและหลงใหล

เขายืนมองฝนและตึกอาคารรอบข้างที่ถูกพรางด้วยเส้นสายสีเทา ไม่ถอยหลีกละอองที่สาดเข้ามาเหมือนคนอื่น มือหนึ่งถือบุหรี่ที่จุดควันลอยนิ่ง มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงยีน หน้ากากสีดำเลื่อนลงมาใต้คางและหมวกฮู้ดก็คลุมไม่ถึงหน้าผาก ดาบิไม่กลัวว่าใครจะจดจำได้ ทุกคนมัวแต่ยุ่งกับการหลบฝน

ส่วนเขาก็ยุ่งกับการมองใครคนหนึ่งที่ยืนเหม่อกลางสายฝน

เสียงเพลงจากร้านกาแฟตรงมุมถนนดังคลอฝนเป็นจังหวะเดียวกับที่คนเดินเข้าออกร้าน กลิ่นขมและหวานลอยบางเบาตรงปลายจมูก แต่ดาบิกลับรู้สึกขมและหวานจากภาพที่เห็นมากกว่าอะไรอื่น เขาเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝน

เพราะฝน ฮอว์คจึงยืนกางร่มอยู่ฟากตรงข้ามถนน

การถือร่มไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในละแวกที่น้ำเจิ่งนองสะท้อนแสงจากป้ายไฟนีออน แต่เป็นการที่ใครคนหนึ่งซึ่งมีปีก ถือร่มคันสีแดงแทบชิดศีรษะด้วยสองมือ ทั้งยังยืนห่อไหล่และห่อปีกดังกล่าวนั้นเข้าหาตัว ไม่รู้ด้วยเหตุใดดลใจ ดาบิมักนึกเห็นภาพที่ปีกคู่นั้นยกขึ้นบังเหนือศีรษะ พอเหมาะที่จะใช้กันหยาดน้ำจากฟ้า แต่แล้วเขากลับย้อนนึกถึงความทรงจำหนึ่งอันเลือนราง นั่นคือหน้านิ่วคิ้วขมวดของฮอว์คยามมองขนสีแดงที่ลู่ลงเพราะความชื้น

ดาบิเม้มบุหรี่พร้อมทั้งสูดรสขมลิ้มรสควัน

ฝนไม่มีทีท่าจะซาลง และฮอว์คก็ไม่แสดงวี่แววว่าจะออกจากภวังค์ในเวลาอันใกล้

หากเป็นในห้องนอน หากเขากำลังนอนฟังเสียงฝนและมองภาพฝันอยู่บนเตียง ดาบิคงยินดีจะทอดเวลานี้ให้ยาวนานที่สุด แม้ใกล้มืด แต่ที่แห่งนี้ก็ยังอยู่กลางแจ้ง ไม่เหมาะสำหรับการส่งต่อความลับหรือพลอดถ้อยคำกับสัมผัส

และดาบิคิดว่าหากส่วนที่หยาบกระด้างของเขายังอ่อนยวบเหมือนแดนร้างที่ต้องพายุฝน ใครคนอื่นที่ไม่เฉยชาเท่าย่อมไหวตามลมและหยดน้ำอย่างง่ายดาย

มือกำบุหรี่แน่นก่อนคลายออก กลายเป็นขี้เถ้าร่วงตกลงบนพื้นชื้นแฉะ ถนนโล่งไร้รถรา ดาบิจึงก้าวออกจากที่กำบังใต้ตึกสูง ฝนกระทบร่าง ซึมเข้าเนื้อผ้าแต่ระเหยหายเป็นไออย่างรวดเร็วเมื่อต้องเนื้อหนัง ทั้งครึ่งที่มอดไหม้และครึ่งที่ยังคงคล้ายมนุษย์ ไม่มีใครไยดีไอร้อนและเสียงที่ถูกกลบใต้แรงกระทบของเม็ดฝน ดาบิก็ไม่สนใจพวกเขาเช่นกัน

เขาสนใจแต่สีหน้าที่เปลี่ยนจากเฉยเมยเป็นแย้มยิ้ม

รอยยิ้มที่ไม่ได้เกิดบนริมฝีปาก แต่เกิดในดวงตาที่เหลียวมาสบมอง เกิดบนใบหน้ายามเจอคนที่รอคอย ดาบิรู้ว่าทำให้อีกฝ่ายต้องรอ เขาจงใจทำให้ฮอว์คต้องแลกเวลาหากกระตือรือร้นที่จะสอดแนมสมาพันธ์ หากต้องการอะไรบางอย่างก็ต้องยอมเสียบางสิ่งไป และหากมันคือความปรารถนาอย่างสุดใจ เขาก็ต้องจ่ายด้วยสิ่งที่มีมูลค่าเท่าเทียม

ฮอว์คยังมีอะไรหลายอย่างเหลือเกิน ขณะที่ดาบิไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว

สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดในเวลานี้ คือการมองดูอารมณ์ซึ่งปรากฏขึ้นเมื่อฮอว์คพบเขา

ฮอว์คมองขึ้นลง แววตาสลับระหว่างระอากับขบขัน “ขี้โอ่ชะมัดยาด”

“อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน” ดาบิยักไหล่ ปากคลี่ยิ้ม “โดยเฉพาะเมื่ออัตลักษณ์ร้อนเสียจนฝนก็ทำให้เปียกไม่ได้”

“ฝนทำอะไรไม่ได้แต่สุดท้ายก็ยังมาสาย”

“และนายก็ยังอุตส่าห์รอ”

“เป็นมารยาททางสังคมที่ว่าเมื่อนัดหมายกันแล้วก็ต้องรักษาเวลา หัดเรียนรู้ไว้นะ”

“แล้วฉันดูเหมือนคนที่สนใจค่านิยมของสังคมนี้เหรอ ไม่เลยสักนิด” ดาบิโน้มตัวลงเพื่อมองคนที่ยืนใต้ร่มได้ถนัด “หุบร่มเถอะ มันเกะกะ”

“มันทำให้ฉันไม่เปียก”

“ท่อนล่างนายเปียกหมดแล้ว ไม่ต่างอะไรนักหรอก เดี๋ยวก็ต้องถอดออกหมดอยู่ดี”

ดาบิรู้ว่าคำพูดของเขามีประเด็น เขาจึงแยกยิ้มกว้าง

ถึงตรงนี้ฮอว์คชักสีหน้ารำคาญ “ฉันไม่อยากให้ปีกเปียก”

“งั้นครั้งนี้ก็ถอดออกทั้งปีกสิ”

ฮีโร่เก็บอารมณ์ทันควัน การบอกให้แยกปีกออกจากตัวไม่ต่างกับการบอกให้ทิ้งอาวุธทั้งหมด มันคือการปล่อยตัวเปลือยเปล่าทั้งทางกายภาพและทางความรู้สึก การหลับนอนกับวายร้ายอันตรายเกินกว่าจะไร้เครื่องมือป้องกันตัว

“หรือให้ฉันช่วยเผาให้หมดเลย เท่านี้ก็ไม่เปียกแล้ว”

“เพราะไม่มีปีกเหลืออยู่เลยน่ะสิ” ฮอว์คพ่นลมหายใจ ดวงตาสีอำพันเบี่ยงหลบ ใช้ความคิด ดาบิแทบเห็นกลไกใต้ผมสีบลอนด์ทำงานด้วยความเร็วแสง

เมื่อฮอว์คหันกลับมา อะไรบางอย่างที่เกินตามองบอกกับดาบิว่าเขากำลังจะชนะในเกมนี้

เสียงของฮีโร่หนุ่มเบา แต่หนักแน่น “สัญญาได้หรือเปล่าว่าจะไม่ทำอะไรที่ฉันจะไม่ชอบ”

ดาบิรู้สึกถึงแรงดึงแทบฉีกบนสองข้างแก้ม ตัดสินใจเร็วมาก สมแล้วกับฉายาฮีโร่ที่ไวเกินไป

เขาขยับ แทบแทรกตัวใต้ร่มคันเล็ก “ฉันเคยทำอะไรที่นายไม่ชอบด้วยเหรอ”

“บ่อยไป” ฮอว์คกลอกตา

“แต่ไม่เคยในเวลาแบบนั้น ฉันไม่เคยทำให้ใครต้องฝืนใจ” ดาบิเกี่ยวนิ้วที่ขอบกางเกงฮอว์คแล้วดึงเข้าหา หวานและขม ฮอว์คเหมือนคาเฟอีนที่ควรดื่มในวันฝนตก “และนายก็ได้รหัสที่ทำให้ฉันอารมณ์หดไปแล้ว ถ้าไม่ชอบก็แค่พูดออกมา”

ฮอว์คหลุดหัวเราะ หางตายับลง สีดำคมกริบอันเป็นรอยกำเนิดซึ่งประดับถัดจากดวงตาดูอ่อนละมุนอย่างน่าประหลาด

คันร่มทาบบนไหล่ แบ่งปันพื้นที่ให้แสงไฟส่องถึงประกายของอำพันรวมถึงละอองฝนที่ตกลงไม่หยุดหย่อน ดาบิมองหยดน้ำที่เกาะบนเส้นผมฮอว์คเหมือนเศษเพชร เขาปัดมันออกไม่ต่างจากปัดฝุ่นบนเสื้อ

“ที่ของนาย ที่ของฉัน หรือที่อื่น” ดาบิถาม

“บรรยากาศเศร้า ๆ แบบนี้ เป็นที่ห้องนายแล้วกันนะ ดาบิ” ฮอว์คตีหน้าเศร้าตามคำพูด เป็นทีดาบิพ่นลมหัวเราะ

เขาหมุนตัวเดินนำก่อน หางตาเห็นร่มสีแดงขยับตาม พวกเขาเดินบนทางเท้าเงียบ ๆ เข้าสู่ย่านที่เริ่มลับตาและร้างคนทีละนิด

ฝนกลายเป็นฉากหลังแต่ยังไม่ถูกลืมเลือน แค่ไม่น่าประทับใจเท่าใครคนหนึ่งที่เดินตามด้วยฝีเท้าแทบไร้เสียง ฝนไม่ทำให้รู้สึกซึมเซาอย่างเคย แต่ขับคลอความคิดให้จินตนาการถึงเวลาที่ทิ้งร่างลงบนเตียงพร้อมเจ้าของดวงตาที่เขามักฝันถึง ความสุขสมในคืนนี้จะถูกถักทออย่างเชื่องช้า เพราะฝนทำให้คนเกียจคร้าน เมื่อฝนตกก็ไม่ควรทำอะไรอีกนอกจากนอนกอดก่ายและจูบ

ดาบิคิดอยู่เสมอว่าฝนมักสร้างบรรยากาศที่แสนแปลกตาและไม่น่าเป็นไปได้ เขาไม่เคยเห็นภาพตนเองใช้เวลาอันซึมเซายามฝนตกร่วมกับใครคนอื่นนอกจากห้องที่ว่างเปล่า

ทว่าแปลกประหลาดอย่างไร เขาก็ไม่อาจหักห้ามใจต่อความเซื่องซึมที่น่าดื่มด่ำและหลงใหลเช่นฝนได้เลยสักครั้ง


[MHA] The Daughter (Dabi/Hawks)


The Daughter

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Summary : Dabi and Hawks’ lovechild is a girl with red hair and amber eyes.




นานแล้วที่ไอซาวะ โชตะ ไม่รู้สึกถึงแผลไฟคลอกบนแขนและขา อดีตโปรฮีโร่มองลานประลองที่มีสองร่างยืนประจันหน้ากันอย่างเคร่งเครียด รู้สึกคันยุบยิบราวกับวันวานนี้เองที่แผลตกสะเก็ด อาการไมเกรนที่ห่างหายนับแต่สังคมฮีโร่ล่มสลายย้อนกลับมาเป็นระลอก ยามมองหญิงสาวผมแดงยาวถักเปียที่มีดวงตาสีอำพันเฉียบคมราวกับเหยี่ยว เขาเห็นภาพซ้อนทับของหลากหลายบุคคล และหนึ่งในนั้นเป็นผู้ฝากรอยแผลที่จะไม่มีวันจางบนผิวของเขา

เพียงชั่ววูบที่ระลึกถึงความทรงจำ การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น เสียงกัมปนาทดังก้องลานก่อนที่ร่างหนึ่งในสนามจะพุ่งตัวเข้าหาคู่ต่อสู้

ผมสีเขียวเข้มทำให้คาดไปว่าชายหนุ่มจะใช้อัตลักษณ์พละกำลังในการถีบส่งตัว ภาพของระเบิดและฝุ่นควันจึงออกจะแปลกตาอยู่ไม่น้อย ทว่าไอซาวะหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตนไว้เมื่อสังเกตเห็นนัยน์ตาแดงวาวโรจน์ ภายนอกแล้วความคะนองร้อนของบาคุโกกับความสงบโอนอ่อนของมิโดริยะต่างกันอย่างกับภาพตัดขาวและดำ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างยิ่งคือการยอมทุ่มเททุกสิ่งเพื่อให้ตนบรรลุเป้าหมาย และมันก็เจิดจ้าอยู่ในตัวลูกชายของพวกเขา

ทว่าคู่ต่อสู้ในรอบสุดท้ายไม่ใช่คนที่จะล้มได้ง่าย ๆ แม้จะรู้สึกอคติ แต่ไอซาวะก็คาดคะเนแล้วว่าหญิงสาวผมแดงที่ยืนมองอย่างเยือกเย็นนั้นมีโอกาสชนะสูงกว่ามาก

“เธอเก่งมาก” เอริเอ่ยเสียงเบา ดวงตาของหญิงสาวผมเงินเบิกกว้าง ใกล้เคียงความอัศจรรย์ใจเสียจนไอซาวะต้องลอบพ่นลม

เสียงวัตถุกรีดอากาศ เสียงระเบิดกับกลิ่นไหม้ ควันสีเทา เพลิงสีแดง ผมสีแดง และปีกสีแดง หญิงสาวคนนั้นใช้ปีกต่างดาบปัดป้องและจู่โจมอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่มีการเคลื่อนไหวเกินจำเป็น ไม่มีย่างก้าวใดที่เสียเปล่า ทุกจังหวะของเธอยิ่งมายิ่งรุนแรง ข่มด้วยพลังที่เถรตรง แต่ไม่ปราศจากแผนแยบคาย

ไอซาวะไม่รู้ว่าจะยกความดีความชอบให้ใครระหว่างอดีตโปรฮีโร่ที่บัดนี้หันมาทำงานเบื้องหลังและขึ้นดำรงตำแหน่งระดับสูงในกรมรักษาความสงบกับอดีตวิลเลนที่ยอมรับงานเจ้าหน้าที่สนับสนุนให้ทีมสืบสวนอาชญากรรมโดยอัตลักษณ์เพื่อแลกกับอิสรภาพนอกห้องขัง

เขาไม่อาจกล่าวได้อย่างเต็มปากว่ายินดีหากหญิงสาวเป็นฝ่ายชนะ สังคมฮีโร่ที่เชิดชูเกียรติยศจากการทำความดีฉาบฉวยอาจหายไปตามกาลเวลาและปรับเปลี่ยนเป็นการทำงานภายใต้การตรวจสอบโดยสามองค์กรใหญ่ของรัฐที่แยกเป็นอิสระจากกัน ปัจจุบันนี้อาจไม่มีฮีโร่กับวิลเลนอีกแล้ว แต่ลึก ๆ แล้วไอซาวะก็ยังไม่อาจสลัดความรู้สึกถือข้างฟากทายาทฮีโร่มากกว่าทายาทที่มาจากส่วนผสมของสองฝั่ง

ความคิดนี้ไม่ยุติธรรมกับใครเลย ไอซาวะกอดอกทอดถอนใจ ลูกศิษย์ของเขาก็คบกับอดีตวิลเลนเช่นกัน และเด็กรุ่นถัดมาก็ไม่ควรต้องรับผลจากการกระทำของผู้ให้กำเนิด จะเดินหน้าต่อไปได้ต้องอาศัยการถอยคนละก้าวก่อนเป็นจุดตั้งต้น ความเจ็บปวดเป็นของจริงและจะถูกประกาศตลอดไปเพื่อสดุดีผู้สละชีพ แต่การมอบโอกาสก็เป็นเรื่องสำคัญ

บางที หญิงสาวคนนี้เองก็อาจจะนำอนาคตแบบใหม่มาสู่สังคม

แม้สีหน้าไร้ความอนาทร ริมฝีปากฉาบยิ้มมากเล่ห์กล ตลอดจนดวงตาสว่างพร่าอย่างนักล่าจะทำให้เขาสังหรณ์ใจอยู่ไม่น้อยก็ตาม เธอดูอันตรายอย่างยิ่ง ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย แต่ใช่ว่าเธอจะเลวร้าย

บางทีเธออาจจะเป็นแค่ตัวป่วนที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้า เหมือนนักเรียนของเขา

นึกดูแล้ว สองคนนั้นก็เป็นพวกฝีปากคมกล้า ไม่เกรงใครและไม่ยอมลงให้กับอะไรทั้งสิ้น

การต่อสู้จบลงเมื่อปลายดาบแดงจ่อลำคอของชายหนุ่มที่ล้มบนพื้น

หญิงสาวตวัดดาบในท่าเก็บ ทว่าดาบไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่สลายออกเป็นขนนกที่กลับเข้าไปรวมกับปีกด้านหลัง เธอหันมาทางคณะกรรมการแล้วก้าวเข้าหา ไอซาวะเลิกคิ้ว บนร่างตรงหน้าไม่มีทั้งความประหม่าหรือความยโส

“ฉันคือทาคามิ มากิ” เธอพูด “ลูกสาวของทาคามิ เคโกะ กับดาบิ ผู้แต่เดิมชื่อโทโดโรกิ โทยะ เรียนจบจากสถาบันยูเอและมุ่งหวังจะทำหน้าที่รักษาความสงบปลอดภัยให้สังคม”

เธอพูดอย่างมั่นใจด้วยท่าทางแบบฮีโร่

“ฉันอาจเป็นทายาทของผู้ที่กระทำผิดจนให้อภัยไม่ได้” ทาคามิพูดเสียงเบา ดวงตาอำพันย้ายมาจับจ้องไอซาวะ “แต่พวกเขาเปลี่ยนไป และฉันก็คือฉัน

ไอซาวะประสานสายตากับเธอ มุมปากผุดรอยยิ้มขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม

“ฉันจะสนับสนุนพวกเขาพร้อมทั้งทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลัง”

ทาคามิ มากิ ยิ้มตอบ อัตลักษณ์ไฟของเธอโชนขึ้น มันสว่างเป็นระลอกสีแดงจับตา

บาดแผลจากไฟยังคงรูปร่างและตัวตนอยู่เช่นเดิม ความปวดร้อนยังลามเลียบนเนื้อหนัง แต่ในเวลาเดียวกันนี้ก็เป็นอีกครั้งอันแสนหายากยิ่งที่ไอซาวะ โชตะ รู้สึกอุ่นวาบด้วยความหวัง


[MHA] Come, gentle night (Dabi/Hawks)


Come, gentle night

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Warning : Depression

Summary : n/a




ฮอว์คหายใจไม่ออก

เขายังหายใจเป็นปกติ แต่ทุกครั้งที่สูดอากาศเข้า มันกลับเป็นน้ำหนักถ่วงคล้ายจะกดร่างลงแนบพื้น เมื่อปล่อยลมหายใจ น้ำหนักนั้นไม่ได้หายไปไหน ทว่าการปลดปล่อยนี้คล้ายการปล่อยมือจากเชือก เขาร่วงลงหลุมที่มองไม่เห็นก้น ไม่เห็นทางออก

มีเพียงความมืดขมุกขมัวไร้คำอธิบาย

ความรู้สึกนี้จดจ่อทั้งสองข้างขมับ บีบรัดจนเลือดไม่อาจหล่อเลี้ยงสมอง เขาคิดอะไรไม่ออก ปล่อยให้ปีกกระพือพาร่างไปตามทิศทางที่คุ้นชิน ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีพระจันทร์ ทว่ายังไม่มืดมัวเท่าสีดำลึกกลวงที่จุกตรงลำคอ ฮอว์คตระหนักขึ้นได้ว่าตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่ลิ้นรับรู้รสฝาดขม ไม่มีความอยากอาหารปรากฏขึ้น

เขาเพียงแค่อยากหยุดทุกอย่างแล้วนอนลง

ฮอว์คเกือบเข่าทรุดเมื่อเหยียบระเบียงห้อง แต่มือคว้าประตูเลื่อนทันให้ตั้งตัวติด ความพะอืดพะอมท่วมศีรษะ แรงโน้มถ่วงกลับมาทำงานเมื่อสองเท้าหยัดพื้น เขาเปิดประตู เดินลากเท้าเข้าห้องพร้อมกับที่ปีกตกลากพื้น มุ่งแต่จะเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างคราบไคล ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนเขาก็ทนไม่ได้หากทิ้งตัวบนเตียงไปโดยไม่ได้อาบน้ำ

ฮอว์คติดกับดักการนับเวลาที่แสนเชื่องช้าจนไม่ทันสังเกตว่ามีเงาร่างหนึ่งนั่งมองเขามาแต่แรก

แขกไม่ได้รับเชิญที่พาตัวเองเข้ามาอย่างไร้จุดหมาย ดาบินั่งรอเจ้าบ้านอยู่นานแล้ว ออกจะนานเกินกว่าที่คาดไว้ เขาตั้งใจมาแค่เพื่อรื้อค้นความลับใดก็ตามที่ฮอว์คอำพรางไว้ แต่ดาบิกลับพบตนเองนั่งลงและรอคอย ความรู้สึกของการถูกจับได้ไล่ตามอย่างกระชั้นชิดเหมือนลูกไฟที่แล่นจากสายเชือกสู่ดินปืน ดาบิเสพติดการกระทำที่ผิดเพี้ยนสามัญสำนึก อะไรก็ตามที่นำไปสู่ความล้มเหลวหรือกระทั่งหายนะ เขารักมันทั้งหมด

แต่คนที่สมควรเป็นผู้จุดชนวนความระทึกใจนี้ไม่เพียงแต่ไม่เดินตามสถานการณ์ที่เขาวาดหวัง ฮอว์คมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ หากพูดว่าจุดหักเหนี้ทำให้เขาสะเทือนอารมณ์อย่างหนักก็คงไม่ผิดจากความจริงแต่อย่างใด

ดาบิเดินตามเสียงน้ำฝักบัว แสงสว่างมาจากทิศทางเดียวคือประตูที่เปิดแง้มไว้ เขายืนพิงข้างกรอบ ดันประตูออกอีกนิด มองร่างที่ยืนก้มหน้าใต้สายน้ำ ฟองสบู่ที่ไหลหลากจากลาดไหล่ถึงสะโพก รอยช้ำระบายอยู่ทั่วผิวขาว 

กระทั่งในเวลาที่คล้ายปล่อยทุกอย่างลงไปกับน้ำ ฮอว์คก็ยังดูเหมือนเชือกที่ขมวดตึง แผ่นหลังที่เหลือปีกแดงเพียงน้อยนิดนั้นดูไร้ระเบียบคล้ายเพิ่งถูกทึ้งกลางพายุ ทั้งที่ยามนี้มีตัวอันตรายยืนห่างออกมาไม่กี่ก้าว แต่ตัวร้ายที่แท้จริงกลับเป็นโลกที่ไม่ยอมหยุดหมุน ไม่หยุดรอ และไม่ให้ความปรานี

ฮอว์คปิดน้ำ หยิบผ้าขนหนูคลุมตัวแล้วหมุนตัวกลับ

ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นดาบิ

ทว่าความประหลาดใจนี้แทบไม่อาจแทนที่ความหมองโรยที่ฝังลึกในร่าง

พวกเขาจ้องมองกันไปมา ดาบิไม่รู้ควรทำอะไร ส่วนฮอว์คก็ทำอะไรไม่ถูก

“อยู่ตรงนั้นนานแล้วเหรอ” เสียงของฮอว์คเบาและพร่าด้วยลมหายใจของคนที่ถูกกดทับด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น

ดาบิยักไหล่ “ตั้งแต่แรกเลย”

“ต้องการอะไร” ฮอว์คเดินผ่านเขา หยดน้ำตกลงรอบตัว “ถ้าเป็นเรื่องของลีก...”

“แค่จะมาค้นดูว่ามีข้อมูลอะไรใช้ข่มขู่นายได้บ้าง”

ฮอว์คเหลียวกลับมามอง ริมฝีปากเผยอคล้ายจะหัวเราะ แต่ใบหน้าปราศจากอารมณ์ขัน จากนั้นละความสนใจอย่างสิ้นเชิงเพื่อแต่งตัว

ห้องนอนมืด แต่ดาบิเห็นขนนกสีแดงกระจัดกระจายทั่วห้อง ขณะที่เจ้าของสำรวมท่าทางอย่างดีเยี่ยม อัตลักษณ์ของเขากลับบ่งบอกเป็นนัยอื่น

ดาบิยืนมองฮอว์คแต่งกายอย่างเงียบงัน ระหว่างที่ฮอว์คสวมเสื้อ ดาบิถอดเสื้อโค้ทของตัวลงกองพื้น ขณะที่ฮอว์คสวมกางเกงชั้นใน ดาบิถอดกางเกงยีนส์ของตนออกพร้อมรองเท้าก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม กลิ่นหอมอ่อนต้องจมูก ดาบิโน้มตัวลงนอน มองฮอว์คที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมและยืนมองตอบด้วยสายตาว่างเปล่า

“ทำอะไรของนาย” ฮอว์คพูด

“นอน” ดาบิยกแขนข้างหนึ่งขึ้นหนุนใต้ศีรษะ หยุดคิดเล็กน้อย “ไม่รู้เหมือนกัน”

ฮอว์คลดมือลง โยนผ้าขนหนูทิ้ง ส่ายหน้าและถอนหายใจ “นายควรกลับไปซะ วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์”

“ฉันก็ไม่มี ถึงได้ยังอยู่ตรงนี้ไง”

ดาบิมองกระแสความเฉยชาที่คงรูปและจังหวะอย่างน่าเศร้าในดวงตาของฮอว์ค ช่างน่าเศร้าและระคายใจ

ความเงียบยืดขยายราวกับไม่มีที่สิ้น แต่แล้วฮอว์คสูดลมหายใจราวกับการกระทำนี้แสนยากเข็ญ เขาเดินอ้อมไปอีกฟากของเตียงแล้วลดตัวลงนอนใต้ผ้าห่ม หัวของเขาตกถึงหมอนราวกับตุ๊กตาหลุดจากใย ฮอว์คตกลงเหมือนถูกฉุดด้วยแรงโน้มถ่วง

ดาบิหัวเราะในลำคอ มองฮีโร่ผู้ซึมเซานอนขดตัวเป็นก้อนแล้วจึงเปลี่ยนท่ามานอนกางแขนมองเพดานบ้าง

ปลายนิ้วของเขาสัมผัสเส้นผมของฮอว์คพอดี

“ผมยังไม่แห้ง”

“อือ”

ดาบิเกี่ยวเส้นผมชื้นรอบนิ้ว ตาปิดลง

ปล่อยให้เตียงเนื้ออ่อนโอบรอบร่าง กล่อมเกลาด้วยกลิ่นหอมสะอาด ความอบอุ่นที่กำลังพอดี ความเย็นที่พอเหมาะ

และหมอนข้างมีชีวิตที่กอดได้เต็มแขน

ฮอว์คขยับตัว ดาบิร้องครางอย่างขัดใจ “นอน”

เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ลมหายใจปลดปล่อยออกมาพร้อมน้ำหนักใดก็ตามที่เคลือบแฝงในเนื้อหนัง ร่างอ่อนลงปล่อยให้ใครอีกได้ตระกองกอดเข้าหาตัว แนบชิดยิ่งขึ้น รัดแน่นแต่ผ่อนเบา

ฮอว์คหลับตาแล้วตกลงในความมืดไร้ชื่อเรียก


[MHA] Love you, bye (Dabi/Hawks)


Love you, bye

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Summary : n/a




“รักนะ”

คำนี้ถูกโยนใส่อย่างเรียบง่าย เหมือนเด็กเล่นรับส่งบอลจากมือต่อมือ ฝ่ายหนึ่งกระทำไปโดยคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะพร้อมรับ แต่ดาบิไม่พร้อม มือที่จับซองบุหรี่ชะงักค้าง ตาจ้องทิวทัศน์ทะเลแสงของเมืองเบื้องล่าง ฟังเสียงกระพือปีกลอยห่างก่อนหายลับไปในท้องฟ้าสีดำ

ดาบิเขย่าซองส่งบุหรี่ขึ้นแล้วคาบมัน จุดไฟด้วยปลายนิ้วชี้ สูดควันที่ผสมยาสูบกับผงโกโก้แล้วทอดถอนใจ

หากคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล การกระทำของฮอว์คดูเป็นไปโดยธรรมชาติ แค่คำพูดติดปากที่เผลอหลุดออกมา 

แต่เมื่อไม่คิด เมื่อใช้เพียงความรู้สึก ดาบิไม่มีคำตอบ

เขาเคยชินกับการคิดและคิด ความเป็นไปได้ที่เห็นจึงเป็นหลุมพรางของสายลับสองหน้า แต่ความรู้สึกไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับคนที่ประสาทสัมผัสทำงานอย่างหนักจนกระทั่งลุกไหม้ ดาบิสูดลมหายใจเข้าและออก จมความคิดลงในกลิ่นแห้งและเย็นของควัน จากนั้นบอกตัวเองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก

ทว่าฮอว์คไม่เคยอยู่กับร่องกับรอยที่เขาขีดเส้นไว้

“รักนะ”

ฮอว์คพูดแทนคำลา หลังฟังประโยคเสียดสีที่ดาบิจงใจร้อยเรียงให้แทงส่วนที่เจ็บที่สุด ฮีโร่ ได้เงินง่าย ๆ ได้ชื่อเสียง แถมยังได้รับความเคารพจากการหยิบยื่นเศษขนมปังให้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงติดสบาย ดาบิคิดว่าจะได้รับเสียงหัวเราะบอกปัด หรืออย่างน้อยก็น้ำเสียงที่ห่างไกลจากความผ่อนคลายสบายใจสักหน่อย แต่ที่เขาได้กลับเป็นเสียงที่ชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังกลอกตา ก่อนตามมาด้วยคำบอกลาที่ไม่มีใครใช้กับคนที่มีสถานะเพียงรู้จัก

ดาบิเดินออกจากตู้โทรศัพท์ คำสองคำก้องในหู เขากักมันไว้เหมือนยามสูดควันลงปอดแล้วหายใจออกเพื่อให้ควันห่มคลุมร่าง

พลิกคำกลับไปมาบนลิ้นเหมือนลูกอมรสฝาด ไม่ทันละลายก็กัดจนแตกละเอียด เขาต้องการให้คำ ๆ นี้บาดลิ้น แต่มันกลับทำให้รู้สึกตื้อชา

ไม่เคยมีใครพูดคำนี้กับเขามาก่อน อย่างน้อยก็ตั้งแต่ฉีกผิวหนังเดิมออกและตอกร่างด้วยหมุด เมื่อเห็นเขา คนส่วนใหญ่หวาดระแวงจนถึงขั้นกลัวขึ้นสมอง บางคนถูกดึงดูดด้วยมีรสนิยมเฉพาะทางแต่แรก ดาบิไม่รู้ว่าฮอว์คชอบพอคู่นอนหรือคู่รักแบบไหน แต่คาดว่าคงห่วยแตกสิ้นดีหากฮีโร่มีปีกเห็นเสน่ห์ในตัวเขา

“รักนะ”

ดาบิรับฟังมันทั้งสีหน้าเบื่อหน่ายไม่ต่างจากวินาทีก่อนหน้า ก่อนคำว่ารักจะหลุดจากริมฝีปากที่ขยับมากเกินจำเป็น ตามองส่งฮีโร่ผมทองเดินออกจากบาร์ใต้ดิน ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนและปล่อยให้คำเลียนล้อของโทงะลอยผ่านหู

หากนี่คือคำติดปากย่อมหมายความว่ารักของฮอว์คไม่มีอะไรพิเศษ เขาคงเอ่ยคำนี้กับคนค่อนเมืองเหมือนหายใจทิ้งขว้าง

ดาบิถอนหายใจ ควันสีเทาพวยพุ่งอยู่ระหว่างฮอว์คกับเขา คืนนี้ไม่มีลม ทุกอย่างนิ่งงันแต่ไร้ความสงบ เหมือนกลางคืนกำลังจดจ่อรอคอยพายุ

แต่หากพายุกำลังถล่มลงมา ก็ยังมีนกอยู่ตัวหนึ่งที่แสดงออกว่าไม่รู้สึกรู้สา ดาบิทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วเหยียบสะเก็ดไฟ เงยหน้าสบตาฮอว์คที่หยุดพูดไปแล้ว ฮีโร่ปีกแดงยืนกอดอก หลังพิงกำแพง มุมปากโค้งขึ้นน้อย ๆ อันเป็นลักษณะติดตัว

ดาบิไม่ได้ตั้งใจฟังรายงานความเคลื่อนไหวของกรมรักษาความสงบเลยสักนิด งานที่มอบหมายให้ฮอว์คก็แค่งานคั่นเวลา ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อลีกหรือต่อเขา ดาบิมีข้อมูลสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าฮอว์คจะไม่มีวันย้ายข้าง เขาจึงไม่รีบร้อนที่จะอ้าแขนรับตัวนกต่อเข้าทีม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ตักตวงเอาอะไรจากคนที่พร้อมแลกทุกอย่างเพื่อควานหาจุดอ่อน

ดังนั้นเมื่อคำว่า “รักนะ” ดังขึ้นอีกครั้ง ดาบิเดาะลิ้น โยนบุหรี่มวนที่สองลงพื้นทั้งที่เพิ่งสูบแค่อึดใจเดียว

“จริงหรือเปล่า”

ถ้อยคำที่คล้ายเปรยต่ออากาศกลับเป็นโซ่ล่ามฮีโร่ปีกแดงได้ชะงัด ฮอว์คหยุดและเหลียวหน้ากลับมามองอย่างงุนงง “อะไรนะ”

“ที่พูดนั่นจริงหรือเปล่า” ดาบิเอียงคอ ตาหลุบลงพร้อมรอยยิ้ม “นายรักฉันเหรอ”

ฮอว์คหัวเราะขึ้นจมูก ปากยิ้มแต่ดวงตากะพริบปริบ ราวกับเพิ่งได้ยินสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ

“มันคือวิธีบอกลาแบบหนึ่งไง” เขายักไหล่ ผมสีทองตกลงปรกหน้าผาก ดวงตาของดาบิเถลไถลชั่วครู่ ก่อนกลับมาที่อำพันสองคู่ที่พราวระยับ

ฮอว์คค่อย ๆ คลี่ยิ้ม ส่งเสียงประหลาดแบบที่คนชอบทำกับเด็กหรือสัตว์เลี้ยง

“ดาบิ นี่นาย...” ปีกสีแดงขยับพร้อมกับที่เจ้าของกระโดดเข้ามาใกล้ “นายเขินเหรอ”

ดาบิขมวดคิ้ว “ไม่...”

“ถ้าอย่างนั้นก็ประหม่า กระอักกระอ่วน ไม่ชินที่มีคนบอกรักเหรอ” ฮอว์คขยับทีละก้าว ศีรษะผงกไปมา สีหน้าแววตาราวกับผู้ล่าที่สนุกกับการไล่ต้อน

ดาบิปฏิเสธที่จะถอยหนี “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร”

“โธ่ ดาบิ”

ถึงตอนนี้ฮอว์คอยู่ใกล้มากเสียจนเห็นสีอำพันเข้มอ่อนตัดกันในดวงตา กลิ่นน้ำหอมกรุ่นอวลจมูก ฮอว์คหัวเราะในลำคอ ยิ้มกระทั่งดวงตาปิดลง เสียงของเขาทุ้มต่ำ ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกว่าถูกเยาะ แต่เป็นตรงกันข้าม

“ไม่เป็นไร ถึงนายจะชอบต่อต้านสังคมแถมไม่รู้จักรักตัวเองแต่ก็ยังมีฉันที่รักนายอยู่”

ขนนกนุ่มหนาลอยมาปัดใต้คาง ดาบิสะบัดหน้าหนีพร้อมกลอกตา “อะไรก็ช่าง”

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังตามมาอีกครั้ง “ฉันต้องไปแล้ว ต้องลาดตระเวนรอบดึก ไว้เจอกัน”

ดาบิส่งเสียงรับอย่างไม่ใส่ใจ เขาหมุนตัวเดินออกจากตรอก พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงให้เห็นว่าอยากออกไปให้พ้นเต็มแก่

“รักนะ”

เสียงกระซิบลอยตามสายลม เสียงสะบัดปีกดังไล่หลังก่อนที่ฮอว์คจะบินโฉบผ่านเหนือหัว

ดาบิแหงนคอมองปีกสีแดงห่างออกไปบนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ก่อนหลบเข้าเงาข้างมุมตึก

คำบอกลาแบบนั้น ให้ฟังบ่อยเพียงใดก็ไม่มีทางชิน


[MHA] If day has to become night (Dabi/Hawks)


If day has to become night

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Inspired by ‘who are you,little i’ - e.e. cummings

Summary : ฮอว์คเป็นคนหลับยาก




ภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนการลอยและจม แต่แทนที่จะเป็นน้ำซึ่งรองรับขึ้นบนไปพร้อมกับตระกองกดลงล่าง มันกลับสำแดงเป็นความมืด

ฮอว์คเป็นคนหลับยาก นี่คือข้อเท็จจริงที่ทำให้เขาต้องนอนนิ่งข่มตาเป็นเวลานานก่อนจะร่วงลงสู่ห้วงนิทรา และระหว่างเส้นทางก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นนั้น บ่อยครั้งที่เขาไม่แน่ใจว่าตนติดกับอยู่ระหว่างความจริงกับความฝันหรือกำลังมองเพดานท่ามกลางความมืดมิด

ไม่ว่าอย่างไร ความมืดขมุกขมัวก็โอบกอดเขาอยู่เสมอ เป็นกลุ่มก้อนความรู้สึกที่ปราศจากการนึกคิด ฮอว์ครู้ขอบเขตร่างกายและปลายประสาท แต่ก็รู้เพียงเท่านั้น เสมือนว่าร่างเป็นกรงขังคับแคบ ไม่อาจรับรู้นอกเหนือจากนี้ ไม่อาจหลีกหนีพ้น เขาติดกับ

แต่บางครั้งก็ไม่ได้มีแค่ความมืดที่ปรากฏอยู่ตรงนั้น

ยังมีความอบอุ่นที่มักเคลื่อนคลุมมาจากเบื้องหลัง คล้ายการโอบกอด ราวกับใครสักคนทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงนอน สอดตัวใต้ผ้าห่มและโถมทาบด้วยลำตัวกับแขน รัดแน่นแต่ไม่ทำให้อึดอัด ปลอบประโลมแต่เป็นพันธนาการที่ไม่อาจดิ้นหลุด

ฮอว์ครู้สึกทุกอย่าง แต่ไม่สามารถขบคิดตีความจนกว่าจะตื่น

และเมื่อตื่น บนเตียงก็ไม่เคยมีใครอื่นเลยนอกจากตัวเขาซึ่งท่วมท้นด้วยเหงื่อกับความร้อนที่สลัดไม่หลุดจากผิวกาย

“เมื่อคืนนายอยู่ที่ไหน” ฮอว์คถาม

ดาบิเหลียวหน้าจากทีวีช้า ๆ สองตาไร้อารมณ์ คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้น “ถามทำไม”

เมื่อฮอว์คไม่มีคำตอบให้ทันที รอยยิ้มแสนแสลงตายิ่งยกวงโค้ง

ฮอว์คขมวดคิ้ว “นายอาจถูกจับได้”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาบิมาค้างคืนที่ห้องของเขา ตั้งแต่ฮอว์คยอมมอบคีย์การ์ดสำรองที่จะช่วยให้พนักงานตรวจตราไม่ตั้งคำถามกับคนที่ผ่านเข้าออกอพาร์ตเมนท์ เขาก็ไม่เคยได้รับมันคืนอีกเลย

“และฉันไม่เคยอนุญาต”

ไม่อนุญาตเรื่องใดนั้น ดาบิย่อมกระจ่างเช่นแสงวับวาวในดวงตา

“นายไม่เคยห้าม” ชายหนุ่มผมดำกล่าวราวกับไม่ถือสาหาความ แย่งชิงสถานะของผู้ถูกบุกรุกไปอย่างเป็นธรรมชาติ

“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่รอจนกว่าฉันจะมีโอกาสห้ามสิ”

ฮอว์ครู้สึกผิดท่าทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ 

แค่รู้ว่าตลอดมาใกล้ชิดกันเพียงใดก็ยากจะจัดการอารมณ์แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงการตื่นมาพบหน้ากันเป็นอย่างแรกในตอนเช้าเลย

ทว่าอะไรที่หลุดปากแล้วไม่อาจรั้งกลับคืน และเป็นปกติอย่างมากหากดาบิจะฉกฉวยทุกอย่างจากช่องว่างที่เขาเผอเรอเปิดให้

“ได้” ดาบิฉีกยิ้ม รอยเย็บรอบแก้มขึงตึง “คราวหน้าจะอยู่ทานอาหารเช้าด้วยเลย”

ฮอว์คพยายามผ่อนลมหายใจออกให้ช้าที่สุด

มิสเตอร์คอมเพรสลดหนังสือพิมพ์ลง เขานั่งร่วมโต๊ะมาตลอดการสนทนา “หนุ่ม ๆ” เสียงโอดครวญลอดผ่านหน้ากาก “พูดอะไรก็ช่วยเห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีคู่เดทด้วย”


วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

[MHA] You say run (Bakugou/Midoriya)


You say run

My Hero Academia

— Bakugou Katsuki / Midoriya Izuku —

Warning : Unhealthy Relationship

Summary : บาคุโกพูดเสมอว่าให้หยุด




受精卵 / じゅせいらん / juseiran 

you say run?



บาคุโกพูดเสมอว่าให้หยุด อย่าเข้ามา ไม่ต้องยุ่ง แต่ใช้แค่คำว่าพูดไม่อาจครอบคลุมน้ำเสียงและสายตาที่มิโดริยะได้รับ มันคือการขู่ตะคอก คือคำสั่งที่ไม่ยอมให้มีข้อแม้

แต่มิโดริยะเคยฟังเขาเหรอ?

ไม่เลย

หากฟัง มิโดริยะคงไม่ไล่ตามบาคุโกมาจนถึงตอนนี้




ภายหลังความโกลาหลเหลือเพียงร่องรอยการต่อสู้ เศษกระจกและอาคารร่วงกราวบนพื้น ถนนคอนกรีตเกิดรอยแยก ทว่าไม่มีผู้เสียชีวิต ออกจะน่าแปลกด้วยซ้ำที่ไม่มีซากปรักหักพังในบริเวณที่วายร้ายก่อเหตุเลย ทั้งที่ผู้เข้ามาควบคุมสถานการณ์เป็นสองฮีโร่ที่มีพลังมากที่สุด

โชคดีสำหรับพลเมือง แต่เป็นยิ่งกว่าโชคร้ายสำหรับวิลเลน

“ช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลยน้า” หญิงสาวในชุดสูทกล่าว ต่างจากหน่วยกู้ภัยและทีมพยาบาลที่กำลังวุ่นวาย เธอยืนกอดอกท่ามกลางความเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างเยือกเย็น พอเหลือบตามองชายหนุ่มชุดเขียวที่นั่งพักบนรถพยาบาลอยู่ไม่ไกลแล้ว เธอยกมุมปากขึ้น ท่าทางนี้เรียกความสนใจของเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนข้างกัน

“หมายถึงอะไรเหรอครับ” เด็กหนุ่มมองตามสายตาของเธอก่อนรีบเบือนหน้าหนี ไม่ใช่กลัว แต่เพราะประหม่า นั่นคือฮีโร่อันดับหนึ่งที่ลือกันว่าเป็นผู้สืบทอดของฮีโร่ในตำนานอย่างออลไมต์เชียวนะ

“คนร้ายครั้งนี้ไง” หญิงสาวอ่านรายงานในแท็บเล็ตแล้วพรมนิ้วพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว “เล่นอะไรไม่เล่น ดันไปแตะจุดอ่อนของเดกุเข้า”

เด็กหนุ่มทำหน้าฉงน “จุดอ่อน?” ฮีโร่อันดับหนึ่งมีจุดอ่อนด้วยเหรอ

“ใคร ๆ ก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น” หญิงสาวกรีดยิ้ม เด็กหนุ่มขนลุกซู่ “เพียงแต่จุดอ่อนของเดกุออกจะจัดการยากกว่าปกติหน่อย”

“ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าคนร้ายตั้งใจจะวางกับดักไดนาไมท์หรอกเหรอครับ” เด็กหนุ่มกล่าวติดเหยียดหยัน จ้องจะเล่นงานไดนาไมท์ก็เหมือนพยายามจุดระเบิดด้วยน้ำเปล่านั่นแหละ รนหาที่ตายชัด ๆ

“ถูกแล้ว”

เด็กหนุ่มนิ่งงัน ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าที่อาจารย์พูดนั้นหมายความว่าอะไร

หรือเขาแค่อาจจะรู้สึกว่านี่...ยากจะยอมรับ

“ไดนาไมท์เป็นจุดอ่อนของเดกุเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเบา หัวคิ้วขมวดเป็นโบว์ นี่ออกจะขัดต่อโลกทัศน์ของเขาไปหน่อย เรียกว่าขัดกับสายตาของคนทั้งสังคมก็ว่าได้! “พวกเขาไม่ถูกกันนี่ครับ ถึงจะรู้จักกันมานาน แต่ตั้งแต่อนุบาลจนเรียนจบก็เป็นคู่แข่งที่ไม่กินเส้นกันมาก่อนนี่นา”

“รู้เยอะจัง เป็นแฟนคลับคนไหนล่ะ”

“เดกุครับ” เด็กหนุ่มหน้าแดง

“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ” หญิงสาวพับแท็บเล็ต “ต่อให้เป็นคนที่เกลียดเดกุก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่ดี ตำแหน่งสัญลักษณ์แห่งความหวังไม่ได้ลอยมาตกบนตัวเขาเองหรอกนะ”

ยาโอโยโรสึ โมโมะ เท้าเอวมองสีหน้าเด็กฝึกงานของเธอทั้งรอยยิ้ม คิดถึงความหลังทีไรความอบอุ่นก็พอกพูนในใจจนอดที่จะระบายมันออกมาไม่ได้

“ตั้งแต่สมัยเรียน สองคนนั้นก็มีอิทธิพลต่อความคิดของพวกเราแล้ว เธออาจเห็นว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้ เอาแต่ตะคอกใส่กัน ดูเกลียดกันสุด ๆ แต่ส่วนลึกในความรู้สึกระหว่างสองคนนั้นไม่ได้มีแค่ความเกลียดชังหรอก ฉันกล้ารับประกัน” ยาโอโยโรสึพูดเสียงอ่อน แต่แล้วก็ขยิบตาให้ “สองคนนั้นน่ะคือคู่หูดาวเด่นที่เข้าขากันที่สุดในการสอบวัดระดับทุกปีเลยนะ ถ้าได้จับคู่กันเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครเอาชนะได้เลย”

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง

เขา...ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

หันกลับไปมองฮีโร่ในดวงใจ เดกุกำลังยิ้มเก้อเขินพลางก้มหัวปลก ๆ ให้กับนางพยาบาล เขาเคยเห็นมุมนี้ของอีกฝ่ายมาบ้างจึงไม่รู้สึกแปลกตา

แต่เมื่อไดนาไมท์ — ฮีโร่ผู้เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งเดินเข้ามา บางอย่างในแววตาของเดกุก็เปลี่ยนไป

ไดนาไมท์กำลังต่อว่าต่อขานอยู่แน่ ๆ แต่แววตาสีเขียวคู่นั้นไม่ได้ระย่นย่อหรือเต็มไปด้วยอารมณ์มึนตึงอย่างที่เขาเข้าใจ

มันอ่อนโยน

แล้วไดนาไมท์ล่ะ

ดวงตาใต้หน้ากากร้อนราวจะคลอกเป้าหมาย เหมือนภูเขาไฟใกล้ปะทุ ดูก้าวร้าวไม่ต่างจากยามปกติ แต่เขาไม่สามารถมองข้ามริมฝีปากที่เม้มแน่น หรือมือกำสลับคลายคล้ายกับพยายามผ่อนอารมณ์ลงได้อีกแล้ว

ระหว่างสองคนนั้นคืออะไรกันแน่นะ

ศัตรู คู่แข่ง มิตรสหาย หรือ...




“บอกแล้วว่าไม่ต้องยุ่ง”

“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก คัตจัง” เดกุว่าอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่เคยนึกยอมแพ้ รอยยิ้มสดใสเทียบเท่าแสงตะวันยามเช้า ไม่เผาไหม้ ไม่ทำลาย มันปลอบประโลม

เขาเกลียดมัน

เพิ่งหันหนีไม่ทันไรแขนก็ถูกรั้งไว้ บาคุโกตวัดตาจ้องและปัดแขนออกสุดแรง เดกุนิ่วหน้าเล็กน้อย แทบมองไม่เห็นหากไม่สังเกต

“พรุ่งนี้ไปยูเอด้วยกันไหม”

บาคุโกนิ่งคิดครู่หนึ่ง คำถามนั้นคงหมายถึงนัดเชิญฮีโร่ไปเล่าประสบการณ์อาชีพที่เดิมเขาตั้งใจจะปฏิเสธ “คืนนี้พักที่บ้านใช่ไหม พรุ่งนี้จะไปรับ”

เดกุกะพริบตา “เจอกันที่สถานีก็ได้นะ”

“เดินไหวเหรอ” บาคุโกลดสายตามอง กระหยิ่มยิ้ม เดกุนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว เขารู้ว่าขาซ้ายของอีกฝ่ายมีปัญหา

โชคดีที่พรุ่งนี้เข้ายูเอ จะได้ขอใช้อัตลักษณ์ของรีคัฟเวอรี่เกิร์ลรักษาขาเยิน ๆ นั่น

“แค่กลับให้ถึงบ้านเย็นนี้ยังทำไม่ได้เลยมั้ง”

“เดี๋ยวขอให้โมโมะจังไปส่ง”

บาคุโกขมวดคิ้ว “ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว จะขอแม่นั่นทำไม?”

เดกุอึกอัก “คัตจังจะไม่เป็นไรเหรอ”

“เรื่องมากจริง” บาคุโกโน้มตัวลงไปหา “ต้องให้อุ้มไปที่รถด้วยไหม เดกุ”

เดกุหน้าแดงวาบ ตะกุกตะกักตอบไม่เป็นคำ

บาคุโกไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเห็นเดกุเป็นแบบนี้แล้วกลับรู้สึกพอใจขึ้นมา