วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2565

[DCU] Freefall (Joker/Batman)


Freefall

DCU (Comics), Batman, Batman: Endgame

— Joker / Batman —

Warning : Graphic Depictions Of Violence, Minor Character Death, Mentions of Death and Violence

Summary : โจ๊กเกอร์จะนับเป็นอะไรหากไร้เงาแบทแมน

Note : Requested by @zokin17 




‘เป็นเรื่องดีแล้วใช่ไหมครับที่เขาหายไป’ เด็กชายถาม เสียงลอดจากลำโพงผุเก่า ฟังดูแตกร้าวเหมือนเศษแก้ว

อีกเสียงหนึ่งตอบแผ่วเบา ไร้เสียงเสียดแทรก แต่กลวงว่าง เหมือนตอบจากการท่องจำ ‘ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน’

แต่คุณรู้

เขาหยุดเครื่องเล่นแผ่นเสียง ตาช้อนมองเจ้าของคำตอบแสนชืดชา

เจ้าของคำตอบนั้นคือคุณ

ความรู้สึกผิดแปลกชอนไชยามเพ่งพินิศคนตรงหน้า เขาสวมเพียงเครื่องแต่งกายสีดำ ราวกับกำลังรำลึกถึงคนตาย ราวกับคร่ำครวญโหยหา ทั้งที่รอยยิ้มไม่เคยจาง แต่ส่วนที่ควรว่างเว้นกลับเติมเต็ม ความมืดไม่เข้ากับเขา ไม่เข้ากับสีผมประหลาดที่ทำให้คุณนึกถึงสารพิษอันตราย ดวงตาคู่เดิมแต่กลับไม่เหมือนเดิม เพราะจากที่เคยเห็นในโทรทัศน์ สีเขียวนั้นบ้าคลั่ง ไร้สำนึกผิดชอบ สลับเฉดยามเปลี่ยนมุมสะท้อน ทว่าตอนนี้กลับไร้องค์ประกอบทั้งหมดที่สมควรมี

เจ้าชายแห่งอาชญากรรม ช่างทึมทื่อเสียจนน่าขัน ช่างเหมือนมุกตลกร้าย

แต่อันตราย ข้อเท็จจริงนี้ไม่เคยบิดเบือนเป็นอื่น ความแปรปรวนเกินคาดการณ์อาจน่าหวาดเกรงยิ่งกว่าเมื่อมาจากจิตใจที่เต็มไปด้วยจุดประสงค์

“ต้องการจะบอกอะไรกันแน่” คุณมุ่นคิ้ว

เขาสลับขาที่ไขว้กัน ลุกขึ้นยืน “ฉันเฝ้ามองคุณ เพราะสนใจคุณ”

“งั้นเหรอ”

“เราคล้ายกันมาก คุณกับฉัน”

“ฉันไม่คิดอย่างนั้น” จะเหมือนกันได้อย่างไร หากเวลานี้ไม่ใช่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตัวตนก่อนหน้า

ความทรงจำปลิวว่อนไปกับละอองน้ำ อดีตกลายเป็นแค่ประกายไฟสว่างจากหางตา พร้อมจะดับมืดทันทีเมื่อหมุนคอมอง อุบัติเหตุที่สวนเซนต์แมรีสเป็นเสมือนการย้อนสู่จุดเริ่มต้นใหม่ ประสบการณ์ที่เคยมีมาก่อนหน้ากลายเป็นศูนย์ คุณเป็นเพียงพลเมือง ส่วนเขาเป็นอาชญากร ไม่มีอะไรเหมือนกันทั้งนั้น

“เราใช้ความปรารถนาเป็นพลัง” เขากล่าวต่อราวกับไม่ได้ยิน ตาเบือนหนีราวกับต้องการชมทิวทัศน์ บนตึกร้างสูงระฟ้า เบื้องหน้าคือแม่น้ำและแสงระยิบระยับของก็อทแธมอันสวยงามจับตา

เสี้ยวความทรงจำเต้นระริก ราวกับคุณเคยฝันเห็นภาพตรงหน้าในสถานการณ์อื่น ทั้งที่แน่ใจว่าไม่เคยเหยียบย่างขึ้นมา

“ความปรารถนาที่จะควบคุม มีชีวิตอยู่เพราะรู้ว่าความจริงนั้นไม่จริงเสมอไป เสียดายที่คุณยึดติดความถูกผิด กฎหนึ่งข้อที่ไม่ยอมฝ่าฝืน ขณะที่ฉันเป็นอิสระ

เสียงหัวเราะแห้งแล้ง “คุณจะเป็นอิสระได้ยังไง” คุณแย้งไปพร้อมกับเหลือบมองชายชราที่ถูกตรึงไว้อีกฟากห้อง ใบหน้าไร้ความกลัว ดวงตามองตอบคุณอย่างห่วงใยและเชื่อมั่น 

คุณเหลียวกลับมามองชายชุดดำ “คุณตกเป็นทาสความปรารถนาของตัวเอง คุณควบคุมตัวเองไม่ได้ อ่อนแอ คิดว่าตัวเองเป็นศิลปินแค่เพราะสะเก็ดไฟกับดินปืน แค่ของที่ไม่จีรัง และจับตัวเขาคนนั้นมาเพื่อบังคับให้ฉันฟังเรื่องแค่นี้หรือ ปรัชญาครึ่ง ๆ กลาง ๆ พวกนี้ น่าผิดหวัง

ตัวตลกจ้องตาคุณ รอยยิ้มบิดเบี้ยว “ฉันกำลังจะบอกว่าสิ่งนี้...” เขาเอื้อมมือหา แตะชายเสื้อของคุณแล้วดึง “สิ่งนี้ต้องยุติลงเสียที”

ตัวเอนไปข้างหน้า คุณมองตอบเขา เอ่ยตอบ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งใดกันที่เขาต้องการจะหยุด “ทำไม่ได้หรอก”

“คอยดูแล้วกัน ที่รัก”

“ฉันดูอยู่”

เหมือนเศษกระจกตกต้องผืนน้ำ

ประโยคนี้ทำลายรอยยิ้มเขาได้ในพริบตา “สำหรับคนแบบคุณแล้ว ไม่มีทางดำเนินชีวิตจืดจางสามัญต่อไปได้นานหรอก” เขาสาดคำพูดราวกับกรด “คุณแค่แสร้งใช้ชีวิตกลวงเปล่านั่นต่อ รอจนกว่าใครสักคนจะหยุดมันได้ และฉันจะเป็นคนหยุดมัน”

“คุณมีโอกาสแล้วนี่” เสียงน้ำตกจากส่วนปลายความทรงจำดังไล่เสียงกระซิบ “แต่มันสายไปแล้ว”

เขารู้ความหมายดี การร่วงหล่น ต้นตอของอุบัติเหตุ ทั้งสองรอด คนหนึ่งได้กลับมาก่อความพินาศอีกครั้ง บีบเสียงกรีดร้อง กลั่นเลือดทั้งน้ำตาจากผู้บริสุทธิ์ แต่อีกคนหนึ่งตายโดยไร้ซากศพ กลายเป็นเพียงรูปปั้นเย็นชืด รองรับเสียงสะอื้นไห้และคำภาวนาที่ไม่มีวันเป็นจริง

“คิดว่าฉันจะปล่อยคุณไปง่าย ๆ เหรอ”

คุณมองรอยยิ้มที่ไม่ได้ถูกยกด้วยมุมปาก แต่เกิดจากแผลเป็น

มันจุดประกายความคิด ปะติดปะต่อเรื่องราวที่ขาดหาย ชวนให้ใคร่ครวญหาส่วนกึ่งกลางระหว่างความสัมพันธ์ “ที่จริงแล้วคุณก็แค่หมกมุ่น”

เขานิ่งไป

เป็นเรื่องดีแล้วใช่ไหมที่เขาหายไป” คุณทวนคำพูดของเด็กชายที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตคุณไว้ “ใช่ เป็นเรื่องดี” คุณทำให้แน่ใจว่าเขาเห็นความหนักแน่นในทุกเสียงอักษร “เพราะสิ่งนี้จะทำลายคุณ”

“ความกลัวสามารถทำลายคน ๆ หนึ่งได้” เขากระซิบประโยคนั้นราวกับทวนถ้อยคำของใครอีกคน ม่านตาหดวูบ รอคอย

“ความกลัวผลักดันให้พูดสิ่งที่ไม่สมควร ผลักดันให้กระทำเรื่องที่ไม่สมควร”

และคุณยอมจำนนให้กับแรงผลักดันนั้น เพราะไม่ใช่ทุกสิ่งที่หายไปกับกระแสน้ำ

“เขาเคยคิดว่าความกลัวเป็นอุปสรรค” คุณพูดเสียงเบา “แค่ความท้าทาย แค่บ่วงที่ต้องตัดให้ขาด แต่ความกลัวไม่เพียงทำลาย มันสร้างสรรค์บางสิ่งที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับ ความกลัวคือความแข็งแกร่งของเขา แต่กลับกันความแข็งแกร่งก็คือความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา”

“คุณกลัวตัวเองหรือ” ตัวตลกกระตุกยิ้ม เอียงคอจับจ้อง ขยับเข้าใกล้ขึ้นจนสามารถสัมผัสความร้อนรุ่มในลมหายใจ “คุณกลัวการกลับไป คุณกลัวสิ่งที่คุณจะจำได้”

“ฉันจะไม่มีวันจำได้”

เขาหัวเราะ “คุณแค่ขาดแรงกระตุ้น”

คุณไม่ชอบคำพูดนั้น ไม่ชอบท่าทางที่เหมือนกับเขารู้จักคุณดีกว่าตัวเอง ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม

และเขามองออก เขาเห็นทุกอย่างที่คุณคิด ฝ่ามือขาวซีดผิดมนุษย์ยกขึ้น ไม่ได้แตะต้อง แต่แสดงกิริยาเหมือนได้สัมผัส มือสั่นเทา ลมหายใจกระชั้น ลิ้นแลบเลีย คุณมองทั้งหมดนี้อย่างระแวง — เกือบจะตระหนก เมื่อเขาวางมือบนชายโครงที่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า รอยแผลที่เขาฝากไว้เองกับมือ

รอยแผลสุดท้ายก่อนที่ความทรงจำจะหายไป

คุณหันกลับไปทางชายชรา ลางร้ายทำให้ความกังวลกัดกินใจทีละเล็กทีละน้อย “ปล่อยเขาไปเสียเถอะ”

ตัวตลกหัวเราะในลำคอ “ไม่”

“แต่คุณไม่ได้อะไรจากความวุ่นวายทั้งหมดนี้เลย” นั่นคือข้อเท็จจริง คุณไม่สามารถให้สิ่งที่เขาปรารถนา ส่วนเขาก็ไม่มีแรงบันดาลใจในการก่อเรื่องต่ำทราม

“ฉันขอถาม” เขาละสัมผัสออก แต่จับมือข้างหนึ่งของคุณไว้ ปลายนิ้ววนไล้บนหลังมือ “คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเวลาตกลงมา”

“ฉันจำไม่ได้...” คุณดึงมือหนี แต่เขาไม่ยอมปล่อย และไม่ยอมหยุด ดวงตาสีเขียวเหม่อลอยชั่ววูบ ก่อนก้มมองคุณอย่างตัดพ้อ

“ความรู้สึกของการร่วงหล่น ตื่นเต้น หวาดกลัว เคลิ้มฝัน เทียบมันกับการไต่ภูเขาสิ หรือแค่บันไดสองสามขั้น มันเหนื่อยใช่ไหม ทำไมคุณไม่ลองปล่อยมันล่ะ แค่เสี้ยววินาที คุณจะเสียใจภายหลังแน่ฉันยืนยันได้ เราทุกคนรู้ แต่เพราะเหตุนี้ เวลาเสี้ยววินาทีนั้นจึงคุ้มค่า”

“ถ้าตอนนี้คุณมองเห็นเป้าหมาย” เขากล่าวต่อ คุณรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่เย็นเฉียบยัดใส่มือจึงก้มมอง “ถ้าปืนของคุณบรรจุกระสุนจนเต็ม” เสียงปลดล็อกดังก้องในโถงกว้าง “ถ้าเป้าหมายอยู่ในระยะยิง คุณจะลั่นไกไหม”

คุณกลั้นลมหายใจ ปืนสีเงินแน่นิ่งในมือด้วยการยัดเยียดจากเขา มันดูคุ้นตา เหมือนส่วนเสี้ยวของอดีต

ทันใดนั้นมีแสงสว่างวาบด้านนอก ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องร่ำ เขากำมือคุณแน่น หันปลายกระบอกไปที่ตัวเอง แนบมันบนอกซ้าย รอยยิ้มเบิกกว้าง แผลเป็นปริออกอย่างน่าขนลุก เสียงแหลมที่มักหัวเราะกังวานกระซิบแผ่วข้างหู “มันดูเหมือนจะธรรมดา...”

ริมฝีปากแตะข้างใบหู “...แค่ขยับนิ้ว แต่มันง่ายดายอย่างนั้นจริงหรือ คุณกำลังลบหนึ่งชีวิตทิ้ง เหมือนกับที่คุณทำตัวเองตอนนี้ คุณกำลังจะทำลายประสบการณ์ของชีวิตที่สะสมมา หนึ่งร้อย หนึ่งพันความทรงจำ บุคลิกที่มีเพียงหนึ่งเดียวและแสนพิเศษ” 

“หากมีปืนอยู่ในมือคุณจะกล้ายิงไหม บรูซ เวย์น...”

คุณตอบเสียงแข็ง “เมื่อรู้อดีตของศัตรู มันก็ยากที่จะเกลียดพวกเขา” 

“จริงเหรอ แต่คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉันเสียหน่อย แสดงว่าคุณก็เกลียดฉันสิ” เขามองคุณตาเศร้า

แล้วคุณล่ะ พอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันแล้วคุณเกลียดฉันหรือเปล่า”

เขาชะงักงัน ดวงตาสาดประกายวิปริต “แน่นอน” เขากำมือคุณแน่นจนเจ็บ “คุณพรากคนที่เป็นของฉันไป ส่วนเขาก็เป็นสิ่งที่น่ารำคาญตาที่สุดของฉัน”

“มันเหมือนไม่ใช่ความจริง” เขากล่าวต่อ ดวงตาหลุกหลิก พฤติกรรมที่คุ้นเคยทำให้ความรู้สึกประดังเข้ามาคล้ายเห็นภาพหลอน “การที่เขาไม่หายใจอีกต่อไป การที่เขาตาย แต่คนอื่น ๆ กลับยอมรับมันอย่างง่ายดาย...”

ความคิดหนึ่งฉีกเข้ามา คุณสูดลมหายใจ ความผิดปกติ มีเลศนัยที่ถูกซ่อนไว้ แต่กว่าจะรู้ก็สายเกินไป เขาหยิบปืนอีกกระบอกออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ท เล็งไปยังชายชราที่นั่งพิงกำแพง ไร้ทางสู้

“มีเรื่องหนึ่งที่คุณยังไม่เข้าใจ บรูซ เวย์น มีความกลัวของบรูซ เวย์น แต่แบทแมนก็มีความกลัวของแบทแมน” เขาหัวเราะเสียงสูงแล้วค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง ทิ้งปืนอีกกระบอกไว้ในมือของคุณ

คุณมองเขาด้วยอารมณ์อันเดือดพล่าน

“กระสุนนั้นฝังพิษถึงตาย” เขาโคลงหัว ร้องเป็นทำนอง “ทั้งหมดที่ต้องทำก็แค่ยิง

และเขาทำตามนั้น กระสุนลั่นจากรังเพลิง ทะลุศีรษะของอัลเฟรดในนัดเดียว ขณะที่คุณยืนนิ่ง จ้องมอง ไม่ทำอะไร

อีกนัดยิงเหนือหัวพ่อบ้านชรา สิ่งที่อยู่บนเพดานแตกออก ปลดปล่อยริ้วกระดาษหลากสีราวกับจะเฉลิมฉลอง

และคุณทำได้เพียงมอง ลำคอหลุดเสียงแปร่งหู เสียงปืนดังสะท้อนไม่ยอมหยุด ภาพบางภาพวิ่งฉายผ่านสายตา ในค่ำคืนแบบเดียวกัน มีเมฆหมอกและฟ้าร้องเหมือน ๆ กัน แต่สิ่งที่ร่วงลงมาไม่ใช่แสงสีระยิบระยับ มันขาวสะอาด กลมเกลี้ยง เลอค่า

ไข่มุก

ไข่มุกนับพันตกกระทบพื้นคอนกรีต เสียงหวีดร้องของเด็กคนหนึ่งก้องอยู่ในตรอกเปลี่ยวร้าง ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองแผ่นหลังของมันจากไป

ทว่าไม่นานก็มีความอบอุ่นปลอบประโลมลงมา ดวงหน้าชราที่เปี่ยมด้วยความปรานี แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่มี

เสียงแตกหักลั่นในหัว ความเจ็บปวดทะลักทลาย ความกลัว ความสูญเสีย ความโศกเศร้า ดวงตา รอยยิ้ม น้ำเสียง ของคนที่ผ่านเข้ามาและของคนที่ตายจากไป กดทับลงในคราวเดียว โหมลงจนบางสิ่งในตัวแตกสลาย

คุณหันกลับมามองเขา มองโจ๊กเกอร์ ด้วยสายตาเคียดแค้น

“อย่างนั้นแหละ” แต่ตัวตลกกลับฉีกยิ้มกว้างชอบใจ หัวเราะไม่หยุดหย่อน ราวกับทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องขบขัน “แค่ยิง”

โจ๊กเกอร์กระโดดถอยหลัง ร่วงหล่นไปในอากาศ

และโดยไม่ทันคิด เพียงเสี้ยววินาที ด้วยแรงทั้งหมดที่มี คุณพุ่งตัวเข้าไปคว้าข้อมือเขา

“ฉันรู้อยู่แล้ว! ” โจ๊กเกอร์แผดเสียงหัวเราะลั่น คุณดึงเขากลับขึ้นมา ลำคอเปล่งเสียงร้อง ไม่ใช่แค่เพราะต้องออกแรงดึงศัตรูที่อำมหิตที่สุดของตัวเอง

แต่เพราะคุณไม่มีทางเลือกอื่น

สองร่างล้มลงนอนบนพื้นพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง พายุกำลังมา แต่คุณก็ยังไม่สามารถหยุดเสียงร้องของตัวเอง เพราะสิ่งที่เห็นซ้ำ ๆ หลังเปลือกตา มีแต่ดวงหน้าไร้วิญญาณของอัลเฟรด

โจ๊กเกอร์เองก็ไม่สะกดเสียงหัวเราะ “ฉันรู้อยู่แล้ว” เขาสวมกอดจากด้านหลัง ออกแรงรัดแน่น คางเกยบนไหล่ที่สั่นเทิ้ม “กฎที่แข็งแกร่งที่สุดของแบทแมนคือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าโจ๊กเกอร์เสมอ...จริงไหม แบทซี่

คุณไม่ตอบเขา สมองและจิตใจพัลวันไปด้วยความโกลาหล ปากสะกดกลั้นความเจ็บปวดจนเจียนคลั่ง

ไม่ทำอะไร นอกจากปรารถนาจะให้นรกกลืนกินตัวตนนี้ลงไปทั้งเป็น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น