วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

[MHA] A Feather (Dabi/Hawks)


A Feather

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Warning : Unhealthy Relationship, Graphic Depictions Of Violence, Reference to Mental Instability

Summary : ในช่วงเวลาที่สงครามกลางเมืองปะทุโดยการนำของออลฟอร์วัน ฮีโร่อันดับสองก็ต้องขึ้นมารับบทผู้นำอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

Note : Spoiler Alert for manga chapter 299 





สังคมฮีโร่กำลังล่มสลาย ฮอว์คเห็นทุกขณะลมหายใจที่ทยอยริบหรี่จนใกล้สูญในระยะชิดใกล้กว่าใคร เขาคือหนึ่งในแกนกลางของการกระทำที่นำทุกอย่างมาบรรจบในวินาทีนี้

สงครามกลางเมืองประดังขึ้นทุกหัวระแหง ความเชื่อแตกแยกเป็นสองฝักฝ่าย คนที่ศรัทธาและเชื่อว่าจำเป็นต้องมีฮีโร่เพื่อความสุขสงบ กับคนที่เชื่อว่าระบบที่เห็นแก่ตัวและเพิกเฉยต่อคนชายขอบนี้ต้องถูกกำจัด

เวลานี้คนต้องการการปกป้องยิ่งกว่าครั้งใด ทว่าออลไมท์เกษียณตัวแล้ว ฮีโร่อันดับหนึ่งคนปัจจุบันยังอยู่ในอาการโคม่า ภาระทั้งหมดถูกผลักลงบนบ่าฮีโร่อันดับถัดมาอย่างรวดเร็ว ฮอว์คไม่เคยคิดว่าตนจะต้องตกลงยังตำแหน่งของผู้นำ เขาอาจทำให้คนชอบได้และมีความสามารถพอ แต่ไม่ใช่ในฐานะเสาหลักหรือภาพจำของความแข็งแกร่งเหมือนฮีโร่อันดับหนึ่งคนอื่น ๆ

หากกรมรักษาความสงบยังอยู่ เขาคงถูกบีบให้แสดงภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ ทำอะไรก็ตามที่จะกดข่มบรรดาวายร้ายที่อาละวาดอยู่ข้างนอกทั้งที่เขาไม่มีคุณลักษณะเหล่านั้นเลย

แต่ตอนนี้เขาเป็นอิสระ เขาจะจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยวิธีการของตัวเอง

“ไม่นึกเลยว่าจะพูดจาโผงผางแบบนั้น”

เบสจีนิสต์กล่าววิจารณ์ทันทีที่ซูเปอร์คาร์พุ่งออกจากลานจอด งานแถลงข่าวที่คาดว่าจะถูกโจมตีกลับดำเนินผ่านไปอย่างสงบเรียบร้อย หากไม่นับฝูงชนที่ผิดหวังและตะโกนด่าทอด้วยความกราดเกรี้ยว ฮอว์คเหลียวมองคนขับรถกิตติมศักดิ์ในช่วงหลายสัปดาห์นี้ ปลายนิ้วพรมจอมือถือ ก่อนที่เสียงของสิริจะดังขึ้น

ยิ่งปิดบังเรื่องจะยิ่งลุกลาม” ฮอว์คหยุดคิดแล้วพิมพ์ต่อ “วิธีจัดการภาวะวิกฤติที่ยูเอไม่ได้สอน

“พวกเขาสอนแต่ว่าต้องทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งจนสามารถล้มวายร้ายได้” เบสจีนิสต์เหลือบตา “แต่ที่พูดไปนั่นก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์บรรเทาลงเลย”

ฮอว์คหลุดหัวเราะ ก่อนต้องชะงักนิ่วหน้า

ถอดผ้าพันแผลบนศีรษะออกหมดแล้ว แต่ยังต้องสวมหน้ากากออกซิเจนปิดใบหน้าครึ่งซีกล่างลงถึงลำคอ เพราะเขาสูดไฟเข้าไป แพทย์เจ้าของไข้บอก คำที่เลือกใช้แสนสะดุดใจ ไม่ใช่ควันหรือเขม่าแต่เป็นไฟ กล่องเสียงของเขาถูกทำลาย หลอดลมเต็มไปด้วยบาดแผล ปอดไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากต้องการกลับไปเคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับเดิม เขาต้องพึ่งพาหน้ากากจนกว่าจะรักษาหายขาด

โดนสั่งห้ามพูดไม่ใช่ปัญหา ว่าตามตรงแล้วถ้าไม่มีความจำเป็นเขาก็ไม่ใช่คนช่างพูดอย่างที่แสดงออก แต่โดนสั่งห้ามเคลื่อนไหว ห้ามออกแรงมาก ตรงนี้ที่เป็นอุปสรรคให้เขาต้องจำกัดการทำงานของตัวเอง

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือคุมฝูงชน อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น

คล้ายกับเมื่อตอนนักเรียนยูเอถูกลักพาตัว ฮอว์คแต่งสูทผูกไทด์ ก้มหัวขออภัยต่อความเสียหายที่ควบคุมไม่ได้ คล้ายกับวิธีที่ไอซาวะรับมือสาธารณชนทุกอย่าง

เว้นแต่เขาพูดความจริงออกมาโดยไม่ประนีประนอม

เป็นลูกของอาชญากรเหรอ ใช่ ลูกชายของอาชญากรที่ฆ่าคนตายเพียงเพื่อเงินไม่กี่เยน

กรมรักษาความสงบจงใจปิดบังเรื่องนี้เหรอ ใช่ เพื่อตัดการเชื่อมโยง ทำให้เขาเป็นฮีโร่ที่ไร้ที่ติ

เขาฆ่าคนทั้งที่อีกฝ่ายยินยอมรับความพ่ายแพ้เหรอ ตรงนี้ซับซ้อนเล็กน้อย เพราะดาบิไม่ได้ให้พวกคุณเห็นเหตุการณ์แต่ต้นจนจบ

ดาบิคือ โทโดโรกิ โทยะ จริงเหรอ

จริง เขาบอกเองตอนที่คิดว่าความลับนี้จะตายไปพร้อมกับผม

ฮอว์คสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ข้างในร่างปวดแสบตามอากาศที่เล็ดลอดผ่านเส้นเลือด พยายามควบคุมความรู้สึกขบขันที่ผุดขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าถึงพูดขวานผ่าซากแต่อย่างน้อยก็พูดผ่านน้ำเสียงระรื่นหูของสิริ

“จะให้ส่งที่ไหน” เบสจีนิสต์ลอบมองเขาอีกครั้งอย่างจับสังเกตอาการ

ฮอว์คยิ้มบางใต้หน้ากาก เสียงสิริกล่าวแทน “สำนักงานของคุณเป็นไง ที่นั่นยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า

“เท่าที่รู้ก็ยังอยู่ดี”

ไปที่นั่นแหละ

“พวกมันไม่ได้มาที่งานแถลง แต่จะโจมตีที่อื่นแทนงั้นเหรอ”

ฮีโร่อันดับสองกับอันดับสามอยู่ด้วยกันแบบนี้จะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ได้เหรอ ออลฟอร์วันไม่สั่งโจมตีโรงพยาบาล อาจจะเพราะที่นั่นมีการคุ้มกันหนาแน่นหรือเพราะอยากรักษาภาพลักษณ์ก็สุดจะรู้ พวกเราคือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แถมยังมีข้ออ้างในการจัดการด้วย

“ข้ออ้างอะไร”

ฮีโร่ที่ฆ่าคนไง

เบสจีนิสต์เงียบไปหลายอึดใจ ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเมื่อเริ่มออกห่างย่านราชการและขึ้นทางด่วนยกระดับ

“นายตั้งใจใช้ตัวเองกับฉันเป็นเหยื่อล่อ” ฮีโร่อันดับสามกล่าวเสียงเรียบ

เสียใจที่ยอมมาขับรถให้หรือเปล่าครับ

“เป็นศพให้ก็เป็นมาแล้ว พูดยากเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกยังไง”

คิดไม่ออกก็ไว้ค่อยคิดแล้วกัน” ฮอว์คกดมือถือด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างทาบบนสายเข็มขัดที่นั่ง “พวกเขาไม่โจมตีในงานคงเพราะรอให้เราประมาทตอนขากลับนี่แหละ

สิ้นคำพูดไปไม่กี่นาที รถตู้คันหนึ่งก็ขับไล่เบียดเข้ามาประชิดด้านข้าง ไม่ต้องเสียเวลามองเต็มตา สองฮีโร่ก้มตัวหลบกระสุนที่ยิงเข้ามาผ่านหน้าต่าง เสียงล้อบดถนนดังลั่น กระจกแตก เบสจีนิสต์หยุดรถด้วยอัตลักษณ์ใยที่เกาะสองฟากแผงกั้นริมถนน แต่หยุดได้ไม่นาน ตาสองคู่สบกันแวบหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงวัตถุพุ่งเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูง พวกเขาแยกกันลงจากรถ และพริบตาต่อมา ซูเปอร์คาร์ราคาแพงก็จมลงในกองเพลิง

นิ้วมือของฮอว์คยังขยับระหว่างเคลื่อนที่หลบกระสุน เขากดปุ่มฉุกเฉินสำหรับเรียกตำรวจก่อนเก็บมือถือลงกระเป๋าเสื้อ ไม่มีเวลาสำหรับการสื่อสาร เขาสบสายตาเยือกเย็นของเบสจีนิสต์แล้วหันไปรับมือวิลเลนที่วิ่งกรูลงมาจากรถตู้ สิบสองคน แต่แบ่งเจ็ดคนมาที่เขา ฮอว์คอดยิ้มไม่ได้ พวกนี้แค่ต้องการถ่วงเวลาเบสจีนิสต์ แต่ต้องการฆ่าเขาให้ตาย

ฮอว์คอาจจะมองในแง่ร้ายไปนิด แต่เขาไม่เห็นประโยชน์ของการจับตัวฮีโร่อันดับสองเลย เอาไปลงโทษออกสื่อ? ถ้าพวกเขาวางแผนมาแบบนั้นคงไม่ส่งวิลเลนคลาสต่ำกว่า A มาหรอก มิเช่นนั้นพวกเขาก็ประเมินความสามาถของฮอว์คต่ำไปมาก

ปีกของเขายังไม่พร้อมใช้งาน แต่ฮอว์คไม่ได้มีดีแค่ปีก

ฮอว์คถอดกระเป๋าสะพาย เปิดออกหยิบดาบคู่ขนาดกลางออกมา วากิซาชิอาจไม่ได้มีคมเรียวยาวเท่าคาตานะ แต่เพราะความสะดวกในการพกพาและไม่ว่าอย่างไรมันก็เรียกเลือดได้ไม่ต่างกัน

อัตลักษณ์อันไม่มักคุ้นพุ่งมาจากทุกทิศ ทั้งหมดเป็นอัตลักษณ์จู่โจมที่สร้างขึ้นจากเนื้อเยื่อร่างกาย ฮอว์คใช้ดาบปัดพวกมันออก จับการเคลื่อนไหวเพื่อหลบและฟันบนผิวที่เปิดโล่ง

วิลเลนสองคนล้มลงในทันที

ฮอว์คสะบัดดาบทิ้งรอยเลือดบนพื้น วิลเลนที่เหลือชะงัก ก้าวถอยหลัง แต่สายตายังคงโกรธเกรี้ยว อารมณ์คุกรุ่นผลักพวกเขาให้เริ่มการจู่โจมอีกครั้ง

ฮอว์คเตรียมรับอยู่แล้ว เขาแค่ต้องสะกิดคมดาบที่เคลือบยานอนหลับฤทธิ์รุนแรงนี้เท่านั้นเพื่อเอาชนะ

เพียงแต่ขีดจำกัดทางร่างกายก็กำลังนับถอยหลังเช่นกัน

เจ็ดนาที เสียงย้ำเตือนก่อนออกจากโรงพยาบาลดังก้องหู อย่าให้ปอดทำงานหนักเกินเจ็ดนาที

เวลาเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ

การเคลื่อนที่ของวิลเลนสะเปะสะปะไร้ทิศทาง มุ่งแต่จะใช้พละกำลังเหมือนเล่นเกมทุบตัวตุ่น แต่ชีวิตจริงคู่ต่อสู้ไม่ใช่ตุ๊กตาพลาสติกที่เคลื่อนไหวได้เพียงขอบเขตที่กำหนด ฮอว์คไม่เหมือนพวกเขา ฮอว์คถูกฝึกให้โจมตีอย่างหวังผล แม่นยำ ทุกลมหายใจที่สูดเข้าเพื่อเผาผลาญพลังงานต้องไม่มีคำว่าสูญเปล่า

หนึ่ง สอง สาม วิลเลนทยอยล้มลงทีละคนเพียงเพราะรอยกรีดเล็ก ๆ ที่พวกเขาไม่คิดจะหลบ

แต่ฮอว์คหลบทุกอัตลักษณ์พ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้อัตลักษณ์ของตัวเอง

นัยน์ตาสีอำพันขยายกว้างรับแสง มองวิลเลนสองคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่และลังเล ระหว่างนั้นฮอว์คปรับลมหายใจที่กระชั้นให้ผ่อนลงทีละนิด อาการปวดช่วงอกแสบร้าวเหมือนมีรอยปริแยกอยู่ภายใน อาการทั่วไปของคนที่สูดไฟเข้าไป เวลาของเขายังเหลือแต่ฮอว์คไม่อยากเสี่ยงมากไปกว่านี้ ไม่มีประโยชน์หากเขาต้องกลับไปนอนเป็นผักบนเตียงอีกครั้ง

อีกทั้งเขาไม่คิดจะจับวิลเลนสองคนนั้นอยู่แล้ว ฮอว์คมีแผนอื่นสำหรับพวกเขา

แค่ขยับดาบคู่ในมือและก้าวเข้าหาก็เป็นคำขู่ที่จับสองวิลเลนหมุนตัววิ่งกลับไปที่พาหนะ ฮอว์คลอบยิ้มใต้หน้ากาก ทำทีวิ่งไล่ตามเพื่อความสมจริง ซึ่งก็ไม่พ้นจากความจริงนัก ตอนนี้เขาหายใจแทบไม่ทันอยู่แล้ว

ทว่ายังไม่ทันถึงรถ ไอร้อนระอุก็พวยพุ่งมาจากทางขวามือ เปลวไฟสีครามโหมบนถนนเหมือนคลื่นยักษ์ พัดไปยังทิศทางที่เบสจีนิสต์ยืนอยู่ก่อนเปลี่ยนทิศมาหาเขา

ฮอว์คถอยหลบก่อนสมองจะทันรับรู้ว่าตนเคลื่อนไหวเสียอีก ความเจ็บยังฝังแน่นบนร่าง ปฏิกิริยาของเขาเป็นไปโดยสัญชาตญาณอย่างแท้จริง

เขาหลบออกมาพ้น เบสจีนิสต์น่าจะกระโดดลงไปยังถนนเบื้องล่าง แต่วิลเลนที่วิ่งไปยังรถตู้ถูกคลอก ไม่ทันร้องโหยหวนก็ล้มลงเป็นตอตะโก

ฮอว์คจ้องต้นทางของไฟแน่วนิ่ง และเป็นดังคาด คนที่ปรากฏกายท่ามกลางหมู่ควันคือคนที่เขาจำฝังใจไม่มีวันลืม

ดาบิ

ชายร่างสูงเจ้าของหนึ่งในอัตลักษณ์ที่อันตรายที่สุด ยังเหมือนกับวันที่เผาปีกของเขาจนไม่เหลือซาก เว้นแต่ผมสีดำที่กลับกลายเป็นขาว เขาไม่เก็บงำตัวตนว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นโทโดโรกิ โทยะ อีกแล้ว บุคลิกเฉื่อยชาเผยแววคลุ้มคลั่ง น้ำเสียงเรียบเรื่อยแฝงสะเก็ดการเย้ยเยาะ ดาบิส่งยิ้มกว้างที่แทบฉีกแยกใบหน้าออกเป็นสองส่วนมาทางฮอว์ค มองขึ้นลงเหมือนกำลังชมผลงานชิ้นโบว์แดง

“ฮอว์ค” เขาทักทายเหมือนเดินผ่านมาพบเพื่อนเก่า “เห็นในทีวีก็คิดแล้วว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไป มาเห็นกับตาถึงเพิ่งนึกออก ปีกยังไม่งอกขึ้นมาใหม่อีกเหรอ”

ฮอว์คหรี่ตาลง คำถามนี้เขาก็ได้รับมาจากนักข่าว กำลังอยู่ในช่วงการรักษา เขาตอบแค่นี้ ไม่บอกว่ามันจะกลับมาหรือเปล่า ทำให้มองได้สองแง่ มันอาจจะยังไม่กลับมา หรือมันอาจจะหายไปตลอดกาล

มือสองข้างกำดาบแน่น ลมหายใจของเขายังติดขัดและเร็วเกินไป รับมือกับวิลเลนเมื่อครู่อาจไม่ยากลำบาก แต่กับดาบิสถานการณ์พลิกกลับเป็นคนละเรื่องทันที ไม่ใช่แค่ตึงมือ แต่เขาจะแพ้

ไฟคือจุดอ่อนของเขามาตลอด และดาบิก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเกินกว่าจะมองเป็นอื่นได้ จากวิธีที่เขาต่อสู้เมื่อครั้งที่แล้ว ดาบิมุ่งจู่โจมที่ปีกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“พูดไม่ได้ใช่ไหม” ดาบิเอียงคอ “ไม่หยิบมือถือขึ้นมาพูดแทนล่ะ”

ไม่มีทาง ฮอว์คตอบด้วยสายตา หยิบมือถือขึ้นมาเท่ากับว่าฉันต้องปล่อยดาบจากมือข้างหนึ่ง

ดาบิหัวเราะในลำคอก่อนฉีกยิ้มเห็นฟันแทบครบซี่ ดวงตาสีฟ้าคมปลาบคอยหาจุดอ่อนเหมือนแมวไล่หนู

แต่ในที่นี้ คงต้องบอกว่าเป็นนกปีกหัก

“ฉันคิดถึงเสียงของนาย” ดาบิเอ่ย “แต่ก่อนคิดว่าน่ารำคาญ ได้ยินตอนนายสอนทไวซ์กับคนอื่น ๆ แล้วเสียดหูเหมือนฟังสัญญาณคลื่นแหลม ๆ แต่ตอนนี้กลับคิดถึงเสียอย่างนั้น อะไรที่มักคุ้นไปแล้วนี่แย่จังเลยนะ”

ดาบิเดินเข้าหาทีละก้าว ฮอว์คชี้ดาบไปทางเขา เป็นสัญญาณให้หยุดอยู่แค่นั้น

ภาพเมื่อครั้งที่ยืนในตรอกร้างหวนกลับมาซ้อนทับอย่างน่าประหลาด

ฉันหวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีกว่านี้ ดาบิ

ดาบิยกมือสองข้างในเชิงจำนน “ฉันจะไม่เข้าไปใกล้กว่านี้ ใครจะรู้ว่าใบมีดนั่นเคลือบพิษอะไรไว้บ้าง”

สีฟ้าวูบไหวไม่หยุดนิ่งมองเขาอย่างตั้งใจ จดจ่อเสียจนฮอว์คเกิดความคิดว่าหากปล่อยเช่นนี้ต่อไป ดาบิจะถอดทุกความลับและความคิดของเขาออกมาจนหมด

เขารู้เท่าทันกระทั่งว่าฮอว์คต้องการอะไรบ้างจากงานแถลงข่าววันนี้

ดาบิดูคล้ายไม่คิดคำนึงถึงอะไรมากกว่าการเผาทำลาย เหมือนตามอารมณ์มากกว่าสิ่งใด แต่เนื้อแท้แล้วเขาคิดคำนวณทุกอย่าง

ฉันคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ทุกวันจนแทบบ้า

“ระวังตัวไว้ ฮอว์ค” ดาบิกล่าวเสียงเนือยราวกับถ้อยคำที่เกลาออกมาไม่ใช่คำขู่ “ความตายไม่ใช่จุดจบที่เลวร้ายที่สุด ฉันอุตส่าห์เสนอทางออกให้แล้ว นายก็ยังจะบินกลับเข้ากรงอีก”

ตัวย่อลงข้างศพที่มอดไหม้ ดาบิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทของวิลเลนที่ตายไป หยิบขนนกที่ถูกเผาหายไปครึ่งหนึ่งขึ้นดู

ไฟสีฟ้าปะทุขึ้น ขนนกกลายเป็นฝุ่นผงลอยไปกับอากาศ ฮอว์คกัดริมฝีปากสะกดความเจ็บที่เชื่อมโยงระหว่างตัวเขากับปีก

“รีบรักษาตัวให้หาย ฉันไม่อยากสู้กับนกที่ร้องไม่เป็นเวลาใกล้ตาย”

เสียงไซเรนดังใกล้เข้ามา ดาบิถอยหลังกลับ หลบอัตลักษณ์ของเบสจีนิสต์ที่เคลื่อนเข้ามาดักทางไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

ไฟสีครามคลอกพื้นและอากาศรอบบริเวณ ฮอว์คจำต้องถอยออกมาอีกครั้ง เขาเพ่งสมาธิเพื่อหลบเปลวไฟและติดตามตัวดาบิ

ทว่าวิลเลนผมขาวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนครั้งปรากฏตัว

“อัตลักษณ์เคลื่อนย้ายเหรอ” เบสจีนิสต์เดินกลับมาหยุดข้างตัว มองสภาพท้องถนนที่จมทะเลเพลิงพลางใช้ใยห่อหุ้มตัววิลเลนที่สลบไม่ได้สติให้ถอยห่างออกมาในระยะปลอดภัย

ฮอว์คหยิบมือถือออกมา “อาจจะ

“ทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรนายเลย”

เขาแค่มาขัดขวาง” ฮอว์คพิมพ์หน้าจอ รู้สึกหมดเรี่ยวแรง “เขารู้ว่าฉันอยากสะกดรอยพวกที่เข้ามาโจมตีกลับไปที่ฐาน

เบสจีนิสต์พยักหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้รู้ในตอนนี้ เราก็ยังไม่พร้อมเข้าไปจับพวกเขาอยู่ดี”

พวกเขาก็ยังไม่พร้อมเหมือนกัน” ไม่อย่างนั้นคงปล่อยให้เขาลอบติดตามและซ้อนแผนกลับ

ฮอว์คเดินไปนั่งลงบนแผงกั้นถนนระหว่างที่รถตำรวจกับรถพยาบาลเข้ามาหยุดจอด หลับตาลงเพื่อบอกคนอื่นว่าเขาต้องการพัก

และต้องการเพ่งสมาธิตามหาขนนกที่ลอบบังคับให้ติดไปกับตัวดาบิ





ดาบิรู้ตัวว่าได้รับของกำนัลเล็ก ๆ มาจากฮีโร่ปีกหัก

ทว่าเขาปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้น รอเวลาหลังจากบอกเล่าเหตุการณ์ให้กับสมาชิกลีกที่ยังเหลืออยู่ ก่อนขอตัวกลับไปที่ห้องพัก ภายในห้องสี่เหลี่ยมปิดทึบที่ปราศจากสายตาสอดรู้สอดเห็น เขาจึงหยิบมันออกมาจากด้านหลังเสื้อยืด

ขนนก ดาบิไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่ก็ยังต้องสะดุดกับสีสันที่ผิดแผกไปจากเดิม

ไม่ใช่สีแดงสดแสบตา คราวนี้มันกลับเป็นสีแดงหม่นคล้ำจนแทบกลายเป็นสีดำสนิท

เหมือนสีของเลือดแห้งกรัง

รอยยิ้มคลี่ออกช้า ๆ ดาบิลูบขนนกบนริมฝีปาก ถอนลมหายใจที่ร้อนรนเหมือนไอหน้าเตาหลอม ใคร่ครวญถึงคำพูดที่ได้ฟังจากงานแถลงข่าว

เราจะรับฟังและหาทางออกในเรื่องนี้ เพราะเห็นได้ชัดว่าระบบฮีโร่ปัจจุบันคือความล้มเหลว

แต่การกระทำผิดกฎหมายก็จะไม่ได้รับการยกเว้น

แทนที่จะถูกทำลายกลายเป็นเถ้ามอด นกน้อยกลับตื่นขึ้นมาเหมือนไฟที่ไม่ยอมดับ

ดาบิคิดถึงดวงตาสีอำพัน โฉมหน้าของคนที่ทำทุกอย่างเพื่อภารกิจ กับชายอีกคนในวันนี้ที่สงบเยือกเย็น บาดเจ็บ แต่พร้อมจะกางเขี้ยวเล็บใส่ใครก็ตามที่เข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ดาบิคิดและคิด ฉายภาพเหตุการณ์วันนี้ในหัวซ้ำไปมาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

คิดและกระหาย อยากเห็นปีกคู่ใหม่ของทาคามิ เคโกะ จนแทบบ้า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น