วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2565

[DCU] A Letter to No One (Batman & Rogues Gallery)


A Letter to No One

DCU (Comics), Batman, The Batman (2022)

— Batman & Rogues Gallery —

Warning : Graphic Depictions Of Violence, Questionable way of flirting, Unethical Behavior, Low-key Manipulation.

Summary : จดหมายไม่จ่าหน้าผู้รับ ไม่สำแดงนามผู้ส่ง จากหลากบุคคลถึงคนเพียงคนเดียว

Note : Alternate Universe - Canon Divergence






I


“ทำไมเขาเขียนถึงคุณ”

กอร์ดอนกลั้นลมหายใจขณะเอ่ยคำถาม คุณสบตาเขา พบกับความงุนงง สับสน และหวาดระแวง ตลอดสองปีมานี้ไม่มีใครกล้าพอที่จะไล่ตามแบทแมน อย่าว่าแต่เรียกร้องความสนใจเลย นี่เป็นครั้งแรก

อะไรบางอย่างบอกกับคุณว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย อะไรบางอย่างนั้นพลอดบอกแก่นายตำรวจตรงหน้าด้วยเช่นกัน

ความกลัวขับไล่อาชญากรข้างถนน นักการเมืองผู้ละโมบมาก และเดนมนุษย์ที่มีศีลธรรมต่ำตม คนพวกนี้ขี้ขลาด รักชีวิตเกินทน ไม่อาจอดกลั้นต่อความเจ็บปวด แต่ความกลัวใช้ไม่ได้ผลกับพวกหมาจนตรอก คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย พวกที่ถูกผลักจนสุดผาแล้วตกลงมาแต่ไม่ยอมตาย

อัลเฟรดเคยบอกกับคุณว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ ความกลัวคือหนทางหนึ่งที่มักให้แต่คำตอบที่อยากได้ยิน เมื่อพวกหนึ่งกลัว อีกพวกหนึ่งจะลุกฮือ อาจถึงขั้นถวิลหา

คนบางจำพวกก็มีสายสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดกับความกลัว

“คนโกหกทำอะไรต่อเมื่อเขาตาย”

ชายที่สื่อเรียกขานว่าริดเลอร์เอ่ยปริศนาคำทายในจดหมาย

“คุณรู้คำตอบอยู่แล้วใช่หรือเปล่า” เสียงที่ลอดผ่านหน้ากากกันหนาวแตกพร่า ความตื่นเต้นสะท้านสะเทือนในทุกอักขระโคน “คุณย่อมรู้ ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งเต้นไปทั่วเพื่อตามหาตัวผม พวกเขาพูดต่อกันว่าวิธีลงทัณฑ์ของคุณนองเลือด แต่แค่เลือดไม่พอ อวัยวะบอบช้ำเหรอ กระดูกแตกหักเหรอ อย่าคิดว่าผมไม่สังเกตเห็น คุณไม่เคย…”

ริดเลอร์ชูสองนิ้วมือขึ้นเป็นรูปกรรไกรตัดฉับบนลำคอ

“คุณหลอกผมไม่ได้” รอยยิ้มในน้ำเสียงดังชัด “และจะไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่จับโกหกได้”

ความกลัวชนิดใหม่ล้วงผ่านชุดเกราะ ไต่ตอมบนไขสันหลังเหมือนแมลงชอนไช

ประโยคที่ริดเลอร์เอ่ยออกมาไม่เพียงแต่เป็นคำกระทบแดกดัน มันยังเป็นคำสัญญา

“เกาะขอบหน้าผาให้มั่น แบทแมน” ชายเจ้าปริศนาหัวเราะขณะที่ถูกตำรวจลากออกไป “อย่าตายก่อนได้แก้ไขคำลวงของตัวเอง”

ไม่มีใครเข้าใจความหมายที่ซ่อนในบทสนทนา ตำรวจกับคนทั้งเมืองเคยคิดว่าแบทแมนคือนกต่อของบางสิ่งที่เลวร้ายกว่าการคอร์รัปชั่นหรือการฆาตกรรม เป็นแผนสมคบคิดอันน่าพรั่นพรึงของชายสติไม่ดีที่มีอำนาจในมือมากเกินไป แต่เวลานี้พวกเขาเข้าใจ ปริศนาของริดเลอร์เปิดกล่องแพนโดร่าที่กักเก็บความโสมมของก็อทแธม และความทะเยอทะยานเดียวของแบทแมนคือชำระล้างมันเสีย

พวกเขาไม่เข้าใจว่าส่วนหนึ่งของปริศนาคำทายนับร้อยที่โปรยปรายทั่วเมืองพร้อมกับศพอันแน่นิ่ง ปริศนาที่คล้ายว่าไม่ได้จ่าหน้าถึงใครคนใดคนหนึ่ง คือจดหมายส่วนตัวถึงผู้รับเพียงคนเดียว





II


“เขาเขียนถึงคุณ”

กอร์ดอนไม่ได้สะกดลมหายใจหรือกล่าวด้วยสำเนียงถามไถ่ เขาเอ่ยด้วยความสงสัยเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เคยมีมาแต่ยังไม่อาจไขข้อข้องใจ พวกคุณรู้ว่าจะมีครั้งที่สอง แต่ไม่นึกว่ามันจะมาอย่างเปิดเผย โจ่งแจ้ง

เขาสลักชื่อของแบทแมนบนตัวเหยื่อทุกคน ท่ามกลางรอยกรีดขีดฆ่านับไม่ถ้วนตรงตำแหน่งถึงชีวิต

“คนพวกนี้ไม่ใช่พลเมืองทั่วไป” สแตนลีย์ เมอเคิล นายตำรวจหนุ่มผู้ช่วยกอร์ดอนกล่าวก่อนหัวเราะขึ้นจมูก “เป็นพวกของมาโรนี่ เขาทำงานแทนคุณ”

“เขาไม่ได้ทำงานให้ใคร” คุณกล่าวดังชัด ความโกรธลามเลียผ่านเสียง เมอเคิลยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมรับความผิดก่อนเดินเลี่ยงไปอีกทาง คุณไม่แยแสท่าทางประหม่าของตำรวจที่เหลือ หรือสายตาของกอร์ดอนที่ยืนเท้าเอวมอง

“นี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย” กอร์ดอนเอ่ยแผ่วเบา และเมื่อเอ่ยออกมา คำสัญญาของริดเลอร์ก็คล้ายเป็นสิ่งจับต้องได้บนโลกแห่งความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้อีกแล้ว

“พวกเขาลอกเลียนแบบกัน” คุณยอมรับ นายตำรวจใหญ่เลิกคิ้ว

“รายละเอียดคดีคราวก่อนไม่ได้ออกสื่อ”

“ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นความลับ หลายคนเห็นจดหมายนั่น”

กอร์ดอนขมวดคิ้วจ้อง ไม่ชอบใจที่เจ้าหน้าที่ของเขาต้องคำกล่าวหา แม้รู้แก่ใจว่าครึ่งหนึ่งนั้นไม่ได้ใจซื่อมือสะอาด มีสายของบรรดาแก๊งต่าง ๆ อยู่ในกรมตำรวจ

ริดเลอร์ไม่ใช่คนของใคร เขาทำงานด้วยตัวคนเดียวพร้อมกับตั้งปัญหาเชาวน์เพื่อกระชากหน้ากากนักบุญจอมปลอม แต่อาชญากรรายใหม่ข้องเกี่ยวกับมาเฟีย เป็นฆาตกรที่ฆ่าเพื่อความสนุก ส่งผ่านคำเตือนด้วยการเฉือนเนื้อเถือกระดูก เป็นหมาล่าเนื้อที่รับคำสั่งนายอย่างเต็มอกเต็มใจ

ชื่อของเขาไม่ได้มาจากคนในโทรทัศน์ แต่ออกมาจากปากตัวเอง “วิคเตอร์ ซาส ยินดีที่ได้รู้จัก” และโค้งตัวโดยมีมีดเปื้อนเลือดอยู่ในมือ

แบทแมนตอบคำแนะนำตัวด้วยกำปั้นกับตั๋วเที่ยวเดียวเข้าคุกแบล็กเกท

“สิบปีก็แค่ชั่วพริบตา” ซาสเอ่ยอย่างมั่นใจ ดวงตาลุกโพลงหิวกระหาย ร่องรอยที่ฝากไว้บนตัวคุณยังไม่เติมเต็มท้องของเขา ใช่ว่าซาสจะเห็นทะลุเกราะหนังสีดำเหล่านี้ แต่เขาย่อมรู้ผ่านแรงสะท้อนกลับ คมมีดยังสัมผัสไม่ถึงเนื้อ บนตัวมีแค่รอยช้ำคล้ำม่วง

คุณมองเขาจากเงามืด “จะมีคนยืดเวลาของนายให้นานกว่านั้น”

“งั้นเหรอ” ซาสไม่สะดุ้งสะเทือน ดูเหมือนสิ่งเดียวที่กระตุ้นความสนใจเขาได้คือใบมีดและเลือด “อย่าแน่ใจนัก แบทแมน ข้างนอกนั่นไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว”

คุณมองส่งเขาจนกระทั่งรถขนนักโทษลับหายจากเมือง เมื่อไม่มีใครเข้าแทรกแซงการขนย้าย ประโยคท้ายของซาสยิ่งทำให้คุณไม่อาจสงบใจ

แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก พวกนอกกฎหมายยังคงหวาดเกรง หลบหนียามเห็นสัญลักษณ์ค้างคาวบนท้องฟ้า

ความสงบดำเนินไปเหมือนคลื่นใต้น้ำจนกระทั่งการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่





III


มันไม่ใช่จดหมาย แต่เป็นโพสต์อิทจากห้องทำงานหนึ่งในสำนักงานอัยการที่ตกอยู่ในสถานที่เกิดเหตุระเบิด

คล้ายลมหนาวเป่ารดลงมาในปอด เหรียญมีสองด้านเสมอ คือคำบอกเล่าจากอัลเฟรดที่คุณส่งผ่านไปให้ฮาร์วีย์ เดนท์

ให้ทูเฟซ

“ฝีมือมาโรนี่” ชายสองหน้ากล่าวเสียงอ่อนแรง คล้ายกับตรอมใจให้รูปโฉมที่เน่าสลาย คล้ายทอดถอนใจให้กับเด็กที่ไม่รู้กาลเทศะ “ไม่ต้องห่วง ฉันให้ความยุติธรรมพิพากษาเขาไปแล้ว”

เดนท์ทำท่ากำมือแล้วดีดนิ้ว

“เหมือนกับเบลล่า รีอัล” ผู้ลงสมัครนายกเทศมนตรีที่สิ้นชีพลงในเพลิงกัมปนาท คุณกดเสียงข่มอารมณ์ “นั่นเป็นความยุติธรรมได้ยังไง”

“นายไม่เห็นหรือ เหรียญมีสองด้าน หมุนคว้างในอากาศ โอกาสมีอย่างละครึ่ง เหมือนความเที่ยงธรรมในชั้นศาล คำตอบมีแค่สองอย่าง ไม่บริสุทธิ์ก็มีความผิด” ทูเฟซโบกมือ “ถามจริง ไม่หรือ ทั้งที่นายก็ทำมันอยู่ทุกคืน”

“สิ่งที่ฉันทำไม่เหมือนกับนาย นายฆ่าผู้บริสุทธิ์”

“แล้วนั่นทำให้ฉันตกฟากเปรอะสนิม ส่วนนายอยู่ด้านที่สะอาดเงาวับเหรอ ไม่เอาน่า เราลองมาเล่นโยนเหรียญกันสักตั้ง พิสูจน์ดูว่าคำพูดนั้นจริงแค่ไหน”

ริมฝีปากข้างหนึ่งแสยะกว้างเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าชมมอง เช่นเดียวกับอีกด้านที่เสียโฉม หรืออาจชวนสะท้อนใจยิ่งกว่า เมื่อเทพบุตรซึ่งคุณหวังว่าจะเป็นอัศวินเสื้อคลุมขาวที่ทำงานใต้แสงตะวัน กลับกลายเป็นชายวิปริตที่ไม่อาจทนรับความทรมานใต้น้ำมือของมาเฟียได้จนต้องแบ่งแยกตัวตนเป็นสอง

เขาคือผลลัพธ์จากความผิดพลาดของคุณ

“วิธีของนายไม่ได้ผล” ทูเฟซกระซิบขณะยืนหน้ารถโรงพยาบาลอาร์คัม สวมกุญแจมือและสวมชุดสีส้มอันเป็นเครื่องแบบของผู้ป่วยจิตเวชกับนักโทษ “เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม แบทแมน”

คุณยืนเงียบ ไม่มีคำกล่าวใดจะมอบให้นอกจากความเข้าใจที่สอดรับภายในหัว

ทุกอย่างมีคู่ตรงข้าม ทูเฟซพกเหรียญสองเหรียญ อันหนึ่งแบ่งด้านสีเงินสะอาดกับเปื้อนรอยเขรอะข่วน อีกอันเป็นเหรียญเหมือนหลอมกลืนจากสนิม ไม่เหลือพื้นผิวสะท้อนแสงสีเงิน

ทูเฟซแสดงเหรียญเดียวต่อหน้าคนที่เขาพิพากษาเท่านั้น





IV


“ชอบของที่ฉันส่งไปให้หรือเปล่า”

ไม่เคยมีใครเอ่ยคำถามประเภทนี้กับคุณมาก่อน ไม่มีใครเคยถามว่าแบทแมนชอบหรือเกลียดอะไร ทุกคนรู้ดีว่าคุณตามหาและลงโทษอาชญากร อาจด้วยความคะนองโลหิตหรือโหยหาความรุนแรง แต่ไม่มีใครเคยตั้งคำถาม

พอยซันไอวี่คือคนแรก และเป็นอีกครั้งที่คุณสงสัยว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย “ไม่”

หญิงสาวผมแดงที่รายล้อมด้วยเถาวัลย์กับแมกไม้สีขจีดูไม่ประหลาดใจกับคำตอบ “แหม อย่างน้อยฉันก็พยายาม”

มนุษย์กลายพันธุ์กับบริวารนั่งบนพื้นไม่ขยับ แต่คุณไม่นับว่านั่นคือสัญญาณสิ้นสุดอันตราย “กลิ่นของดอกไม้ฉุนเกินไปหน่อย”

“แต่ไม่ฉุนพอที่จะหยุดคุณนี่”

ช่อดอกไม้แฝงพิษของไอวี่มีฤทธิ์มากพอจะล้มคุณให้หลับอย่างไม่มีวันตื่น ละอองเกสรเพียงเล็กน้อยสามารถฆ่าคนทั้งสถานีตำรวจได้ถ้าคุณไม่ระแคะระคายเกี่ยวกับการทดลองที่ผิดพลาดในศูนย์วิจัยพันธุ์พืชมาก่อน

อาชญากรบนโลกหลังการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาวในเมโทรโพลิสคล้ายจะมีจุดร่วมเหมือนกันคือความผิดพลาด ราวกับพวกเขาได้รับอนุญาตให้ข้ามขีดจำกัดบางอย่าง และกลายเป็นอะไรอื่นที่ต่างจากสิ่งที่คนทั่วไปรับรู้

แต่ความผิดของพวกเขาไม่ใช่เพราะแตกต่าง ทว่าเป็นวิธีการนำพลังพิเศษไปใช้ มันทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง ไม่เว้นแม้กระทั่งตนเอง

คุณเกรงว่าวันหนึ่ง แค่ความมุ่งมาดปรารถนาก็ไม่เพียงพอที่จะหยุดความมืดของก็อทแธม

“คุณรู้ได้ยังไง” ไอวี่ถาม สายตาฉงนทว่าคมกริบ “รู้ได้ยังไงว่าฉันจะทำอะไร คุณจับตาดูอยู่ตลอด หรือเพราะการ์ดที่แนบไปให้มันชัดเจนเกินไป?”

คุณไม่ทันกล่าวเฉลย เสียงกระทบเท้าดังขัดจังหวะจากภายนอก กอร์ดอนนำกำลังตำรวจเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ คุณพยักหน้าให้กับนายตำรวจแล้วเอ่ยกับคนที่เหลือ “ระวังหนาม”

ทุกคนในเรือนกระจกสะดุ้งตัวโยน เว้นแต่กอร์ดอนกับไอวี่

พอยซันไอวี่กรีดยิ้มที่ทำให้คุณระลึกถึงชายอีกคนที่ชมชอบการกรีดฝากรอยบนหนังมนุษย์ “พวกเขากลัวคุณ”

“พวกเขาควรจะกลัว” คุณตอบ “คุณก็ด้วย”

สีสันที่เผือดหายเมื่อแรกเดินเข้ามาในเรือนกระจกไม่ได้หลุดรอดจากสายตาของคุณ คุณเห็นปฏิกิริยานี้จากทุกคน ถ้าไม่ในชั่วยามแรก ก็เป็นเวลาต่อมาหลังจากเห็นวิธีที่คุณจัดการกับพวกล้ำเส้น

ไอวี่มองอย่างครุ่นคิด “คุณอยู่เวลาที่พวกเขาใส่กุญแจมือตลอดเหรอ”

คุณแสดงให้หญิงสาวเห็นแทนคำตอบ ยืนนิ่งรอคอยอย่างใจเย็นเหมือนรูปปั้นระหว่างที่ตำรวจกระชับพื้นที่เข้าไปจับกุมมนุษย์กลายพันธุ์ คอยสังเกตและออกเสียงปรามเมื่อมีคนขยับเขยื้อนโดยประมาท มีสิ่งที่ไม่รู้แวดล้อมมากเกินไป เหมือนสนามเพลาะที่อาจเหยียบโดนกับระเบิดเมื่อใดก็ได้

คุณมีเหตุผลที่อยู่ดูทุกขั้นตอน แต่ไม่ได้หมายความว่ามีแค่เหตุผลเดียวที่รั้งตัวคุณไว้

“เคยเห็นดอกไม้พวกนั้นมาก่อน” คุณพูด ตอบคำถามที่ค้างมาก่อนหน้า

ไอวี่เหลียวกลับมามอง ความประหลาดใจสว่างวาบในดวงตา “คุณเคยได้รับมัน”

คุณเคยได้รับช่อดอกไม้จากการร่วมงานแต่งของนายกเทศมนตรีคนใหม่ ช่อดอกไม้โยนจากมือเจ้าสาวหล่นลงบนตักคุณราวกับจงใจ ดอกไม้เพาะพันธุ์เพียงหนึ่งไม่มีสอง หาไม่ได้อีกแล้วจากที่ใดในโลกนอกจากศูนย์วิจัยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งกำลังสูญทุนรอน

คุณเคยได้รับในฐานะบรูซ เวย์น

“ทำแบบนี้ไม่กลัวฉันจะตามตัวเจอหรือ” ไอวี่คลี่รอยยิ้มซ่อนนัย

คุณเมินเฉยเสมือนว่าปฏิเสธ แต่ภายในใจนั้นเต้นระส่ำจนเชื่อได้ว่าหากใครสักคนกล้ายืนใกล้สักนิดคงได้ยินความกลัวที่กำลังฉีดพล่านในเส้นเลือด แน่นอน คุณหวาดกลัว หน้ากากไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อสวมประดับหรือป้องกันกระสุนสังหาร มันยังมีไว้เพื่อปกป้องคนรอบข้างของคุณด้วย

เพื่อปลูกฝังความกลัวในจิตใจผู้อื่น คุณยิ่งต้องกลัวมากกว่าใคร





V


คุณมีประสบการณ์ลึกซึ้งกับความกลัว แต่สัมผัสของความกลัวครั้งนี้ถลำลึก

“คุณเห็นอะไร”

ชายสวมหมวกคลุมที่ทำจากผ้ากระสอบโน้มตัวลง เอียงคอ เหมือนเด็กมองสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คุณยันมือสองข้างกับพื้น เหงื่อเย็นไหลผ่านปลายคาง หายใจอย่างไรก็ไม่ทั่วปอด ภาพที่เห็นราวมองผ่านกระจกฝ้า ทุกอย่างพร่าเลือนสะเทือนลั่น เค้าโครงสีสันจับสั่นและหดขยาย พร้อมจะแตกกระเจิงในนาทีใดนาทีหนึ่ง

ต่อหน้ามีแค่ชายคนหนึ่ง แต่เลยลาดไหล่ของเขาไปคือความมืดไร้รูปร่างขยับวาบเหมือนแสงดาวตก แต่สะท้อนสายตาคล้ายผิวมุก เสียงครืดคราดชวนเสียดฟัน ขย้อนผ่านโพรงกลวงเช่นรังผึ้ง ปะปนด้วยคำระโหยโรยรา เสียงสะอื้นอ้อนวอน ก่อนกระชากดับด้วยเสียงดังปัง

คุณเห็นมือตัวเองเปื้อนเลือด

“เป็นคนอื่นคงร้องลั่นทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว” สแกร์โครวชันเข่าลง ยื่นหน้าเข้าใกล้ “หรือไม่ก็สลบ”

คุณเขม้นตามอง “แก๊ซนั่น…”

“คุณแยกออกหรือว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง” อีกฝ่ายยังคงต่อบทสนทนาของตน ไม่ใส่ใจว่าไพ่ตายโดนเปิดโปง เขาดูไม่สนอะไรนอกจากหาจุดบกพร่องในสูตรเคมี สแกร์โครวนั่งขัดสมาธิข้างคุณ ดวงตาวาวชัดผ่านช่องผ้าคลุมหัวราวกับพบของเล่นถูกใจ “นี่คงไม่ใช่ครั้งแรก”

“เปล่า” คุณสูดลมหายใจ พยายามลุกขึ้นยืน ตำรวจกำลังจะมา คุณไม่อยากให้พวกเขาเห็นแบทแมนในสภาพนี้ คนที่ตัวสั่นให้กับแค่เงาที่ขยับใต้แสงนีออน “ฉันเห็นมันทุกคืน”

ทุกครั้งที่หลับตา

ฝันร้ายมักเลือนหายเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ทิ้งไว้แต่ความหนาวเหน็บ หัวใจที่เต้นดังเหมือนเพิ่งเดินผ่านเส้นตาย

“นายไม่เห็นมัน”

“โอ้” สแกร์โครวขยับศีรษะ “ไม่เห็นเหมือนที่คุณเห็นน่ะหรือ”

“ถ้าเห็นเหมือนกันคือของจริง ถ้าเห็นไม่เหมือนกันนั่นคือภาพหลอน”

“เข้าใจล่ะ มีวิธีแบบนี้อยู่ด้วย” ชายที่แต่งกายคล้ายหุ่นไล่กาตบมือบนเข่า เงยหน้ามองคุณโดยไม่มีท่าทีระย่นย่อ “แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็จับจุดอ่อนงานของผมได้ ครั้งถัดไปจะไม่ส่งจดหมายเตือนล่วงหน้าแล้วนะ แบทแมน”

คุณขยับถอย พื้นโกดังหมุนคว้าง แต่สองเท้าหยัดมั่น เสียงกล่าวเตือนของชายสูงวัยผู้เป็นพ่อบ้านและเป็นทุกอย่างดังออกมาจากหูฟัง คุณหลับตาตั้งสมาธิ บอกตัวเองว่าความมืดที่สยายปีกอยู่หลังสแกร์โครวไม่มีตัวตนนอกจิตใจ

“ครั้งถัดไปคุณจะกลัว”

คุณปรายตาตามเสียง การขยับศีรษะเป็นภาระที่หนักหนาเกินไปในเวลานี้

สแกร์โครวมองตอบด้วยสายตามุ่งมั่นตั้งใจ

“จะไม่มีครั้งถัดไป” คุณบอก

เสียงรถตำรวจชัดขึ้นเรื่อย ๆ คุณก้าวหลบไปทิศตรงกันข้าม ทิ้งนักประดิษฐ์ความกลัวใต้แสงไฟกับแมลงเม่า นั่งเหยียดแขนขาเหมือนรอคนมารับกลับบ้าน

“ไม่ใช่สำหรับพวกเขา” สแกร์โครวพยักพเยิดไปยังแสงสีน้ำเงินกับแดง “สำหรับคุณ”

“ไม่จำเป็น” คุณจมหายเข้าไปในเงา พ้นสายตา ปล่อยให้หุ่นไล่กาตกอยู่ในความสงสัย “นายทำสำเร็จไปแล้ว”





VI


หลังจากริดเลอร์ มีวายร้ายและตัวอันตรายไม่น้อยที่เป็นฝ่ายตามล่า วางอุบายและแผนการต่อแบทแมน ทว่าไม่เคยมีใครพยายามเข้าหานอกเหนือจากเวลาสวมหน้ากาก คล้ายมีกฎที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขา จะโจมตีอย่างไรก็ได้ จะฆ่าเสียเลยก็ได้ จะใช้กลลักลั่นทิ่มแทงจุดอ่อนที่อีกคราบหนึ่งของศาลเตี้ยแห่งก็อทแธมอย่างไรก็ได้ แต่จะไม่มีการแตะต้องคุณเวลาที่สวมบทบาทบรูซ เวย์น

แต่มีครั้งแรกสำหรับทุกอย่างเสมอ กับความลับนี้ก็เช่นกัน ข้อแม้เดียวที่ต้องจำยอมให้ด้วยความกลัว

คุณกำลังมองไพ่ในมือด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อตอนที่พนักงานชุดสูทผูกหูกระต่ายเดินเข้ามาในห้อง ทุกสายตาบนโต๊ะขยับตาม พวกคุณไม่ค่อยถูกรบกวนในเวลาแบบนี้เพราะคำกำชับนักหนาว่าต้องไม่มีใครรู้ว่าเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลระดับต้น ๆ ของก็อทแธมกลุ่มหนึ่งมักหลบฉากงานเลี้ยงมานั่งเล่นโป๊กเกอร์ในห้องเก็บของทึมทึบที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมหรู

คุณรับซองจดหมายสีม่วงอ่อนจากพนักงานที่มีสีหน้างุนงงไม่ต่างกัน จากคำบอกเล่า มันปรากฏในกระเป๋าเสื้อของผู้จัดการใหญ่ ระบุชื่อผู้รับบรูซ เวย์น แต่ไม่ระบุชื่อผู้ส่ง

“คงเป็นจดหมายรัก” ชายสูงวัยผมสีดอกเลาที่สวมแหวนสีทองวงใหญ่ยกแก้วแชมเปญขึ้นทาบรอยยิ้มล้อ “อย่าทำหน้าประหลาดใจแบบนั้นสิ เธอไม่คิดว่าจะมีใครตกกระไดพลอยโจนให้กับผมสีเข้มกับดวงตาสีฟ้าแบบนั้นเลยหรือไง”

สุภาพสตรีเพียงคนเดียวในกลุ่มหัวเราะขึ้นจมูก เป็นชายอีกคนที่นั่งฟากตรงข้ามเธอหัวเราะดังยิ่งกว่า “ถ้ามองข้ามนิสัยประหลาด ๆ ไปได้ล่ะนะ”

“พูดเรื่องอะไรกัน” ฮอเรซ โรว์แลนด์ วางแก้วแชมเปญ ตากะพริบพร้อมเอ่ยเสียงซื่อ แต่ใครต่างก็รู้ว่าไม่มีส่วนประกอบใดของชายที่คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจยาและเคมีที่ใสซื่อ “บรูซ เวย์น เป็นเด็กดี แทบไม่ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ได้ยินว่าเขาเข้านอนตรงเวลาทุกคืน เป็นเด็กอนามัยตัวอย่างเลยนะ”

คาร์ล มอนทาจ เคาะปลายบุหรี่ไฟฟ้าทั้งที่ไม่มีขี้เถ้าคุปลาย ความเคยชินหนึ่งอันเป็นพฤติกรรมติดตัวที่เขาสลัดไม่หลุด “ไม่ใช่ว่าซ่อนอะไรไว้หรือ อย่างเช่นงานอดิเรกวิตถาร หรือไม่ก็คนรักที่นำมาออกสื่อไม่ได้”

“เหมือนวอลเลอร์กับคุณน่ะหรือ” เมลานี วิทฟิลด์ เปิดไพ่ฟลัช เธอชนะในรอบนี้ ฮอเรซกับคุณวางไพ่ของตัวเอง คาร์ลโยนไพ่บนโต๊ะแล้วเก็บไม้เก็บมือเมื่อเห็นรอยยิ้มของสองเขี้ยวลากดิน

“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร” ประโยคนี้ไม่ต่างจากการเปิดสันหลังหวะของตัวเองให้คนอื่นชม

“คนรู้กันหมดว่าพวกคุณแอบพบกัน” เมลานีปรายตามาทางคุณ “กับเธอด้วยนี่บรูซ”

คาร์ลนั่งหลังตรง จ้องคุณอย่างตกใจ “เธอก็ด้วยเหรอ”

ฮอเรซหัวเราะในลำคอ เมลานีเผยรอยยิ้ม ชายเจ้าของธุรกิจอาหารหวานไม่นับเป็นอะไรเลยต่อหน้าพ่อค้าเคมีกับผู้พิพากษาใจหิน

คุณกระแอมไอ “เธอมีคำถามเกี่ยวกับเมตาฮิวแมนที่เคยทำงานให้บริษัท ไม่ใช่ว่าวอลเลอร์ถามเรื่องเดียวกันนี้กับคุณหรือ คาร์ล”

คาร์ล มอนทาจ ยักไหล่ พูดเป็นนัยแบบไม่ต้องการปิดงำ “เรื่องนั้น แล้วก็เรื่องอื่นด้วย”

เมลานีกลอกตา “เธอหลอกใช้คุณอยู่ รู้ตัวใช่ไหม”

“แล้วไง ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่มันจะพัฒนาไปเป็นอย่างอื่น”

“และก็บ้าเลือด เพนตากอนยังคุมไม่อยู่ แต่ใครจะรู้เล่าเมลานี เพื่อนของเราคนนี้อาจใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจเธอได้” ฮอเรซกล่าวด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ผู้พิพากษาหญิงย่นจมูก สายตาที่มองคาร์ลเหมือนมองคนที่หมดอนาคตไปแล้ว

“อายุขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่ทำตาขาวตั้งแต่ยังไม่เริ่มอะไรเลยหรอก” คาร์ลหายใจฮึดฮัดก่อนหันมาโยนอารมณ์ขุ่น ๆ ให้คุณ “แล้วเธอจะไม่เปิดจดหมายหรือไง”

คุณมองจดหมายที่วางทิ้งบนโต๊ะ ถอนหายใจ “ไม่รู้สิครับ ดูเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไร”

“ทำไมล่ะ” ฮอเรซพูด “แบ่งปันเรื่องราวความรักหนุ่มสาวสักนิดสักหน่อย เผื่อคนแก่แถวนี้จะได้รู้ว่าความโรแมนติกที่แท้จริงเป็นยังไง”

คาร์ลกอดอก ไม่ยอมลดราวาศอก ฮอเรซยิ่งขบขัน

คุณยกยิ้มบาง “คาดหวังสูงไปหน่อยนะครับ ไม่มีอะไรโรแมนติกในจดหมายฉบับนี้หรอก”

“งั้นเธอก็รู้ตัวคนส่ง”

คุณรู้ดีกว่าที่ใครคิด ทั้งสีสัน ลายมือ ทุกอย่างนี้บ่งบอกอัตลักษณ์ของตัวผู้ส่งอย่างชัดเจน คุณแค่ไม่นึกว่าเขาจะรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่นอกสนาม คุณไม่พร้อม แต่เขาไม่เคยรีรอหรือประวิงเวลาให้คุณเตรียมตัวมาก่อน มันไม่ควรจะเป็นเรื่องใหม่ คุณควรจะคาดเดาอนาคตนี้ได้

คุณหยิบจดหมายแล้วเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง

แสงสะท้อนจากโคมไฟคริสตัลระบายไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ เงาเลื่อมพรายจากเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับเป็นความสว่างหนึ่งในโถงที่ลดแสงลงเหลือเพียงครึ่ง คุณเดินผ่านผู้คนที่คุ้นหน้าตามหลากงานสังคม ยิ้มรับ ทักทายแล้วขอตัว เดินผ่านโซฟายาว เบาะนั่ง จนมาถึงโต๊ะเก้าอี้คู่ที่อยู่ชิดมุมหนึ่ง

มีชายสวมสูทขาวนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง เป็นชายร่างสูงชะลูด ผมสีเข้มที่หากมองให้นานจะเห็นโทนสีเขียวหม่นมืด เขานั่งไขว้ขาแขนพาดพนัก มองเหม่อไปยังวอลเปเปอร์ลวดลายกุหลาบ

คุณเดินเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันถึงตัว แสงสว่างวาบมาจากกลางห้องจัดเลี้ยง ความร้อนแผ่ออกมาเป็นคลื่นก่อนเสียงกัมปนาทจะผลักคุณกระเด็นชนผนัง

ทุกอย่างดับวูบในพริบตาเดียว





VII


“คุณโชคดีมาก” เซลิน่า ไคล์ เอ่ยในความมืด “แต่มีงานอดิเรกแบบนี้ก็คงต้องพึ่งโชคมากหน่อย”

คุณนอนราบบนเตียงในเพนท์เฮาส์ มีแสงไฟจากภายนอกสว่างลอดผนังกระจก เผยเค้าโครงหญิงสาวที่เดินนวยนาดประเมินหาของล้ำค่าในห้องนอนบนตึกระฟ้า คุณมองสายน้ำเกลือที่โยงจากแขน รู้สึกได้ว่าขาข้างหนึ่งสวมเฝือก เกือบสัปดาห์ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนบนเตียงก็ยังไม่ทำให้คุ้นชินกับอาการกึ่งคล้ายถูกมัดแขนขา “ไม่มีกระเช้าผลไม้เหรอ”

“ถือขึ้นมาบนหอคอยไม่ไหวน่ะสิ” แคทวูแมนหมุนตัวกลับมาพร้อมรอยยิ้ม เธอเดินเข้ามานั่งลงริมเตียง “ใกล้หายหรือยัง”

คุณหรี่ตา “คราวนี้ใครก่อเรื่องอีกล่ะ”

“ถามอะไรอย่างนั้น พวกเขาก่อเรื่องตลอด”

“แต่เธอไม่เคยเอามาเป็นธุระ” มองใบหน้าที่อารมณ์เลือนหายไปชั่วครู่ คุณยิ่งมั่นใจ “พวกเขาส่งเธอมา”

“พวกเขาโกรธมาก”

“มาโรนี่โดนจับไปแล้ว”

เซลิน่าแหงนคอหัวเราะ “ยังไม่ออกข่าวสินะว่าสุดท้ายแล้วอัยการส่งเขาไปที่ไหน”

คุณขมวดคิ้ว “ไม่ใช่แบล็กเกท”

“ไม่ใช่ มาโรนี่มีทนายดี พวกเขาทำเหมือนกับตาแก่นั่นสติหลุด อ้างความเจ็บป่วยทางใจแล้วส่งไปอาร์คัม”

ความเงียบตกลงมาเหมือนหินกระทบผิวน้ำ คุณผ่อนลมหายใจ จากข้อมูลและข่าวสารที่ได้รับตลอดช่วงเวลาที่พักรักษาตัวประกอบกันเป็นคำตอบอันไม่น่าอภิรมย์

“โจ๊กเกอร์รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วถึงยอมโดนจับ” คุณพูด “เขาจะฆ่ามาโรนี่”

“มาโรนี่คนน้องโง่กว่าที่คาด” เซลิน่ากล่าวอย่างสมเพช “ควรจะสังเกตสักหน่อยนะว่าทำไมคืนนั้นไม่มีใครเข้าใกล้เพนนินซูล่า ช่องโหว่ที่เปิดโล่งขนาดนั้นมักเต็มไปด้วยสารพัดกับดัก”

แต่คืนนั้นที่โรงแรมไม่มีกับดัก ประโยคที่เซลิน่าไม่ได้เอ่ยล่องลอยในอากาศ คืนนั้นมีบรูซ เวย์น

“ช่วยส่งจดหมายให้ได้หรือเปล่า” คุณเอ่ยขึ้น

ดวงตาของเซลิน่ามีแววระริก “ฉันเป็นแมว ไม่ใช่นกพิราบ”

“ถือว่าติดค้างครั้งหนึ่ง” คุณกล่าวต่ออย่างไม่ทิ้งช่วง พยุงตัวขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือดึงลิ้นชักข้างเตียง เซลิน่าลุกขึ้นเดินไปที่ชั้นหนังสือแล้วหยิบปากกามาควงในมือก่อนยื่นให้คุณ

คุณกล่าวขอบคุณ แต่เมื่อได้ปากกาแล้วกลับถือค้างไว้ สมองพลันขาวโพลนไม่ต่างจากหน้ากระดาษ

ชั่วครู่หนึ่งของความไม่รู้ที่จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร คุณนึกถึงจดหมายอีกฉบับที่กลายเป็นเถ้าในกองไฟ ไม่ทันได้เปิดอ่าน ไม่ทันรู้เนื้อความ ใจหนึ่งคุณโล่งอก แต่อีกใจหนึ่งนั้นหงุดหงิดคับข้อง เพราะคุณจะไม่มีวันรู้อีกแล้ว ไม่มีทางที่คุณจะเอ่ยปากถามโจ๊กเกอร์ว่าเขาเขียนอะไรถึงคุณ จดหมายฉบับนั้นกลายเป็นแมวในกล่องปิดตายตลอดกาล

คุณเขียนข้อความหวัด ๆ ลงไป พับกระดาษแล้วยัดมันลงซองจดหมายสีขาวธรรมดาก่อนยื่นให้เซลิน่า “ส่งมันผ่านฮิวโก้ สเตรนจ์”

เซลิน่ารับจดหมายเก็บใส่กระเป๋าคาดเอว “นายติดหนี้ฉันครั้งหนึ่ง”

“หยิบของติดมือไปสักชิ้นก็ได้” คุณยิ้มบาง ทิ้งตัวลงนอนปิดตา

ไม่มีความเคลื่อนไหวใดอยู่สักพักจนกระทั่งสัมผัสอุ่นนุ่มแตะโหนกแก้ม “หายเร็ว ๆ นะ แบทแมน”





A Letter


เสียงล้อเลื่อนลากบนพื้นหินอ่อน ผ่านโถงยาวที่เต็มไปด้วยประตูติดหน้าต่างลูกกรง ชายลงพุงสวมชุดยูนิฟอร์มสีเขียวเดินเข็นรถอย่างไม่รีบร้อนตามทาง ภาพผ่านกล้องวงจรปิดนี้ไม่มีส่วนใดผิดแปลก แต่ถ้าตั้งใจมองภาพพิกเซลที่แตกละเอียดแล้วจะพบว่าบนรถเข็นไม่มีถาดอาหาร กองผ้าพับ หรือข้าวของเครื่องใช้สำหรับนักโทษ

แค่จดหมายฉบับหนึ่ง

เจ้าหน้าที่เดินไปจนสุดโถง ถึงหน้าห้องขังที่ติดกลอนลงกลไกมากกว่าห้องอื่นอย่างเห็นเด่นชัด ชายคนนั้นหยิบจดหมายแล้วโน้มตัวลงสอดผ่านช่องประตู

“มีคนส่งหาแก” ชายคนนั้นบอกก่อนเดินกลับไปทางเดิม

มือเรียวยาวขาวประหลาดและมีข้อต่อนูนชัดหยิบจดหมายขึ้นมาฉีกอ่าน เกิดความเงียบขึ้นราวกับทั้งชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลอาร์คัมกำลังกลั้นหายใจ

แล้วเสียงหัวเราะก็ฉีกผ่านอากาศ ทะลวงทึ้งเหมือนมือกำรอบหัวใจ ยาวนานจนแน่ใจได้ว่าเสียงชนิดนี้ต้องคืบคลานถึงในฝัน ทั้งที่ข้อความแสนสั้น ไม่บอกชื่อผู้ส่ง ไม่กำหนดนามผู้รับ แค่ลายมือหวัด ๆ ราวกับเขียนส่งอย่างไม่ใส่ใจ





Be good



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น