วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

[MHA] Bet against, and win (Dabi/Hawks)


Bet against, and win

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Warning : Implied Sexual Content & Dubious Consent, Unhealthy Relationship.

Summary : โลกการเงินคือโลกมายา แต่คนบนยอดพีระมิดมักลืมว่ากลมายาสิ้นสุดได้ในทันทีที่ดีดนิ้ว

Note : Inspired by GameStop 





ตอนที่ประตูห้องทำงานกระชากเปิดและผู้ช่วยของเขาถลาเข้ามาพร้อมสีหน้าวิตกจริต เคโกะเตรียมรับปัญหาใดก็ตามที่จะดาหน้าเข้ามาอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะรู้ล่วงหน้าแต่เพราะประตูห้องกับผนังห้องทำงานของเขาทำขึ้นจากกระจก ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเขาพร้อมรับปัญหาที่อยู่ในระดับไม่เกินสามัญสำนึก ปัญหาที่ไม่ร้ายแรงถึงขั้นที่เขาต้องลุกจากความสะดวกสบายบนเก้าอี้และเดินออกไปทำสิ่งที่เรียกว่างาน ทว่าหากเขาเฉลียวใจได้ก็คงจะนึกออกว่าสามัญสำนึกคือสิ่งที่ถูกปั้นแต่งจนบิดเบี้ยวไปหมดแล้วในแวดวงการเงิน

โดยเฉพาะในวอลสตรีท

“ราคาแวนการ์ดสต็อปกำลังพุ่ง” ลุดวิกกล่าว คำพูดแทรกลมหายใจมากมายเช่นคนที่ไม่ได้สนทนากับใครนาน ทั้งยังแฝงอาการตื่นตระหนกที่พบเห็นได้ยาก ผู้ช่วยของเขาคือหัวกะทิระดับท็อปที่บุคลิกโดดเด่นในด้านของการหลีกเลี่ยงปฏิสัมพันธ์ทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่เรื่องงาน เคโกะจึงประมาณการได้ว่าเรื่องที่นำมาแจ้งมีระดับสาระสำคัญพอควร

ใครจะคาดว่าประมาณการนี้ยังต่ำเกินไป

“ตัวที่เราเพิ่งขายชอต1ไปเหรอ” เคโกะเลิกคิ้ว พวกเขาเดิมพันกับหุ้นตัวนั้นไปไม่น้อย “เร็วแค่ไหน”

“พุ่งเร็วแบบแนวดิ่ง”

เขาไม่เสียเวลาคิดหาความน่าเชื่อถือเลย ลุดวิกแทบไม่เคยพลาด แต่อย่างไรเรื่องสำคัญต้องได้รับการตรวจทานซ้ำเสมอ

เคโกะหันกลับไปที่คอมพิวเตอร์ สลับหน้าจอ คลิกเมาส์เลื่อนดูรายการราคาหุ้น

ความแปลกประหลาดประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน “มันขึ้นไม่ถึงสามเปอร์เซ็นต์”

“มันจะพุ่งในไม่กี่ชั่วโมงนี้แหละ”

“จากปัจจัยอะไรล่ะ”

ลุดวิกปัดผมยาวไปด้านข้าง ท่าทางอึกอัก เขาอธิบายพร้อมทำไม้ทำมือ “ผมอ่านกระทู้นี้ในเรดดิท...”

“นายอ่านเรดดิทในเวลางานอย่างนั้นเหรอ”

แวบหนึ่ง ลุดวิกส่งสายตาที่ถอดความได้ว่า คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ

“ประเด็นก็คือมีคนไม่ค่อยพอใจที่เราพนันให้บริษัทเกมสุดโปรดของพวกเขาเจ๊ง” ลุดวิกโคลงหัว “อันที่จริง ผมก็ไม่พอใจด้วยคนหนึ่ง”

เคโกะประกบมือเข้าหากัน รอให้ผู้ช่วยขยายความต่อ

“พวกเขาก็เลยชักชวนกันไปซื้อหุ้นเพื่อดันราคา”

“ฟังดูไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไร”

“อย่าดูถูกพลังของชาวเน็ต” ลุดวิกหรี่ตา “คุณรู้หรือเปล่าว่าปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์สำคัญสืบเนื่องมาจากการชักชวนในอินเทอร์เน็ตมากแค่ไหน”

เคโกะยกมือยอมแพ้ “ถ้าอย่างนั้น ส่งลิ้งกระทู้มาให้ดูหน่อย”

“ส่งให้แล้วในแชทส่วนตัว”

เคโกะหยิบมือถือขึ้นมาดู

ใช้เวลาไม่นานหน้ากระทู้เจ้าปัญหาก็โหลดข้อความจำนวนหนึ่ง จำนวนคนที่เข้ามาแสดงความเห็นยังไม่น่ากังวลเท่าจำนวนตัวเลขที่ดันกระทู้ให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ

“พวกเขาพูดเหมือนเราเป็นอีวิลคอร์ป2” เคโกะหัวเราะ

“แต่เราเป็นอีวิลคอร์ป” ลุดวิกเอ่ยเสียงเข้ม

คราวนี้เสียงหัวเราะผสมกับเสียงทอดถอนใจ

เคโกะจำต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ไปหาคุณแม่ของเรากัน”

หนุ่มสวีเดนยืนนิ่งเหมือนคนหลงทาง “คุณคิดว่าต้องนำเรื่องนี้ขึ้นไปแจ้งเธอเลยเหรอ”

“นายรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจกลายเป็นไฟลามทุ่งใช่ไหมล่ะ” เคโกะเหยียดแข้งขา เกือบจะเดินเท้าเปล่าออกจากห้อง แต่นึกขึ้นได้ว่าจะไปพบนายใหญ่ก็ควรรักษากาลเทศะเสียหน่อย แม้ตอนนี้เขาจะสวมเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มเสมือนอยู่บ้านก็ตาม “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”

ห้องของนาคาจิมะอยู่สูงขึ้นไปจากชั้นของพวกเขาเพียงชั้นเดียว

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องทำงานสุดหรูหราของผู้บริหารใหญ่ เคโกะเคาะประตูกระจก แล้วเปิดเข้าไปทันทีที่หญิงวัยกลางคนหันมาสบตา

“ทาคามิ”

“คุณนาคาจิมะ” เคโกะค้อมหัวเล็กน้อย “ขอโทษที่มารบกวน แต่มีเรื่องสำคัญที่คุณควรรับทราบไว้”

“ว่ามา”

“เราต้องซื้อหุ้นแวนการ์ดคืนเดี๋ยวนี้”

เสียงสูดลมหายใจเฮือกของลุดวิกดังมาจากด้านหลัง

นาคาจิมะแค่ประสานมือบนโต๊ะ ขมวดคิ้วมอง “ทำไมล่ะ”

“ตอนนี้มีพวกรายย่อยกำลังพยายามปั่นราคาหุ้นแวนการ์ดให้สูงขึ้น เราต้องรีบซื้อคืนก่อนจะเจ็บหนัก”

“แหล่งข่าวจากไหน”

แน่นอน โยนเรื่องตลาดเสรีออกนอกหน้าต่างไปเถอะ ทั้งหมดนั้นก็แค่เรื่องหลอกเด็ก ในวอลสตรีทมีใครสักคนคอยชักใยราคาสินทรัพย์อยู่เสมอ คนที่มีทุนหนากว่าคือฝ่ายได้เปรียบ

เคโกะฉีกยิ้ม “เรดดิท”

นาคาจิมะเงียบไปหลายอึดใจ

ผู้บริหารกองทุนเหลียวกลับไปยังเอกสารบนโต๊ะ แล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านต่อเป็นการไล่ทางอ้อม “ออกไปได้”

“คุณไม่เชื่อเหรอ”

“แค่กระทู้สุมแมลงเม่าไม่น่าเชื่อถือพอ ทาคามิ”

เคโกะนึกไม่ออกเลยว่าอะไรชวนหัวกว่ากันระหว่างหญิงวัยใกล้เกษียณรู้จักเรดดิทกับการที่หญิงคนเดียวกันนี้รู้ว่ามันเป็นหนึ่งในไซต์สุมแมงเม่า “แล้วอะไรที่เชื่อถือได้ล่ะ เอสแอนด์พีเหรอ”

คนทั้งโลกต่างรู้ บริษัทจัดอันดับคือตัวการแหกตาอันดับหนึ่งที่ทำให้คนล้มละลายในช่วงวิกฤติซับไพรม์ด้วยการรับรองหลักทรัพย์เน่า

“เธอจะให้เหตุผลในการซื้อคืนกับนักลงทุนยังไงล่ะ เพราะพวกไม่ประสงค์ออกนามในอินเทอร์เน็ตอยากจะปั่นราคาด้วยการซื้อหุ้นคนละไม่กี่ดอลลาร์เหรอ” นาคาจิมะพรูลมหายใจออกจมูก หาได้ยากที่เธอจะมีอารมณ์ขัน น่าเสียดายที่อารมณ์ขันนี้จะนำมาซึ่งหายนะ

อันตรายมักมาจากสิ่งที่เรามองว่าไม่เป็นพิษเป็นภัย เคโกะเรียนรู้เรื่องนี้มาไม่กี่คืนก่อนเอง แต่เขาคงไม่อธิบายให้สุภาพสตรีที่พ่วงตำแหน่งบอสใหญ่ฟังหรอกว่ามันทำลายเขาจนหมดสภาพอยู่บนเตียงอย่างไร

เคโกะยักไหล่ “ถือว่าผมเตือนแล้วนะ ลุดวิกเป็นพยาน”

นาคาจิมะส่ายหน้าระอา

“สมมติว่าราคาพุ่งขึ้น ต้องรอให้ขึ้นขนาดไหนถึงดึงกลับ”

“เราจะยึดตามแผน รอจนกว่าบริษัทนั้นล้ม”

“แต่ถ้ามันไม่ล้มล่ะ”

“กลับไปทำงานได้แล้ว” นาคาจิมะหมุนเก้าอี้

เคโกะไม่ดันทุรัง หากเป็นตัวเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อนก็คงมองว่านี่เป็นเรื่องตลกไร้สาระ

ระหว่างเดินกลับ ลุดวิกชะโงกหน้ามากระซิบ “ให้ผมคอยจับตาไว้ไหม”

“จับตาทั้งราคาและกระทู้นั้นด้วย” เคโกะพยักหน้า “แบบนาทีต่อนาทีได้ยิ่งดี”

พวกวอลสตรีทที่อวยกันเองนักหนาว่าเป็นมนุษย์ทองคำเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำจนร่ำรวย ไม่ได้ฉลาดอัจฉริยะอะไรเลย ก็แค่พวกที่ยึดคติว่าความไวเป็นของปีศาจ

พวกเขากลับไปที่ชั้นของตัวเอง ลุดวิกกลับไปนั่งคอกทำงาน เคโกะกลับเข้าห้องกระจก หยิบลูกบอลที่ตกบนพื้นขึ้นมาโยนสลับเล่นระหว่างสองมือ ตาคอยเหลือบมองโทรศัพท์มือถือกับวิวนอกหน้าต่าง

ใคร่ครวญในใจว่าเมื่อครั้งที่บรรดาบริษัทพากันล้มละลายในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ท้องฟ้าก็ยังเป็นสีฟ้าดุจเดิม และโลกก็ยังคงหมุนต่อไปอย่างไม่รั้งรอใครเหมือนกับวันนี้


 


 


สัญญาณความกังวลเริ่มก่อตัวในช่วงหัวค่ำ ภายใต้สายตาเชิงประท้วงของลุดวิก เคโกะยืนยันหนักแน่นว่าพวกเขาไม่ควรอยู่ทำโอทีต่อหากคุณแม่ไม่เห็นปัญหาใดจากสถานการณ์นี้ เขาเข้าใจความลุกลนของผู้ช่วยและบรรดาพนักงานที่เริ่มจับสังเกตได้ แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็แค่ฟันเฟืองจิ๋วจ้อยในยักษ์จักรกล หากคนคุมพวงมาลัยบอกว่าจะลุยต่อ พวกเขาก็คงต้องว่าตามนั้น

เคโกะไม่เคยยืดยาดเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เขาตรงดิ่งออกจากตึก แวะซื้อของสดเข้าห้อง ตั้งใจจะจบวันด้วยอาหารดีและถูกโภชนาการสักมื้อไปพร้อมกับดูเน็ตฟลิกซ์

แต่เพราะวันนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น หากวันนี้จบลงตามกิจวัตรก็คงจะธรรมดาเกินไปหน่อย

“ดาบิ” เคโกะเอ่ยเรียกชายร่างผอมสูงที่นั่งยองหน้าประตูอพาร์ตเมนท์ ทั้งท่าทางหยิบโหย่ง เสื้อคลุมสีดำ รอยสักและเจาะเต็มตัว น่าแปลกใจมากที่เพื่อนบ้านยังปล่อยไว้โดยไม่เรียกตำรวจ

เจ้าของชื่อเหยียดตัวขึ้นเหมือนแมวคร้าน มุมปากยกวงโค้ง ถอยให้เขาเดินเข้าไปเสียบคีย์การ์ดกับกุญแจ ดาบิเดินตามหลังเข้ามาก่อนแยกไปทิ้งตัวบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ มือหยิบรีโมทกดเลือกรายการในเน็ตฟลิกซ์ทันควัน ทำตัวราวกับเป็นเจ้าบ้านอีกคนหนึ่ง

เคโกะจัดของเข้าตู้เย็นเสร็จถึงมานั่งข้างอีกฝ่าย “ฝีมือนายใช่หรือเปล่า”

“พูดถึงเรื่องไหน” ดาบิเกาใต้คางตัวเอง ตายังมองแต่จอโทรทัศน์

“ชื่อของคนที่ตั้งกระทู้หุ้นแวนการ์ดคือทไวซ์” เคโกะเอนตัวนอนมองเพดานอย่างเฉื่อยชา “บังเอิญไปหน่อยนะที่คนตั้งกระทู้ชื่อคล้ายกับคนหัวอ่อนที่ถูกจูงจมูกได้ง่ายที่สุดในแก๊งของนาย”

ดาบิหลุดหัวเราะ “จะเป็นยังไงนะถ้าทไวซ์ได้ยินเรื่องนี้”

“เขาก็จะได้รู้ว่านายเป็นคนประเภทหวังผลสูงแต่ไม่ยอมเปื้อนโคลน”

“จะว่ายังไงได้ ทไวซ์เป็นคนมีวาทศิลป์โดยเฉพาะเมื่อเขาเชื่ออะไรบางอย่างแบบสุดหัวใจ”

เคโกะถอนหายใจ “อย่างน้อยเรื่องที่เขาเชื่อก็ไม่ผิดจากความจริง”

เสียงรีโมทโยนทิ้งลงพื้น ทีวีเริ่มเล่นหนังแล้ว เบาะโซฟาข้างตัวเคโกะยุบลงก่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักจะอ้อมพาดพนักพิงมาเกลี่ยเส้นผมของเขาเล่น

เคโกะกอดอก ตัวไหลไปพิงคนข้าง ๆ ตาดูซีรีส์ใหม่เกี่ยวกับเด็กสาวที่เป็นแฟรี่ ครู่ต่อมาถึงเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะตอนนั้นเหรอ”

ตอนนั้น คือเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่เขาทำงานตัวเป็นเกลียวตั้งแต่เก้าโมงถึงตีสี่

มนุษย์ทองคำไม่ใช่แค่ตำนานเมืองของวอลสตรีท และไม่สวยหรูอย่างที่ใครวาดหวังด้วย ถึงจะเสียสุขภาพทุกด้านไปบนกองเงินกองทอง แต่เสียก็คือเสีย คนกลุ่มเดียวที่เสียน้อยกว่าใครคือพวกหนึ่งเปอร์เซ็นต์บนยอดพีระมิด

ดาบิไม่ได้ออกความเห็นตอนพบสภาพเขา อย่างไรคน ๆ นี้ก็เป็นนักปฏิบัติมากกว่านักทฤษฎี และยังเป็นพวกซาดิสม์ที่เกิดอารมณ์กับคนไม่มีทางสู้ เขาไม่ออกความเห็นแต่ลงโทษซ้ำ ทิ้งท้ายเพียงว่าไม่ชอบที่คู่นอนถูกกระทำย่ำยีจากระบบทุนนิยมแทนที่จะเป็นตนเอง ก่อนหายตัวไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม

เคโกะสังหรณ์ใจอยู่แล้ว เขารู้ว่าดาบิเป็นทุกอย่างที่ตรงข้ามกับพวกพี้ยาข้างถนนแม้รูปลักษณ์จะทำให้เชื่อแค่ไหนก็ตาม การพบกันในงานดนตรีใต้ดินที่น่าจะกล่าวได้ว่าเป็นความบังเอิญยังออกจะเหลือเชื่อ ตัวตนของดาบิแทบตะโกนใส่หน้าใครก็ตามที่ทำเพียงปรายตามองว่าไม่แยแสสิ่งใดทั้งสิ้น ทำเหมือนปล่อยทุกสิ่งเป็นสายลมพัดผ่าน ทั้งที่ในหัวคิดคำนวณการกระทำและความเคลื่อนไหวรอบตัวตลอดเวลา ทำไมเคโกะจึงรู้เหรอ เพราะเขาก็เป็นคนประเภทเดียวกัน

ไม่รู้เพราะเห็นว่าการคบหากันมีความเสี่ยงหรือเปล่า เขาถึงรู้สึกดึงดูดให้เข้าหาดาบิเหมือนแมลงบินเข้ากองไฟ สถานะทางสังคมต่างกันมาก แต่กลับเหมือนกันมาก เขาเกลียดที่ดาบิหยาบคายก้าวร้าวและเห็นแต่หนทางสุดโต่งในการแก้ปัญหาเมื่อแตะเรื่องความวิปริตผิดเพี้ยนของสังคม ดาบิก็เกลียดที่เขายอมก้มหัวให้คนด้านบนเหยียบเป็นฐาน ต่อต้านทว่ายอมผ่อนปรนเหมือนพวกหน้าไหว้หลังหลอก

เคโกะชอบที่ดาบิสาดถ้อยคำร้ายกาจต่อหน้า และนำเอาความโกรธนั้นขึ้นมาบนเตียงระลอกแล้วระลอกเล่า ดาบิไม่เคยใจอ่อน สัมผัสของเขาเสียดสีทิ้งรอยแดง เต็มไปด้วยเล็บกับฟัน ขณะเดียวกันกลับไม่เคยคลายอ้อมกอดที่รัดแน่นระหว่างร่วมทางไปด้วยกัน ไม่มีช่องว่าง ไม่มีเสียงหลุดรอดออกจากปากเพราะดาบิกลืนกินมันจนหมดสิ้น

แต่ดาบิชอบเขาที่ตรงไหน เคโกะไม่เคยถาม ไม่เคยมีความกล้าพอ

มนุษย์เงินเดือนเพียงคนเดียวในนี้ถอนหายใจ “ฉันต้องเตรียมหางานใหม่แล้วสิ”

คนฟังกรีดยิ้ม “มาทำกับฉันก็ได้”

“งานอะไรล่ะ” เคโกะถามอย่างสงสัย เพราะเขาไม่รู้เลยว่าดาบิหารายได้จากอะไร

ดาบิดึงขาของเขาไปพาดตัก มือลูบขึ้นลงช่วงต้นขา เคโกะขนลุกชัน อยากกระถดหนีแต่ตัวถูกจับแน่นไม่ปล่อย

ดาบิเหลียวหน้ามามองอย่างรู้ทัน “ตุ๊กตายางส่วนตัว”

เคโกะกลอกตา “ยอมไปทำงานกับไอซาวะยังดีกว่า”

“เป็นอาจารย์เหรอ อย่างนายสอนใครไม่ไหวหรอก สุดท้ายคงไม่พ้นบินกลับเข้ากรงไปเป็นทาสของพวกมันอีกตามเคย” ดาบิโน้มตัวเข้าหา รอยยิ้มของเขายิ่งแหลมคมขึ้นเมื่อเห็นในระยะใกล้ “นายเสพติดการถูกขังในกรงไปแล้ว เคโกะ อย่างน้อยเลือกกรงที่กว้างขวางกว่าเดิมไม่ดีกว่าเหรอ”

มือที่เลื่อนเข้าออกหยุดชะงักก่อนลูบขึ้นจนสุด แรงบีบกลางลำตัวทำให้เคโกะสะดุ้งตัวขึ้น สัมผัสกับริมฝีปากที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว

ดาบิจูบเหมือนกัดกินอาหาร เขาไม่ตะกละ แต่เขาดูดดื่มทุกรายละเอียดอย่างไม่ยอมคลาดรสชาติใด

ตัวถูกดันลงนอนราบ ก่อนที่ดาบิจะแทรกตัวหว่างขา มือไม่ละ ริมฝีปากไม่จาก ทุกอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนการลดตัวลงนอนบนเตียง เคโกะกำเสื้อโค้ทแน่น ก่อนเลื่อนมือลูบตามลำตัวดาบิ ผ่านวงโลหะบนยอดอกทั้งสองข้าง ลงถึงหน้าท้อง และลงต่อไปก่อนรวบมือช้า ๆ

ยิ้มเมื่อรู้สึกว่าร่างเหนือตัวสะดุ้งรับ

ดาบิข่มเสียงในลำคอแล้วถอนจูบ แต่ก่อนจะทันได้กล่าวอะไร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

พวกเขาจ้องหน้ากัน เสียงโทรศัพท์เงียบแล้วดังต่ออย่างไม่ยอมแพ้

“คงจะเรื่องแวนการ์ด” เคโกะลูบหน้า

ดาบิฉีกยิ้มเหมือนแมวเชสเชียร์ ถอยตัวออกให้เขาลุกขึ้นนั่ง ทิ้งความปวดและร้อนรนในช่องท้องไปอย่างง่ายดายและเลวร้ายอย่างที่สุด

ชายผมดำชันศอกบนพนัก มือลูบริมฝีปาก ดวงตาสีฟ้าวาวมองเหมือนฉีกเปลือยทุกรายละเอียดบนร่าง “ความสนุกเพิ่งเริ่ม”

เคโกะเห็นด้วย เขาเดินไปหยิบมือถือที่วางทิ้งบนโต๊ะทานข้าว ชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือลุดวิก

ดาบิตามมากอดจากด้านหลัง คางเกยไหล่พร้อมกับก้มมองหน้าจอ “ฉันต้องหึงไหม”

“อย่าเลย” เคโกะว่า เขาไม่ทันรับสายที่สอง เสียงข้อความเข้าดังขึ้นแทน ตากวาดอ่านเห็นแค่ตัวเลขเรียบง่ายแล้วรู้สึกปวดหัวขึ้นมา

500%

ราคาดีดไปถึงขั้นนั้นในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

เสียงหัวเราะผะแผ่วลอดริมฝีปากวายร้ายผู้อยู่เบื้องหลัง “มาพนันกันไหม คุณผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์”

ดาบิกระซิบข้างหู แหบทุ้มและลุ่มลึกด้วยนัย

“ชอบชอตหุ้นนักไม่ใช่เหรอ ฉะนั้นนายเดิมพันว่าราคาตก ส่วนฉันเดิมพันว่าราคาขึ้น ใครแพ้ต้องถูกล่ามเหมือนหมา”

การพนันแบบมัดมือชกนี้ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด เคโกะนึกประท้วง แต่ทำเพียงประท้วงในใจ เพราะหากพูดออกไปก็เหมือนถ่มน้ำลายขึ้นฟ้า

ทุกธุรกรรมในโลกการเงินไม่ต่างจากการพนัน งานของเขาคือการพนัน และไม่มีการพนันใดที่ปราศจากเล่ห์กลเพื่อให้ตนถือข้างผู้ชนะ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตลาดเสรี ทุกครั้งที่คนเบือนหน้าหนีจะมีมือล่องหนคอยผลักดันทิศทางมันอยู่เสมอ

เพียงแต่ครั้งนี้มือล่องหนมีหลายคู่ และมาจากคนหมู่มากที่ต้องการกระชากหน้ากากของคนบนหอคอยงาช้าง พวกเขาถูกกดหัวมานานเกินไป สักวันหนึ่งความอึดอัดคับข้องย่อมต้องระเบิดออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และสักวันที่ว่านั้นเริ่มก้าวแรกที่วันนี้

เคโกะส่งอีโมจิยิ้มทั้งน้ำตาก่อนวางมือถือลง ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลงตก เรื่องราวนี้เกินควบคุม แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่พอรับมือได้

เขาหมุนตัว คล้องแขนรอบคอดาบิ คลี่ยิ้มท้าทายแม้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้

“หาปลอกคอมาให้สวมเลยดีกว่าเจ้านาย”


 


 


1 ชอต (Short) คือการยืมหุ้นมาขายทันทีก่อนซื้อคืนมา เป็นการรับกำไรส่วนต่างจากการขายแพงแล้วซื้อถูก แง่หนึ่งเหมือนการเดิมพันว่าราคาหุ้นที่ขายไปนั้นจะตก

2 อีวิลคอร์ป เป็น Fictional Corperate และเป็นชื่อเล่นที่ใช้เรียก อีคอร์ป (E Corp) บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจากซีรีส์ Mr.Robot

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น