A Feather
Boku no Hero Academia
— Dabi / Hawks —
Warning : Unhealthy Relationship, Graphic Depictions Of Violence, Reference to Mental Instability
Summary : ในช่วงเวลาที่สงครามกลางเมืองปะทุโดยการนำของออลฟอร์วัน ฮีโร่อันดับสองก็ต้องขึ้นมารับบทผู้นำอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
Note : Spoiler Alert for manga chapter 299
สังคมฮีโร่กำลังล่มสลาย ฮอว์คเห็นทุกขณะลมหายใจที่ทยอยริบหรี่จนใกล้สูญในระยะชิดใกล้กว่าใคร เขาคือหนึ่งในแกนกลางของการกระทำที่นำทุกอย่างมาบรรจบในวินาทีนี้
สงครามกลางเมืองประดังขึ้นทุกหัวระแหง ความเชื่อแตกแยกเป็นสองฝักฝ่าย คนที่ศรัทธาและเชื่อว่าจำเป็นต้องมีฮีโร่เพื่อความสุขสงบ กับคนที่เชื่อว่าระบบที่เห็นแก่ตัวและเพิกเฉยต่อคนชายขอบนี้ต้องถูกกำจัด
เวลานี้คนต้องการการปกป้องยิ่งกว่าครั้งใด ทว่าออลไมท์เกษียณตัวแล้ว ฮีโร่อันดับหนึ่งคนปัจจุบันยังอยู่ในอาการโคม่า ภาระทั้งหมดถูกผลักลงบนบ่าฮีโร่อันดับถัดมาอย่างรวดเร็ว ฮอว์คไม่เคยคิดว่าตนจะต้องตกลงยังตำแหน่งของผู้นำ เขาอาจทำให้คนชอบได้และมีความสามารถพอ แต่ไม่ใช่ในฐานะเสาหลักหรือภาพจำของความแข็งแกร่งเหมือนฮีโร่อันดับหนึ่งคนอื่น ๆ
หากกรมรักษาความสงบยังอยู่ เขาคงถูกบีบให้แสดงภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ ทำอะไรก็ตามที่จะกดข่มบรรดาวายร้ายที่อาละวาดอยู่ข้างนอกทั้งที่เขาไม่มีคุณลักษณะเหล่านั้นเลย
แต่ตอนนี้เขาเป็นอิสระ เขาจะจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยวิธีการของตัวเอง
“ไม่นึกเลยว่าจะพูดจาโผงผางแบบนั้น”
เบสจีนิสต์กล่าววิจารณ์ทันทีที่ซูเปอร์คาร์พุ่งออกจากลานจอด งานแถลงข่าวที่คาดว่าจะถูกโจมตีกลับดำเนินผ่านไปอย่างสงบเรียบร้อย หากไม่นับฝูงชนที่ผิดหวังและตะโกนด่าทอด้วยความกราดเกรี้ยว ฮอว์คเหลียวมองคนขับรถกิตติมศักดิ์ในช่วงหลายสัปดาห์นี้ ปลายนิ้วพรมจอมือถือ ก่อนที่เสียงของสิริจะดังขึ้น
“ยิ่งปิดบังเรื่องจะยิ่งลุกลาม” ฮอว์คหยุดคิดแล้วพิมพ์ต่อ “วิธีจัดการภาวะวิกฤติที่ยูเอไม่ได้สอน”
“พวกเขาสอนแต่ว่าต้องทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งจนสามารถล้มวายร้ายได้” เบสจีนิสต์เหลือบตา “แต่ที่พูดไปนั่นก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์บรรเทาลงเลย”
ฮอว์คหลุดหัวเราะ ก่อนต้องชะงักนิ่วหน้า
ถอดผ้าพันแผลบนศีรษะออกหมดแล้ว แต่ยังต้องสวมหน้ากากออกซิเจนปิดใบหน้าครึ่งซีกล่างลงถึงลำคอ เพราะเขาสูดไฟเข้าไป แพทย์เจ้าของไข้บอก คำที่เลือกใช้แสนสะดุดใจ ไม่ใช่ควันหรือเขม่าแต่เป็นไฟ กล่องเสียงของเขาถูกทำลาย หลอดลมเต็มไปด้วยบาดแผล ปอดไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากต้องการกลับไปเคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับเดิม เขาต้องพึ่งพาหน้ากากจนกว่าจะรักษาหายขาด
โดนสั่งห้ามพูดไม่ใช่ปัญหา ว่าตามตรงแล้วถ้าไม่มีความจำเป็นเขาก็ไม่ใช่คนช่างพูดอย่างที่แสดงออก แต่โดนสั่งห้ามเคลื่อนไหว ห้ามออกแรงมาก ตรงนี้ที่เป็นอุปสรรคให้เขาต้องจำกัดการทำงานของตัวเอง
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือคุมฝูงชน อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
คล้ายกับเมื่อตอนนักเรียนยูเอถูกลักพาตัว ฮอว์คแต่งสูทผูกไทด์ ก้มหัวขออภัยต่อความเสียหายที่ควบคุมไม่ได้ คล้ายกับวิธีที่ไอซาวะรับมือสาธารณชนทุกอย่าง
เว้นแต่เขาพูดความจริงออกมาโดยไม่ประนีประนอม
เป็นลูกของอาชญากรเหรอ ใช่ ลูกชายของอาชญากรที่ฆ่าคนตายเพียงเพื่อเงินไม่กี่เยน
กรมรักษาความสงบจงใจปิดบังเรื่องนี้เหรอ ใช่ เพื่อตัดการเชื่อมโยง ทำให้เขาเป็นฮีโร่ที่ไร้ที่ติ
เขาฆ่าคนทั้งที่อีกฝ่ายยินยอมรับความพ่ายแพ้เหรอ ตรงนี้ซับซ้อนเล็กน้อย เพราะดาบิไม่ได้ให้พวกคุณเห็นเหตุการณ์แต่ต้นจนจบ
ดาบิคือ โทโดโรกิ โทยะ จริงเหรอ
จริง เขาบอกเองตอนที่คิดว่าความลับนี้จะตายไปพร้อมกับผม
ฮอว์คสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ข้างในร่างปวดแสบตามอากาศที่เล็ดลอดผ่านเส้นเลือด พยายามควบคุมความรู้สึกขบขันที่ผุดขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าถึงพูดขวานผ่าซากแต่อย่างน้อยก็พูดผ่านน้ำเสียงระรื่นหูของสิริ
“จะให้ส่งที่ไหน” เบสจีนิสต์ลอบมองเขาอีกครั้งอย่างจับสังเกตอาการ
ฮอว์คยิ้มบางใต้หน้ากาก เสียงสิริกล่าวแทน “สำนักงานของคุณเป็นไง ที่นั่นยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า”
“เท่าที่รู้ก็ยังอยู่ดี”
“ไปที่นั่นแหละ”
“พวกมันไม่ได้มาที่งานแถลง แต่จะโจมตีที่อื่นแทนงั้นเหรอ”
“ฮีโร่อันดับสองกับอันดับสามอยู่ด้วยกันแบบนี้จะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ได้เหรอ ออลฟอร์วันไม่สั่งโจมตีโรงพยาบาล อาจจะเพราะที่นั่นมีการคุ้มกันหนาแน่นหรือเพราะอยากรักษาภาพลักษณ์ก็สุดจะรู้ พวกเราคือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แถมยังมีข้ออ้างในการจัดการด้วย”
“ข้ออ้างอะไร”
“ฮีโร่ที่ฆ่าคนไง”
เบสจีนิสต์เงียบไปหลายอึดใจ ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเมื่อเริ่มออกห่างย่านราชการและขึ้นทางด่วนยกระดับ
“นายตั้งใจใช้ตัวเองกับฉันเป็นเหยื่อล่อ” ฮีโร่อันดับสามกล่าวเสียงเรียบ
“เสียใจที่ยอมมาขับรถให้หรือเปล่าครับ”
“เป็นศพให้ก็เป็นมาแล้ว พูดยากเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกยังไง”
“คิดไม่ออกก็ไว้ค่อยคิดแล้วกัน” ฮอว์คกดมือถือด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างทาบบนสายเข็มขัดที่นั่ง “พวกเขาไม่โจมตีในงานคงเพราะรอให้เราประมาทตอนขากลับนี่แหละ”
สิ้นคำพูดไปไม่กี่นาที รถตู้คันหนึ่งก็ขับไล่เบียดเข้ามาประชิดด้านข้าง ไม่ต้องเสียเวลามองเต็มตา สองฮีโร่ก้มตัวหลบกระสุนที่ยิงเข้ามาผ่านหน้าต่าง เสียงล้อบดถนนดังลั่น กระจกแตก เบสจีนิสต์หยุดรถด้วยอัตลักษณ์ใยที่เกาะสองฟากแผงกั้นริมถนน แต่หยุดได้ไม่นาน ตาสองคู่สบกันแวบหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงวัตถุพุ่งเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูง พวกเขาแยกกันลงจากรถ และพริบตาต่อมา ซูเปอร์คาร์ราคาแพงก็จมลงในกองเพลิง
นิ้วมือของฮอว์คยังขยับระหว่างเคลื่อนที่หลบกระสุน เขากดปุ่มฉุกเฉินสำหรับเรียกตำรวจก่อนเก็บมือถือลงกระเป๋าเสื้อ ไม่มีเวลาสำหรับการสื่อสาร เขาสบสายตาเยือกเย็นของเบสจีนิสต์แล้วหันไปรับมือวิลเลนที่วิ่งกรูลงมาจากรถตู้ สิบสองคน แต่แบ่งเจ็ดคนมาที่เขา ฮอว์คอดยิ้มไม่ได้ พวกนี้แค่ต้องการถ่วงเวลาเบสจีนิสต์ แต่ต้องการฆ่าเขาให้ตาย
ฮอว์คอาจจะมองในแง่ร้ายไปนิด แต่เขาไม่เห็นประโยชน์ของการจับตัวฮีโร่อันดับสองเลย เอาไปลงโทษออกสื่อ? ถ้าพวกเขาวางแผนมาแบบนั้นคงไม่ส่งวิลเลนคลาสต่ำกว่า A มาหรอก มิเช่นนั้นพวกเขาก็ประเมินความสามาถของฮอว์คต่ำไปมาก
ปีกของเขายังไม่พร้อมใช้งาน แต่ฮอว์คไม่ได้มีดีแค่ปีก
ฮอว์คถอดกระเป๋าสะพาย เปิดออกหยิบดาบคู่ขนาดกลางออกมา วากิซาชิอาจไม่ได้มีคมเรียวยาวเท่าคาตานะ แต่เพราะความสะดวกในการพกพาและไม่ว่าอย่างไรมันก็เรียกเลือดได้ไม่ต่างกัน
อัตลักษณ์อันไม่มักคุ้นพุ่งมาจากทุกทิศ ทั้งหมดเป็นอัตลักษณ์จู่โจมที่สร้างขึ้นจากเนื้อเยื่อร่างกาย ฮอว์คใช้ดาบปัดพวกมันออก จับการเคลื่อนไหวเพื่อหลบและฟันบนผิวที่เปิดโล่ง
วิลเลนสองคนล้มลงในทันที
ฮอว์คสะบัดดาบทิ้งรอยเลือดบนพื้น วิลเลนที่เหลือชะงัก ก้าวถอยหลัง แต่สายตายังคงโกรธเกรี้ยว อารมณ์คุกรุ่นผลักพวกเขาให้เริ่มการจู่โจมอีกครั้ง
ฮอว์คเตรียมรับอยู่แล้ว เขาแค่ต้องสะกิดคมดาบที่เคลือบยานอนหลับฤทธิ์รุนแรงนี้เท่านั้นเพื่อเอาชนะ
เพียงแต่ขีดจำกัดทางร่างกายก็กำลังนับถอยหลังเช่นกัน
เจ็ดนาที เสียงย้ำเตือนก่อนออกจากโรงพยาบาลดังก้องหู อย่าให้ปอดทำงานหนักเกินเจ็ดนาที
เวลาเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ
การเคลื่อนที่ของวิลเลนสะเปะสะปะไร้ทิศทาง มุ่งแต่จะใช้พละกำลังเหมือนเล่นเกมทุบตัวตุ่น แต่ชีวิตจริงคู่ต่อสู้ไม่ใช่ตุ๊กตาพลาสติกที่เคลื่อนไหวได้เพียงขอบเขตที่กำหนด ฮอว์คไม่เหมือนพวกเขา ฮอว์คถูกฝึกให้โจมตีอย่างหวังผล แม่นยำ ทุกลมหายใจที่สูดเข้าเพื่อเผาผลาญพลังงานต้องไม่มีคำว่าสูญเปล่า
หนึ่ง สอง สาม วิลเลนทยอยล้มลงทีละคนเพียงเพราะรอยกรีดเล็ก ๆ ที่พวกเขาไม่คิดจะหลบ
แต่ฮอว์คหลบทุกอัตลักษณ์พ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้อัตลักษณ์ของตัวเอง
นัยน์ตาสีอำพันขยายกว้างรับแสง มองวิลเลนสองคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่และลังเล ระหว่างนั้นฮอว์คปรับลมหายใจที่กระชั้นให้ผ่อนลงทีละนิด อาการปวดช่วงอกแสบร้าวเหมือนมีรอยปริแยกอยู่ภายใน อาการทั่วไปของคนที่สูดไฟเข้าไป เวลาของเขายังเหลือแต่ฮอว์คไม่อยากเสี่ยงมากไปกว่านี้ ไม่มีประโยชน์หากเขาต้องกลับไปนอนเป็นผักบนเตียงอีกครั้ง
อีกทั้งเขาไม่คิดจะจับวิลเลนสองคนนั้นอยู่แล้ว ฮอว์คมีแผนอื่นสำหรับพวกเขา
แค่ขยับดาบคู่ในมือและก้าวเข้าหาก็เป็นคำขู่ที่จับสองวิลเลนหมุนตัววิ่งกลับไปที่พาหนะ ฮอว์คลอบยิ้มใต้หน้ากาก ทำทีวิ่งไล่ตามเพื่อความสมจริง ซึ่งก็ไม่พ้นจากความจริงนัก ตอนนี้เขาหายใจแทบไม่ทันอยู่แล้ว
ทว่ายังไม่ทันถึงรถ ไอร้อนระอุก็พวยพุ่งมาจากทางขวามือ เปลวไฟสีครามโหมบนถนนเหมือนคลื่นยักษ์ พัดไปยังทิศทางที่เบสจีนิสต์ยืนอยู่ก่อนเปลี่ยนทิศมาหาเขา
ฮอว์คถอยหลบก่อนสมองจะทันรับรู้ว่าตนเคลื่อนไหวเสียอีก ความเจ็บยังฝังแน่นบนร่าง ปฏิกิริยาของเขาเป็นไปโดยสัญชาตญาณอย่างแท้จริง
เขาหลบออกมาพ้น เบสจีนิสต์น่าจะกระโดดลงไปยังถนนเบื้องล่าง แต่วิลเลนที่วิ่งไปยังรถตู้ถูกคลอก ไม่ทันร้องโหยหวนก็ล้มลงเป็นตอตะโก
ฮอว์คจ้องต้นทางของไฟแน่วนิ่ง และเป็นดังคาด คนที่ปรากฏกายท่ามกลางหมู่ควันคือคนที่เขาจำฝังใจไม่มีวันลืม
ดาบิ
ชายร่างสูงเจ้าของหนึ่งในอัตลักษณ์ที่อันตรายที่สุด ยังเหมือนกับวันที่เผาปีกของเขาจนไม่เหลือซาก เว้นแต่ผมสีดำที่กลับกลายเป็นขาว เขาไม่เก็บงำตัวตนว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นโทโดโรกิ โทยะ อีกแล้ว บุคลิกเฉื่อยชาเผยแววคลุ้มคลั่ง น้ำเสียงเรียบเรื่อยแฝงสะเก็ดการเย้ยเยาะ ดาบิส่งยิ้มกว้างที่แทบฉีกแยกใบหน้าออกเป็นสองส่วนมาทางฮอว์ค มองขึ้นลงเหมือนกำลังชมผลงานชิ้นโบว์แดง
“ฮอว์ค” เขาทักทายเหมือนเดินผ่านมาพบเพื่อนเก่า “เห็นในทีวีก็คิดแล้วว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไป มาเห็นกับตาถึงเพิ่งนึกออก ปีกยังไม่งอกขึ้นมาใหม่อีกเหรอ”
ฮอว์คหรี่ตาลง คำถามนี้เขาก็ได้รับมาจากนักข่าว กำลังอยู่ในช่วงการรักษา เขาตอบแค่นี้ ไม่บอกว่ามันจะกลับมาหรือเปล่า ทำให้มองได้สองแง่ มันอาจจะยังไม่กลับมา หรือมันอาจจะหายไปตลอดกาล
มือสองข้างกำดาบแน่น ลมหายใจของเขายังติดขัดและเร็วเกินไป รับมือกับวิลเลนเมื่อครู่อาจไม่ยากลำบาก แต่กับดาบิสถานการณ์พลิกกลับเป็นคนละเรื่องทันที ไม่ใช่แค่ตึงมือ แต่เขาจะแพ้
ไฟคือจุดอ่อนของเขามาตลอด และดาบิก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเกินกว่าจะมองเป็นอื่นได้ จากวิธีที่เขาต่อสู้เมื่อครั้งที่แล้ว ดาบิมุ่งจู่โจมที่ปีกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“พูดไม่ได้ใช่ไหม” ดาบิเอียงคอ “ไม่หยิบมือถือขึ้นมาพูดแทนล่ะ”
ไม่มีทาง ฮอว์คตอบด้วยสายตา หยิบมือถือขึ้นมาเท่ากับว่าฉันต้องปล่อยดาบจากมือข้างหนึ่ง
ดาบิหัวเราะในลำคอก่อนฉีกยิ้มเห็นฟันแทบครบซี่ ดวงตาสีฟ้าคมปลาบคอยหาจุดอ่อนเหมือนแมวไล่หนู
แต่ในที่นี้ คงต้องบอกว่าเป็นนกปีกหัก
“ฉันคิดถึงเสียงของนาย” ดาบิเอ่ย “แต่ก่อนคิดว่าน่ารำคาญ ได้ยินตอนนายสอนทไวซ์กับคนอื่น ๆ แล้วเสียดหูเหมือนฟังสัญญาณคลื่นแหลม ๆ แต่ตอนนี้กลับคิดถึงเสียอย่างนั้น อะไรที่มักคุ้นไปแล้วนี่แย่จังเลยนะ”
ดาบิเดินเข้าหาทีละก้าว ฮอว์คชี้ดาบไปทางเขา เป็นสัญญาณให้หยุดอยู่แค่นั้น
ภาพเมื่อครั้งที่ยืนในตรอกร้างหวนกลับมาซ้อนทับอย่างน่าประหลาด
ฉันหวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีกว่านี้ ดาบิ
ดาบิยกมือสองข้างในเชิงจำนน “ฉันจะไม่เข้าไปใกล้กว่านี้ ใครจะรู้ว่าใบมีดนั่นเคลือบพิษอะไรไว้บ้าง”
สีฟ้าวูบไหวไม่หยุดนิ่งมองเขาอย่างตั้งใจ จดจ่อเสียจนฮอว์คเกิดความคิดว่าหากปล่อยเช่นนี้ต่อไป ดาบิจะถอดทุกความลับและความคิดของเขาออกมาจนหมด
เขารู้เท่าทันกระทั่งว่าฮอว์คต้องการอะไรบ้างจากงานแถลงข่าววันนี้
ดาบิดูคล้ายไม่คิดคำนึงถึงอะไรมากกว่าการเผาทำลาย เหมือนตามอารมณ์มากกว่าสิ่งใด แต่เนื้อแท้แล้วเขาคิดคำนวณทุกอย่าง
ฉันคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ทุกวันจนแทบบ้า
“ระวังตัวไว้ ฮอว์ค” ดาบิกล่าวเสียงเนือยราวกับถ้อยคำที่เกลาออกมาไม่ใช่คำขู่ “ความตายไม่ใช่จุดจบที่เลวร้ายที่สุด ฉันอุตส่าห์เสนอทางออกให้แล้ว นายก็ยังจะบินกลับเข้ากรงอีก”
ตัวย่อลงข้างศพที่มอดไหม้ ดาบิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทของวิลเลนที่ตายไป หยิบขนนกที่ถูกเผาหายไปครึ่งหนึ่งขึ้นดู
ไฟสีฟ้าปะทุขึ้น ขนนกกลายเป็นฝุ่นผงลอยไปกับอากาศ ฮอว์คกัดริมฝีปากสะกดความเจ็บที่เชื่อมโยงระหว่างตัวเขากับปีก
“รีบรักษาตัวให้หาย ฉันไม่อยากสู้กับนกที่ร้องไม่เป็นเวลาใกล้ตาย”
เสียงไซเรนดังใกล้เข้ามา ดาบิถอยหลังกลับ หลบอัตลักษณ์ของเบสจีนิสต์ที่เคลื่อนเข้ามาดักทางไว้ได้อย่างฉิวเฉียด
ไฟสีครามคลอกพื้นและอากาศรอบบริเวณ ฮอว์คจำต้องถอยออกมาอีกครั้ง เขาเพ่งสมาธิเพื่อหลบเปลวไฟและติดตามตัวดาบิ
ทว่าวิลเลนผมขาวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนครั้งปรากฏตัว
“อัตลักษณ์เคลื่อนย้ายเหรอ” เบสจีนิสต์เดินกลับมาหยุดข้างตัว มองสภาพท้องถนนที่จมทะเลเพลิงพลางใช้ใยห่อหุ้มตัววิลเลนที่สลบไม่ได้สติให้ถอยห่างออกมาในระยะปลอดภัย
ฮอว์คหยิบมือถือออกมา “อาจจะ”
“ทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรนายเลย”
“เขาแค่มาขัดขวาง” ฮอว์คพิมพ์หน้าจอ รู้สึกหมดเรี่ยวแรง “เขารู้ว่าฉันอยากสะกดรอยพวกที่เข้ามาโจมตีกลับไปที่ฐาน”
เบสจีนิสต์พยักหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้รู้ในตอนนี้ เราก็ยังไม่พร้อมเข้าไปจับพวกเขาอยู่ดี”
“พวกเขาก็ยังไม่พร้อมเหมือนกัน” ไม่อย่างนั้นคงปล่อยให้เขาลอบติดตามและซ้อนแผนกลับ
ฮอว์คเดินไปนั่งลงบนแผงกั้นถนนระหว่างที่รถตำรวจกับรถพยาบาลเข้ามาหยุดจอด หลับตาลงเพื่อบอกคนอื่นว่าเขาต้องการพัก
และต้องการเพ่งสมาธิตามหาขนนกที่ลอบบังคับให้ติดไปกับตัวดาบิ
ดาบิรู้ตัวว่าได้รับของกำนัลเล็ก ๆ มาจากฮีโร่ปีกหัก
ทว่าเขาปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้น รอเวลาหลังจากบอกเล่าเหตุการณ์ให้กับสมาชิกลีกที่ยังเหลืออยู่ ก่อนขอตัวกลับไปที่ห้องพัก ภายในห้องสี่เหลี่ยมปิดทึบที่ปราศจากสายตาสอดรู้สอดเห็น เขาจึงหยิบมันออกมาจากด้านหลังเสื้อยืด
ขนนก ดาบิไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่ก็ยังต้องสะดุดกับสีสันที่ผิดแผกไปจากเดิม
ไม่ใช่สีแดงสดแสบตา คราวนี้มันกลับเป็นสีแดงหม่นคล้ำจนแทบกลายเป็นสีดำสนิท
เหมือนสีของเลือดแห้งกรัง
รอยยิ้มคลี่ออกช้า ๆ ดาบิลูบขนนกบนริมฝีปาก ถอนลมหายใจที่ร้อนรนเหมือนไอหน้าเตาหลอม ใคร่ครวญถึงคำพูดที่ได้ฟังจากงานแถลงข่าว
เราจะรับฟังและหาทางออกในเรื่องนี้ เพราะเห็นได้ชัดว่าระบบฮีโร่ปัจจุบันคือความล้มเหลว
แต่การกระทำผิดกฎหมายก็จะไม่ได้รับการยกเว้น
แทนที่จะถูกทำลายกลายเป็นเถ้ามอด นกน้อยกลับตื่นขึ้นมาเหมือนไฟที่ไม่ยอมดับ
ดาบิคิดถึงดวงตาสีอำพัน โฉมหน้าของคนที่ทำทุกอย่างเพื่อภารกิจ กับชายอีกคนในวันนี้ที่สงบเยือกเย็น บาดเจ็บ แต่พร้อมจะกางเขี้ยวเล็บใส่ใครก็ตามที่เข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ดาบิคิดและคิด ฉายภาพเหตุการณ์วันนี้ในหัวซ้ำไปมาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
คิดและกระหาย อยากเห็นปีกคู่ใหม่ของทาคามิ เคโกะ จนแทบบ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น