วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565

[DCU] Paralelo (Joker/Batman)


Paralelo

DCU (Comics), Batman, and Suicide Squad (2016)

— Joker / Batman —

Warning : Graphic Depictions Of Violence

Summary : ก็อทแธมไม่ได้มีราชาเพียงองค์เดียว

Note : They called Mista J a king in Suicide Squad, but isn’t Bruce Wayne a king too? Let’s discuss.




ในโมงยามที่เมฆหมอกบดบังดวงอาทิตย์ บนตึกระฟ้าสูงสุดของเมือง มีห้องประชุมหนึ่งปิดล้อมด้วยกระจกใสสี่ด้าน ทิวทัศน์ที่สามารถมองทะลุผ่านเห็นสุดเส้นขอบฟ้าโดยไร้สิ่งคั่นขวาง ความสูงที่เหนือใครในบริเวณแวดล้อมสร้างความรู้สึกสำคัญตัวว่าเลอเลิศกว่าเมื่อก้มลงมองคนเดินถนนตัวเล็กจ้อยราวมดปลวก

ทว่ายิ่งสูงเพียงใด ความหนาวจับขั้วหัวใจยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเท่านั้น

เพราะที่แห่งนี้คือหัวใจของก็อทแธม ขุมอำนาจเงินตราที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เวย์นเอ็นเตอร์ไพรซ์ และชายผู้นั่งหัวโต๊ะของการประชุมคือชายที่มีอำนาจมากที่สุดในห้องนี้ ชายที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบุตรที่รักยิ่งของก็อทแธม

บุตรชายอันเป็นที่รัก แสงของความหวังในเมืองอันเสื่อมโทรม ทายาทเพียงหนึ่งเดียวที่เปรียบดุจราชาแห่งวงสังคมชั้นสูง

ชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งถูกปรามาสว่าเป็นเพียงเด็กกำพร้าน่าสังเวช ทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพายและมีดีแค่ความร่ำรวย บัดนี้กลับกลายเป็นผู้กุมอำนาจที่น่าเกรงขามจนใครก็ไม่กล้าแม้แต่สบตามอง บนหน้าหนังสือพิมพ์ คนอาจรู้จักเขาในนามของเศรษฐีหนุ่มเจ้าสำราญ แต่ภายในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของเวย์นเอ็นเตอร์ไพรซ์ เขาเป็นที่รู้จักในฐานะของชายผู้แสนเลือดเย็น

ดวงตาสีฟ้าเย็นเยียบ กดความรู้สึกหนาวสั่นและบีบคั้นในใจคนที่นั่งรายล้อม ดวงหน้าหล่อเหลาเฉยเมย ยากคาดเดาอารมณ์ ในชุดสูทและเชิ้ตดำทั้งตัวนั้น เขายิ่งดูมืดมนและน่าหวาดผวาราวเพชฌฆาต พร้อมปลิดชีพใครก็ตามที่สร้างความผิดพลาดในนาทีใดนาทีหนึ่งนี้

“คุณบอกว่าโครงการในเขตไชน่าเบซินต้องเลื่อนออกไปงั้นหรือ” บรูซ เวย์น เอ่ยทำลายความเงียบงัน ตาตวัดจ้องผู้บริหารคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงาน

“เพราะไฟไหม้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนเราเลยมีปัญหาเรื่องโครงสร้าง และงบบางส่วนก็ต้องเสียไปกับการแก้งานจนอาจไม่พอ...”

บรูซหัวเราะในลำคอก่อนพูดเสียงเนิบช้า “ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการขยายเวลางาน แต่วิธีแก้ปัญหาของคุณนี่สิ…และยังเรื่องการเลื่อนตารางนัดตรวจบัญชี มีอะไรที่ไม่อยากให้เห็นหรือ” 

ผู้ถูกตำหนิกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ทำได้เพียงก้มหน้ารับคำ เสียงนุ่มทุ้มยังคงเอ่ยไล่จี้ถามงานต่อไป ผู้บริหารที่มีอายุอาจแสดงออกเพียงใบหน้าเผือดสี แต่คนใหม่ที่เพิ่งรับรู้การทำงานภายในแทบถูกทำลายความผยองจนย่อยยับ แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าตนถูกคนอายุน้อยกว่ามองทะลุจุดอ่อนแผนงานและถูกชำแหละกลางที่ประชุมอย่างหมดเปลือก

แต่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจพร่ำบ่นต่อข้อเท็จจริง แผนงานที่แก้ไขจุดอ่อนอย่างทันท่วงทีและยกระดับประสิทธิภาพย่อมหมายถึงโอกาสที่มูลค่าความสำเร็จจะยิ่งหอมหวานไม่ใช่หรือ นี่อาจเป็นอำนาจหนึ่งของบรูซ เวย์น อาณาจักรของเขา บนหอคอยสีหม่นที่สูงเสียดแทงฟ้าครึ้มอาจเป็นเสมือนบัลลังก์ หมู่เมฆสีเทาขุ่นที่ลอยคว้างอย่างเกียจคร้านอาจเป็นเสมือนมงกุฎ

บรูซ เวย์น อาจถูกเรียกอย่างลับ ๆ ว่าเป็นราชาแห่งก็อทแธม

ทว่าก็อทแธมไม่ได้มีราชาเพียงองค์เดียว




ในเวลาที่แสงทั้งหมดลับฟ้าจนเหลือเพียงความมืดมิด ภายใต้พื้นคอนกรีต ลึกลงไปใต้ดินมีสถานที่ลับแห่งหนึ่ง

สถานที่ซึ่งพร่างพราวด้วยแสงไฟนีออนหลากสี ส่องไปมาจนตาพร่ามัว บรรยากาศคึกคะนองที่ปลุกเร้าด้วยเสียงเพลงแผดสนั่นหวั่นไหว เต็มไปด้วยผู้คนที่มอมเมาตนในรสเมรัยและปลดปล่อยจิตสำนึกซ่อนเร้นให้โลดแล่นด้วยจังหวะเร่าร้อน ราวกับโลกทั้งใบอยู่ในกำมือ ราวกับความหฤหรรษ์จะไม่มีวันหมดไป

ในที่แห่งนี้ พวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าเบื้องหลังม่านหมอกโลกีย์ มีสุดเสียงหัวเราะเย้ยอย่างบ้าคลั่งรอคอยอยู่

ชายร่างอ้วนคนหนึ่งถูกจับมายังห้องลับห้องหนึ่ง มันคือห้องหลังสิ่งพรางตา ห้องเชือดที่สัตว์ถูกนำมาจับห้อยหัวรอคอยการปรุงแต่ง ไอเย็นเยือกอวลนิ่งน่าขนลุก ชายนับสิบในชุดสีดำต่างสวมหน้ากากที่ไม่เหมือนกัน ทุกคนยืนล้อมชายอ้วนด้วยความสงบ ใบหน้าเชิดตรง ไม่จับจ้องสิ่งใด ไม่แสดงท่าทีห้ามปรามการหลบหนี เพียงแค่ใบมีดยาวและอาวุธปืนในมือก็มากพอจะข่มขู่ให้ชายผู้โชคร้ายนั่งสั่นงันงกอยู่แทบเท้า

ทันใดนั้น เสียงเคาะดังกึก กึก กึก ก้องเป็นจังหวะมาจากโถงทางเดิน เสียงเพลงภายนอกคล้ายถูกกลืนกินหายไปด้วยเสียงนี้ มันเริ่มดังขึ้น ใกล้ขึ้น ชายอ้วนก้มหน้าจ้องพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเสียงนั้นมาหยุดเงียบลงที่เบื้องหน้า

บลา บลา บลา บลา เสียงกระซิบกระซาบที่ฉันได้ยินนั่นคืออะไรนะ มันเบาซะเหลือเกิน แต่ก็ยังลอยมาถึงหู เสียงร้องเงียบ ๆ เบา ๆ — อ้อ รู้แล้ว เสียงของความกลัวนี่เอง”

เสียงหัวเราะหวีดแหลมกะทันหันทำให้ชายอ้วนเผลอสะดุ้งมองตาม ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นรูปลักษณ์คนตรงหน้าถนัดชัด

“โจ๊กเกอร์...”

คำพูดเบาหวิวติดสั่นเครือ ชื่อนี้เปรียบดังคำตัดสินประหาร

หรืออาจเป็นคำรับรองถึงสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

“ทำไมแกทำงานตามที่สั่งไม่ได้”

ไร้คำตอบ ชายร่างอ้วนเริ่มสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ ฝ่ามือชื้นเหงื่อ ทั้งหยดน้ำที่ผุดตามผิวหนัง หรือแม้แต่ขอบตา เขาจ้องค้างไปยังตัวตลกอย่างคนที่ไม่อาจควบคุมสติ

ผมสีเขียวสกปรกอันเป็นเอกลักษณ์ เชิ้ตสีแดงเสือด ทับด้วยเสื้อสีทอง รอบขอบตาคล้ำลึกราวหลุมบ่อกรดสีเขียวข้นที่น่าสะอิดสะเอียน โจ๊กเกอร์เอียงคอ ยื่นมือที่ประดับแหวนวงใหญ่มากมายมาตรงหน้า

ชายอ้วนมองอย่างไม่แนใจ ก่อนยื่นริมฝีปากจุมพิตลงบนเม็ดไพลิน

ทันใดนั้น โจ๊กเกอร์ทะลึ่งตัวเข้าหาราวงูฉก ชายอ้วนผวาถอย ร้องเสียงหลงพร้อมหลับตาแน่น รู้สึกถึงฝ่ามือหยาบที่ลูบไล้ตามใบหน้า

เสียงหัวเราะยังคงตามหลอกหลอนในความมืดหลังเปลือกตา

“ฉันชื่นชมในความภักดีของแก แต่ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น ยิ้มหน่อยสิ ไม่เคยได้ยินเหรอว่าเวลาเจอปัญหาให้เผชิญหน้ากับมันด้วยรอยยิ้ม

โจ๊กเกอร์บีบแก้มชายอ้วนแล้วดึงทึ้งจนเขาร้องด้วยความเจ็บ ดวงตาสีเขียวสาดประกาย ก่อนเอื้อมหยิบมีดของสมุนมาไว้ในมือข้างหนึ่ง

ตัวตลกเดาะลิ้น “ใครช่วยไปหาเข็มกับด้ายมาที ช่วยสงเคราะห์เพื่อนยากผู้เหงาหงอยคนนี้หน่อย!”

เสียงหัวเราะดังคับห้องพร้อมเสียงโหยหวน

เสียงกรีดร้องที่กลบด้วยเสียงเพลง กลิ่นเลือดที่กลบด้วยกลิ่นเมรัย ผู้ถูกทัณฑ์ทรมานที่กลบฝังในดินแดนแห่งสีสันประโลมใจโดยไม่มีใครล่วงรู้

นี่อาจเป็นอำนาจของโจ๊กเกอร์ อาณาจักรใต้ดินปิดทึบด้วยความรื่นเริงอันฟั่นเฟือน กลิ่นหอมหวานของเครื่องดื่มที่ผสานไปกับกลิ่นคาวเลือดจนยากแยกแยะ บัลลังก์ที่สร้างมาจากเถ้าถ่านและประกายไฟ มงกุฎที่ทำขึ้นจากเสียงหัวเราะวิกลจริตและหมอกควันหลากสี

ราชาแห่งความโกลาหล ราชาแห่งอาชญากรรม ราชาที่ก็อทแธมไม่ได้เลือก

ราชาควรมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ก็อทแธมมีถึงสอง

สองราชาก่อความพินาศ หนึ่งราชาจึงแปรเปลี่ยนเป็นอัศวินรัตติกาล

เพื่อให้เส้นขนานนี้ไม่เป็นเพียงแค่เส้นขนาน เพื่อให้หนึ่งในนั้นต้องถูกฉุดลงจากบัลลังก์ ก็อทแธมจึงสร้างทางเบี่ยงขึ้น

ทางที่ทำให้คนสองคนได้เผชิญหน้าและต่อสู้ ใช้ทั้งคำพูดและความรุนแรง แสดงเจตจำนงต่อสิ่งที่ยึดมั่น ต่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อ

“บางทีเราอาจถูกสร้างมาเพื่อกันและกันก็ได้นะ แบท บางที...เราอาจต้องเต้นรำกันอย่างนี้ทุกค่ำคืนไปตลอดกาลก็ได้”

อัศวินเพียงยืนมองในความมืด ใต้แสงจันทร์อ่อนจาง คำตอบฉายชัดในดวงตาดุจเดียวกับวงแหวนไพลินที่ปลายนิ้ว

ตลอดกาลไม่มีจริง

ท้ายที่สุด สิ่งที่เหลืออยู่ก็จะมีเพียงสองหนทาง คือจะเป็นเพียงเส้นขนานที่ไม่มีวันได้บรรจบ หรือเป็นปรปักษ์ที่บ่อนทำลายกันจนย่อยยับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น