วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565

[DCU] An Apple A Day (Joker/Batman)


An Apple A Day

DCU (Comics) and Batman

— Joker (Eric Border) / Batman (Bruce Wayne) —

Summary : สำนวนแอปเปิ้ลวันละผลเริ่มไร้ราคาตั้งแต่ที่บรูซ เวย์น พบกับอีริค บอร์เดอร์

Note : Alternate Universe - No Batman and Joker




มีสำนวนหนึ่งที่ติดอยู่ในหัวบรูซมาตั้งแต่เด็ก มันกล่าวไว้ว่า ‘แอปเปิ้ลวันละผลไม่ต้องไปหาหมอ’

โธมัสมักเอ่ยคำสำบัดสำนวนที่เกี่ยวโยงไปถึงสุขภาพที่ดีเสมอ ขณะที่ตอนนั้นบรูซไม่คิดว่ามันฟังดูเข้าท่าตรงไหน อย่างน้อยก็สำหรับคนที่มีพ่อเป็นหมอและพร้อมจะกรอกวิตามินทุกชนิดเข้าปากลูกแม้มีเพียงอาการคัดจมูกธรรมดา บรูซไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำตามคำพูดของชาวโรมันที่ตายไปแล้วเมื่อกว่าหนึ่งสหัสวรรษก่อนอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขนมหวานของอัลเฟรดช่างชวนน้ำลายสอ อีกทั้งแม่ของเขายังปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างของผู้พร้อมจะละเมิดทุกกฎการควบคุมอาหารที่พ่อบัญญัติขึ้นตลอดเวลา

แต่พักหลังนี้เขาคงต้องพิจารณาเรื่องการเลือกรับประทานอย่างจริงจังเสียแล้ว ตำแหน่งกรรมการบริษัทมาพร้อมภาระมหาศาลและต้นทุนแฝงด้านสุขภาพที่ชวนให้หงุดหงิดรำคาญใจ 

บรูซป่วยบ่อยและป่วยเรื้อรังเสียจนเป็นเหมือนแหล่งไวรัสเดินได้ชั้นดีที่สร้างความแตกตื่นเล็ก ๆ แก่คนในบริษัท ทุกย่างก้าวที่จามเสียงลั่นหรือเผลอสำลักไอเพราะอาการคันยุบยิบในคอ จากสภาพปกติเขาก็เป็นที่หวาดเกรงจนพนักงานที่น่าสงสารแทบไม่กล้าร่วมอากาศหายใจในระยะร้อยเมตรอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขณะมีสภาพร่างกายอันย่ำแย่เช่นนี้เลย

แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เขานึกอยากสร้างกิจวัตรการกินให้ตัวเอง ตัวการที่แท้จริงนั้นมาในรูปแบบของสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกับพ่อของเขา — ซึ่งเหมือนกันแค่ตรงเปลือกนอก ส่วนที่เหลือนั้นกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงอย่างไม่น่าให้อภัย

เริ่มต้นที่ผมบลอนด์เข้มยาวที่มัดรวบเป็นจุกกลางหัวนั่นก่อนเลย

“ช่วยบอกลักษณะอาการด้วยครับ คุณ...” หมอผมจุกก้มหน้าแทบชิดเอกสารเพื่อเพ่งมองลายมือเขี่ย ๆ ของพยาบาล

“เวย์น” บรูซพูด ตายังไม่สามารถละจากเส้นผมบางส่วนที่หลุดลุ่ยจากมวยและกำลังตั้งชี้ไปทุกทิศทุกทางได้

“โอ้ ใช่ คุณเวย์น” หมอทำตาโต นั่นคงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสบตากันตรง ๆ ดวงตาหลังเลนส์แว่นที่ทำให้นึกถึงสีเขียวของใบเมเปิ้ลช่วงฤดูใบไม้ผลิ “ผมเป็นลูกศิษย์ของคุณหมอโธมัส เวย์น ละครับ พ่อของคุณเป็นแพทย์และครูที่เยี่ยมยอดมาก” เขายิ้มยิงฟัน

บรูซนึกสงสัยว่าเขาอาจเป็นแค่ศิษย์ปลายแถว โธมัสไม่มีทางทนความไร้ระเบียบและความไร้ภูมิฐานขณะปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ได้เป็นอันขาด บรูซมองมวยผมนั้นอีกครั้งก่อนเลื่อนสายตามาสบตอบ และตั้งคำถามกับตัวเองว่าเขาได้ความเจ้าระเบียบจากพ่อมามากเกินไปหรือไม่

“ผมเข้าใจเรื่องนั้นดีทีเดียว” บรูซตอบเรียบ ๆ

“จริงด้วยสินะ”

หมอพิลึกตอบอย่างร่าเริงเกินพอดี ทำให้ระดับอารมณ์ของบรูซลดต่ำลงอย่างไร้เหตุผล เขาสูดน้ำมูก

“มาเริ่มกันเลยดีกว่า” บรูซลดสายตาลงมองป้ายชื่อ ระหว่างที่หมอบอร์เดอร์จำอวดท่าทางกระฉับกระเฉง ใช่ เริ่มกันเลย “อาการอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือหวัด คุณรู้สึกตัวร้อนเหมือนมีไข้ด้วยหรือเปล่าครับ” หมอบอร์เดอร์จรดปากกาสีน้ำเงินลงบนกระดาษ

บรูซมองปากกาด้ามนั้นตาค้าง ทว่าปากยังเอ่ยตอบ “วัดอุณหภูมิได้ 38 คอแห้งตลอดเวลา จามและไอ” หัวปากกานั่นมีดอกไม้ประดิษฐ์ช่อโตติดอยู่

“อาการทั่วไปของไข้หวัด” หมอบอร์เดอร์โคลงหัวพลางว่าเสียงระรื่น ก่อนเริ่มตรวจร่างกายของเขา

ระหว่างที่บรูซกำลังยุ่งอยู่กับการมองตามมือที่จับ — ให้ตายเถอะ สเตธโธสโคปสีม่วงแวววาวอย่างระแวง เขานึกสงสัยว่าโรงพยาบาลยังมีการตรวจเลือดเจ้าหน้าที่อยู่ไหมนะ เขาน่าจะลองถามพ่อดู

“ผมสั่งจ่ายยาให้แล้ว รายละเอียดเดี๋ยวพยาบาลจะเป็นคนบอกอีกที เชิญรอด้านนอกได้เลยครับ”

นั่นเป็นคำอนุญาตที่เขาอยากได้ยินมาตั้งแต่ก้าวเข้าห้องนี้ บรูซแทบลุกขึ้นยืนทันทีที่หมอบอร์เดอร์กล่าวคำว่าเชิญ และแทบสะดุดขาตัวเองเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “เว้นแต่ว่าคุณอยากให้ผมเช็คส่วนอื่น ๆ เพิ่ม”

บรูซแน่ใจว่าคำพูดนั้นไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น ค่อนข้างแน่ใจ อาการป่วยต้องทำให้สมองของเขาประมวลผลได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ หรือไม่เช่นนั้นก็คงผิดที่ความเริงร่าเพี้ยน ๆ ของไอ้หมอหน้าอ่อน

บรูซกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนเดินหนีออกจากห้อง และเมื่อรับยาเสร็จก็ตรงรี่ไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการก็อทแธมเจเนอรัลเพื่อรับคุณพ่อผู้บ้างานกลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านอย่างพร้อมหน้าตามคำสั่งของมาร์ธา เวย์น

ระหว่างการเดินทาง บรูซตัดสินใจทำลายบรรยากาศสงบเงียบภายในรถลงเพื่อถามถึงหนึ่งในลูกศิษย์มากมายของโธมัส และก็ต้องประหลาดใจเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวันเมื่อพ่อของเขาลดรายงานทางการแพทย์ลงแล้วตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น

“หมายถึงอีริค บอร์เดอร์ ใช่ไหม เขาเป็นนักเรียนแพทย์ที่ปราดเปรื่องที่สุดที่พ่อเคยสอนมาเลย และยังมีพรสวรรค์แปลก ๆ ที่สามารถโน้มน้าวให้คนไข้หัวดื้อทั้งหลายยอมทำตามคำสั่งแพทย์แต่โดยดี”

โธมัสตอบด้วยสีหน้าชื่นบาน บรูซนึกออกแล้วว่าหมอจอมเพี้ยนที่เพิ่งเจอกับตัวนั้นเป็นคนเดียวกับที่พ่อของเขามักเอ่ยชมถึงไม่ขาดปาก นักเรียนทุนผู้หลักแหลม อัจฉริยะที่หายากยิ่ง และปราดเปรื่องไม่ใช่คำที่พ่อจะเอ่ยออกมาจากปากง่าย ๆ เขานึกไม่ถึงเลยว่าหมอนั่นจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกของโธมัส เวย์น

“และพ่อก็ขอให้เขาเข้าเวรที่แผนกนั้นแทนแผนกผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเฉพาะเลยนะ ลูกจะได้รับการตรวจจากคนที่ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุด” และเพี้ยนที่สุดด้วย สิบห้านาทีในห้องตรวจนั้นชวนให้จิตตกเกือบเข้าขั้นหวาดระแวง บรูซอยากเถียงออกไปใจจะขาด แต่เลือกจะสงบปากสงบคำไว้กับตัว พ่อของเขาดูประทับใจหมอนั่นเอามาก ๆ จนเขาไม่อยากขัด ทางหนึ่งยังรู้สึกเหลือเชื่อที่ความไม่ปกติอย่างหลุดโลกนั้นถูกกลบด้วยความเก่งกาจได้มิดจนโธมัสมองข้ามไปได้ง่าย ๆ

“แบบนั้นเท่ากับใช้อำนาจในทางมิชอบนะครับ” บรูซถอนหายใจ

อย่างไรเสีย โลกนี้ก็แสดงตัวอย่างให้เห็นมามากแล้วว่าเส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะกับคนสติเฟื่องนั้นเบาบางมากจนเหมือนไม่มีอยู่จริง

และบรูซก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่มีวันได้พบคุณหมอบอร์เดอร์อีก เพราะชั่วขณะที่รถแลมโบกินีสีดำวิ่งเข้าสู่อาณาเขตของคฤหาสน์เวย์น เขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะยอมเชื่อฟังสำนวนตลก ๆ ของพ่อสักครั้งด้วยการกินแอปเปิ้ลวันละผล




บรูซไม่ได้เกลียดการมองโลกในแง่ดีอย่างไร้เหตุผล ประสบการณ์สอนเขาว่าอันตรายมักจู่โจมยามไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะขณะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสภาพแวดล้อมที่นึกไปเองว่าปลอดภัย 

อันตรายในครั้งนี้มาในรูปแบบของชายผู้มีผมบลอนด์รวบเป็นหางม้าติดท้ายทอยและสวมทักซิโด้สีเข้มที่เมื่อเพ่งมองให้ดีจะพบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นสีม่วงสุดประหลาด

“เจอกันอีกแล้ว” อีริค บอร์เดอร์ ทักด้วยรอยยิ้มที่ตึงกว้างจนแก้มสมควรต้องปริแตก ถ้าเขายังเหลือส่วนที่เป็นเนื้อแก้มละนะ ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าค่อนข้างยาวรวมถึงโหนกแก้มสูง “คุณดูดีกว่าวันนั้นเยอะเลย ขอบตาไม่คล้ำ จมูกไม่แดง หายป่วยแล้วสินะครับ”

บรูซยิ้มกระตุก นั่นมันคำทักทายประเภทไหนกัน “ใช่ ต้องขอบคุณคุณมากเลย” ที่สร้างแรงบันดาลใจชั้นยอดจนสามารถทำให้เขาติดการกินแอปเปิ้ลทุกวัน เขาไม่ควรเชื่อสำนวนโง่ ๆ นั่นเลย แอปเปิ้ลอาจมีประโยชน์จริง แต่ก็เป็นที่พิสูจน์แล้วว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับการกันหมอไปให้พ้นทาง แม้จะไม่มีเหตุให้ต้องรับการตรวจในโรงพยาบาลอีก โชคชะตาก็นึกตลกพอจะสร้างโอกาสไม่ทางใดก็ทางหนึ่งให้บอร์เดอร์ได้บัตรเชิญเข้างานกาล่าของเวย์นเอ็นเตอร์ไพรซ์ และถ้าเดาไม่ผิด คงเป็นพ่อของเขาเองที่ยื่นบัตรเชิญให้อย่างเต็มใจสุด ๆ

“ด้วยความยินดีครับ” ไม่น่าเชื่อว่ารอยยิ้มของบอร์เดอร์จะกว้างไปได้มากกว่านี้ “คุณพ่อของคุณฝากฝังผมไว้ว่าต้องช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ เขาพูดถึงคุณไว้เยอะเลย คุณเวย์น”

ประโยคนั้นฟังดูอันตรายอยู่ไม่น้อย “ผมก็ได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะมากเหมือนกัน คุณบอร์เดอร์” แต่ใช่ว่าเขาจะกลัวเสียหน่อย ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล และพ่อของเขาก็ไม่ได้อยู่ในระยะสายตาที่จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้วย

บอร์เดอร์เอียงคอด้วยกิริยาที่ทำให้เขานึกถึงอีกา “โอ้ ผมไม่รู้เลย” ต่อด้วยคำพูดแสดงความซาบซึ้งยาวเหยียดที่บรูซปล่อยผ่านหูเพราะมัวแต่เพ่งเล็งลูกตาใส ๆ ที่ดูยังไงก็รู้ว่าเจ้าของไม่ได้ใสซื่อตามสักนิด

และไม่ว่าเขาจะทำตัวเย็นชาโดยการถามคำตอบคำหรือหมางเมินด้วยการเดินหนีไปที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ หมอนี่ก็หาเรื่องมาพูดได้ไม่หยุดหย่อนจนเขาอยากเอาแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลในมือนี่ยัดปากบอร์เดอร์ไปซะ —

บรูซสะดุ้งสุดตัว มองไม้เสียบแอปเปิ้ลเคลือบในมือที่ปลายอีกด้านผลุบหายเข้าไปในปากของอีริค บอร์เดอร์ เขาเผลอยัดแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลเข้าปากหมอนั่นตามที่คิดไปจริง ๆ

ริมฝีปากเผยออ้าและหุบอย่างคนจนตรอก ควรจะพูดอะไรล่ะในสถานการณ์แบบนี้ บรูซปล่อย ความตกตะลึงแล่นผ่านก่อนเปลี่ยนเป็นอารมณ์ขัดเคืองใจที่ตนก่อเรื่องไม่ยั้งคิด ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก เตรียมจะกล่าวคำขอโทษ

แต่บอร์เดอร์กลับไวกว่า

“ขอบคุณสำหรับของหวานนะ เพียงแต่ผมไม่ค่อยชอบแอปเปิ้ลนี่สิ”

บอร์เดอร์พูดหลังหยิบแอปเปิ้ลเชื่อมมาทานต่อจนหมด แทนที่จะโกรธ หมอผมบลอนด์กลับยิ้มน้อย ๆ และยักไหล่ “ถ้าคุณอยากป้อนก็น่าจะเตือนกันก่อน”

บรูซเลิกคิ้ว ลืมคำขอโทษที่ตั้งใจไว้จนหมดสิ้นในประโยคเดียว และก่อนจะได้โต้ตอบด้วยคำเสียดสีดี ๆ สักสองสามประโยค สายตาของเขาก็เหลือบลงมามองแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลบนโต๊ะเสียก่อน 

ความคิดหนึ่งผุดวาบในหัว บรูซเหลียวกลับมาทางบอร์เดอร์พร้อมรอยยิ้มหวานเฉียบ 

“ครั้งนี้ผมบอกคุณก่อนแล้วนะ อ้าปากสิครับ” บรูซหยิบแอปเปิ้ลเชื่อมไม้หนึ่งมาจ่อตรงปากของคนที่กำลังยิ้มค้าง “เป็นอะไรไป แอปเปิ้ลมีประโยชน์นะ พ่อไม่เคยพูดถึงเรื่อง ‘แอปเปิ้ลวันละผล’ กับคุณเหรอ”

บรูซหัวเราะในลำคอขณะมองอีริค บอร์เดอร์ จำใจกลืนเนื้อแอปเปิ้ลเข้าปากอย่างพะอืดพะอม

เมื่อลองย้อนคิดแล้ว นั่นเป็นการกลั่นแกล้งที่ดูเด็กและไร้สาระที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา เห็นได้ชัดว่าอีริค บอร์เดอร์ เป็นคนพิลึกและอันตรายอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด




การพบกันครั้งที่สามนี้ต้องเรียกว่าเป็นความบังเอิญอย่างแท้จริง

ขณะกำลังนั่งแกร่วในบาร์โกโรโกโสทางท่าเรือ ก้มหน้าก้มตาดื่มเบียร์พลางหมกมุ่นกับอาการจิตตกเพราะสัญญาควบรวมที่ล้มเหลวเงียบ ๆ คนเดียว ใครคนหนึ่งก็นั่งลงบนเก้าอี้ทางขวามือ

ด้วยระยะที่เข้าใกล้อาณาเขตส่วนตัวจนน่าอึดอัด บรูซคิดว่าคงเป็นนักท่องราตรีที่อยากหาคนแปลกหน้าสักคนไปนอนกอด ทั้งที่ใส่เสื้อใหญ่กว่าตัวและดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมหัวแล้วแท้ ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปากกำลังจะเอ่ยขอความวิเวกคืน 

จนเมื่อหันไปเห็นใบหน้าของคนข้างตัวเต็มตา เขากลืนสิ่งที่ตั้งใจจะเอ่ยลงคอ

“คุณมาทำอะไรที่นี่” บรูซนิ่งคิด ก่อนเปลี่ยนคำพูด “คุณหาผมเจอได้ยังไง”

จากที่นี่ถึงก็อทแธมเจเนอรัลห่างกันคนละฟากเกาะ ยังไม่รวมถึงการที่อีกฝ่ายสมควรเข้าเวรดึกอยู่แผนกฉุกเฉินซึ่งบรูซเข้าใจว่าคงมีงานให้ทำตลอดเวลา

“ผมเดาใจคนเก่ง” บอร์เดอร์ว่า ก่อนหันไปสั่งเบียร์เหยือกหนึ่ง คราวนี้เขาไม่ได้มัดจุกหรือรวบผม แต่ปล่อยยาวสยายเลยบ่า ไม่ได้สวมเสื้อกาวน์หรือทักซิโด้ แต่เป็นแจ็คเก็ตหนังสีดำที่ดูแปลกตา แต่เหมาะกับเขามากอย่างน่าแปลกใจ

“เหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรก” บรูซพูด ปลายนิ้วไล้วนรอบขอบเหยือกเล่น “คุณแสดงละครเก่งมากนะ ทำเอาผมเสพติดแอปเปิ้ลจนขาดไม่ได้เลยแม้แต่วันเดียว”

“ความจริงแล้วผมแลกเวรเพื่อมาหาที่นั่งดื่มเงียบ ๆ ไม่อยากให้ใครตามเจอโดยเฉพาะพ่อของคุณ” บอร์เดอร์หัวเราะกับตัวเอง “ส่วนเรื่องการแสดง…มันเป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้มาระหว่างลงคลินิก บางครั้งวิธีแก้ปัญหาที่ใช้ได้ผลก็คือวิธีการฟั่นเฟือนที่สุด ใครกันจะกล้าตอแยกับคนที่คาดเดาไม่ได้”

“ค่อนข้างต่างกับสิ่งที่ผมถูกสอนมานะ”

“แอปเปิ้ลวันละผลน่ะเหรอ ผมไม่ค่อยชอบสำนวนนี้เลย”

“ทำไม” บรูซถาม ไม่เข้าใจตัวเองนักว่าจะสนใจความคิดอีกฝ่ายทำไมทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหมอนี่เกลียดแอปเปิ้ลยังกับอะไรดีจากการพบกันก่อนหน้า 

บางทีอาจเป็นเพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับเขามากเกินไปนับตั้งแต่เจอเจ้าหมอเพี้ยน ๆ คนนี้ และมันล้วนเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงทั้งสิ้น

อีริควางแขนสองข้างกับโต๊ะแล้วเอนตัวนอนหันข้างมาทางเขาเหมือนแมวที่กำลังเหยียดตัวอย่างเกียจคร้านและเกือบเหมือนจะออดอ้อน ดวงตาสีเขียวระยับจับจ้องมาทำให้บรูซรู้สึกวูบวาบในอก “แอปเปิ้ลวันละผลไม่ต้องไปหาหมอ และผมก็เป็นหมอ”

รอยยิ้มที่คล้ายแมวเชสเชียร์ระบายบนริมฝีปาก

“ทุกครั้งที่เจอกันผมไม่ได้เล่นละครไปซะหมดหรอก ผมอาจทำให้คุณเสพติดแอปเปิ้ล แต่คุณก็ทำให้ผมเสพติดการใช้เวลากับคุณเหมือนกันนะ ผมจะทนอยู่ได้ยังไงล่ะหากต้องขาดช่วงเวลาแสนดีแบบนี้”

บรูซยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ เขาเท้าคางมองตอบ “เอาจริงเหรอ คุณเคยจีบใครมาก่อนไหมถึงกล้าพูดมุกห่วย ๆ แบบนี้ออกมา”

“คุณอยากลองฟังอะไรที่แย่กว่านี้ไหมล่ะ” อีริคพูด “แต่มันคงต้องใช้เวลาทั้งคืนเลยล่ะ”

บรูซหัวเราะ

ตอนนี้เขารู้แน่ชัดแล้วว่าสำนวน ‘แอปเปิ้ลวันละผลไม่ต้องไปหาหมอ’ ไม่เป็นจริงเลยสักนิด เพราะนอกจากแอปเปิ้ลจะกันหมอคนหนึ่งออกไปไม่ได้แล้ว มันยังดึงดูดให้บุกรุกเข้ามาอีก และอีกเหตุผลหนึ่งอันเป็นข้อเท็จจริงที่น่ารำคาญใจสุด ๆ คือเขาเริ่มนึกชอบคุณหมอคนนี้ไปซะแล้วสิ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น