วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

[DCU] Reap (Joker/Batman)


Reap

DCU (Comics), Batman, Joker (2019)

— Joker / Batman —

Warning : Implied Unethical Behavior, Dubious Morality, Love that is not safe or sane or healthy.

Summary : สิบห้าปีต่อมา ชายหนุ่มพบตัวตลกหลังกล้อง

Note : Alternate Universe - Canon Divergence, Sequence of Flowers for The Dead





ไฟสตูดิโอนาบผิวเสียจนร้อนวาบ แจ็คเก็ตเนื้อหนาที่สวมทบพูนความอับให้ยิ่งอบอ้าว ตาหลุบมองพื้นว่างเปล่าเพื่อหลีกหนีแสงสว่าง ตัวนิ่งไม่ขยับเพื่อไม่ให้เสียท่าทาง ตลอดเวลาแห่งการทนทรมานคือแต่ละนาทีที่ บรูซ เวย์น ทำได้แค่เพียงสำนึกเสียใจที่รับงานนี้

เพื่อให้คนไม่สามารถเชื่อมโยงตัวตนระหว่างเศรษฐีของเมืองกับศาลเตี้ยที่คอยไล่ล่าจับโจรร้ายยามค่ำคืน บรูซเก็บเนื้อเก็บตัวและระมัดระวังภาพลักษณ์ที่ถ่ายทอดผ่านสื่อ คนรู้จักเขาในฐานะชายหนุ่มเจ้าสำราญที่นอกเหนือจากงานแล้วก็หมดเวลาไปกับการปรนเปรอตนเองด้วยศิลปะ น้อยครั้งที่จะร่วมงานสังคม น้อยครั้งที่จะกลายเป็นหัวข้อข่าวซุบซิบ เขาปลีกวิเวก แต่ไม่ถึงกับห่างเหิน เขาเป็นมิตรแต่ก็ยากจะเข้าหา ด้วยเหตุนี้ เมื่อสิ่งที่เขาต้องการอยู่ในมือของวิกกี้ เวล นักข่าวสาวผู้ไม่เคยยอมปล่อยโอกาสงามหลุดรอดมือ ข้อแลกเปลี่ยนจึงเป็นบทสัมภาษณ์เจาะลึกพร้อมทั้งภาพถ่าย

การตอบคำถามไม่ใช่เรื่องที่บรูซกังวลสักนิด แต่เป็นภาพถ่ายต่างหากที่เขาไม่สบายใจ เขาไม่อยากให้ใบหน้าของตนแปะหราบนอินเทอร์เน็ตที่ใครก็เข้าถึงได้หรือในวารสารที่วางจำหน่ายทั่วเมือง เพราะสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่เกิดขึ้นได้คือเป็นที่รู้จักจดจำรูปโฉมในหมู่สาธารณชน

บรูซรู้สึกเสียท่า แต่ข้อมูลที่วิกกี้ เวล ถืออยู่มีค่าต่อการสืบสาวเส้นสายการแบ่งปันผลประโยชน์ภายในคลับไอซ์เบิร์ก เขาเคยคิดหาอีกวิธีการหนึ่งคือขโมยและคัดลอกโดยไม่ให้เธอรู้ แต่ผู้หญิงคนนี้รอบจัดจนเขาไม่กล้าเสี่ยง

“อดทนอีกนิดนะ คุณเวย์น” วิกกี้เดินมากระซิบบอก ริมฝีปากระบายรอยยิ้มน้อย ๆ สีหน้าแฝงความสนุก “ใกล้จัดกล้องเสร็จแล้วค่ะ”

บรูซยักไหล่ กล่าวทีเล่นทีจริง “หากช้ากว่านี้ผมคงต้องของีบหลับ”

“นอนลงไปเลยก็ได้ แบบนั้นก็เซ็กซี่ดีเหมือนกัน” วิกกี้เคาะนิ้วบนปลายคาง ตากวาดมองเขาขึ้นลง ท่าทางใช้ความคิด “ถ้าคาบอะไรไว้ด้วยน่าจะดี”

บรูซหลุดหัวเราะ “เต็มที่เลยคุณผู้หญิง”

“รับรองว่าคุ้มกับของที่จะแลกเปลี่ยนแน่ค่ะ” วิกกี้ยิ้มหวาน “น่าแปลกใจมากที่คุณต้องการมันขนาดนี้”

บรูซยิ้มตอบ เขาบอกเธอเพียงว่าต้องการหาหนอนบ่อนไส้ในบริษัทที่ลักลอบคบหากับคนของเพนกวิ้น ต้องโน้มน้าวเธออยู่นาน วิกกี้จึงเชื่อว่าเขาเป็นแค่นักธุรกิจที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ ไม่ได้นึกอยากข้องเกี่ยวกับอาชญากรเหมือนคนอื่น เหตุผลนี้เสริมกับพื้นเพเดิมที่ต้องสูญเสียครอบครัวไปในช่วงจลาจล วิกกี้ยอมตอบตกลงส่วนหนึ่งเพราะบรูซเปิดไพ่ที่ดึงความเห็นอกเห็นใจของเธอออกมา

และอีกส่วนสำคัญคือจรรยาบรรณในฐานะนักข่าวของเธอ ผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในความหวังของก็อทแธม เป็นคนที่ตะเกียกตะกายขึ้นมาเพื่อส่งต่อข้อเท็จจริงที่ปราศจากการบิดเบือน บรูซรู้ว่าเธอต้องต่อสู้มาขนาดไหนเพื่อได้รับตำแหน่งสำคัญในสำนักพิมพ์ประจำเมือง และนำตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายใดบ้างเพื่อจะได้ข้อมูลล้ำค่าเหล่านี้มา

“อันนี้เป็นไง”

คำถามดึงบรูซออกมาจากภวังค์ ชายหนุ่มเงยหน้า ชะงักเมื่อเห็นของในมือวิกกี้ เวล

ดอกไม้ไร้ชื่อสีขาว

“คุณเอามันมาจากไหน” บรูซถาม

“เป็นพร็อบที่วางไว้ตรงนั้น” วิกกี้ชี้ไปยังกองข้าวของที่มุมสตูดิโอ ก่อนส่งดอกไม้มาให้ “ลองคาบให้ดูหน่อยสิ”

“สะอาดหรือเปล่า” บรูซยิ้มมองพลางขมวดคิ้ว พลิกดูดอกไม้ในมือ กลีบของมันค่อนข้างใหญ่ มีเกสรสีเหลืองสด ก้านมีสีน้ำตาลอ่อนเจือกับเนื้อสีเขียว และมีกลิ่นหอมบางเบาที่ทำให้เขารู้สึกไม่วางใจ

วิกกี้กลอกตา “เดี๋ยวฉันหาน้ำกับกระดาษซับมาให้ คุณห้ามขยับนะ”

บรูซโคลงหัว ฟังเสียงส้นสูงถอยห่างออกไปขณะที่ตายังจ้องดอกไม้ในมืออีกฝ่ายจนลับประตู ภาพวันที่ยืนอยู่ในสุสานผุดพรายขึ้นเหมือนฟองอากาศบนผิวน้ำ ความเย็นเยียบในอกลุกลามคล้ายต้องหยาดฝน ความทรงจำแสนไกลแต่ความรู้สึกยังสดใหม่ ความไม่ไว้วางใจ ความกลัว เบาบาง ละเลียบนิ่ง เป็นเมฆดำลอยต่ำเทียบพื้นผิว วันนั้นเขาอาจถูกทำร้าย อาจตาย แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น

เขากลับได้รับคำที่ไม่รู้ความหมาย คำโป้ปด คำขู่ หรือคำสัญญา? เขาไม่แน่ใจเลยว่ามันคืออะไร นอกจากข้อความ เมื่อถึงเวลาแล้วฉันจะมาขอคืน

ทว่าเวลาก็ผ่านมาสิบห้าปีแล้ว นับแต่เหตุจลาจล ไม่มีใครพบโจ๊กเกอร์คนนั้นอีก เขาหายตัวไปในกลีบเมฆ กลายเป็นตำนานเมืองที่ไม่มีใครทราบชะตากรรม

ดอกไม้สำหรับคนตาย ถึงอย่างไรก็แค่ดอกไม้ แค่ความบังเอิญ ดอกไม้ที่ถูกเด็ดจากต้น ไม่มีทางผลิกลับคืนหรือเจริญเป็นต้นใหม่ เขาจะมาเก็บเกี่ยวอะไร ซากเน่าของดอกไม้หรือ

“จะเริ่มการถ่ายแล้ว” เสียงจากตากล้องประกาศบอก “กรุณาเงยหน้าขึ้นด้วย คุณเวย์น”

บรูซเงยหน้าขึ้น ประหลาดใจต่อสำเนียงที่ส่งมา แต่เขาไม่เห็นว่าผู้กำกับกล้องเป็นใคร อีกฝ่ายอยู่ด้านหลังเลนส์ ศีรษะจดจ่อตรงช่องมองภาพ เห็นแค่มือที่ประทับข้างอุปกรณ์ มือเรียวยาวขาวซีด เห็นข้อต่อนูนคล้ายรอยต่อของก้านดอกไม้ คล้ายมือของโครงกระดูก

เพราะตนอยู่ใต้แสง อีกฝ่ายอยู่ในเงามืด บรูซไม่อาจมองชายคนนั้นได้ถนัดตา แค่คลับคลาว่ามือคู่นั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคย แค่หวั่นระแวงสายตาตนเองที่เห็นเส้นผมของใครคนนั้นดูคล้ายสีสันของใบไม้

ความกลัวของเขาไม่เคยผิดพลาด

“ลืมพร็อบไปได้ยังไง” ตากล้องโพล่งเสียงแหลม เอียงใบหน้ามาสบตา ใบหน้าขาวโพลนผิดประหลาดที่เคลือบรอยยิ้มเปี่ยมสุข เหมือนแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล “คุณเวลถือดอกไม้หายไปไหนแล้ว ใครก็ได้ไปเอาของจากหล่อนมาที! ”

บรูซจ้อง ไม่รู้สึกถึงชีพจรของตนเลยแม้มันจะสั่นสะเทือนเพียงใดภายใต้ซี่โครง เขาเพิ่งสังเกตถึงความเงียบงันผิดปกติ เพิ่งสังเกตว่าทีมงานทุกคนที่เดินออกจากห้อง ไม่มีใครได้กลับเข้ามา ไม่เหลือใครในนี้อีกแล้วนอกจากชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนข้างประตูเข้าออก ตัวเขาเอง และโจ๊กเกอร์

ชายที่ยืนข้างประตูพรวดพราดออกไปขณะที่หญิงสาวหัวเราะคิกคัก

โจ๊กเกอร์หันกลับมาทางเขา ก้าวเข้ามาใต้แสงไฟ อีกฝ่ายไม่ได้ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งที่พบกันในสุสานเลยสักนิด ราวกับเวลาเป็นเพียงสีสันที่แต่งแต้มตัวตนให้ฉูดฉาดขึ้น เฉียบคมขึ้น ประกายแตกซ่านในดวงตาของเขาไม่ใช่เพียงเศษแก้วที่อาจตำมือ แต่เป็นบางสิ่งที่อาจบาดร่างกายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เจ้าชายแห่งอาชญากรรม ราชาแห่งโลกใต้ดิน เขาเป็นอะไรมากมายตลอดหลายปี แต่สำหรับบรูซ ตัวตลก

ตัวตลกที่ไม่เคยเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้เลยสักครั้งเดียว

โจ๊กเกอร์ยกนิ้วขึ้น ตาเหลือกมองเพดานราวกับคิดอะไรออก “ไม่สิ ๆ ยังมีเหลืออีกดอกหนึ่ง อยู่ไหนกันนะ”

เขาเท้าสะเอวเดินก้มหาอย่างงกเงิ่น ใต้เก้าอี้ ข้างโคมไฟ บริเวณหีบเก็บของ จนกระทั่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยังคงสอดส่องสายตาหาดอกไม้ จากนั้นจึงชะงักข้างพนักแขน แหงนหน้ามองบรูซที่สะกดลมหายใจจ้องตอบ ตัวตลกยืดแขนผ่านข้างแก้มของเขาราวกับเอื้อมหาบางสิ่ง ใบหน้าใกล้เข้ามา แต่ดวงตามองไปด้านหลัง

“ทาดา!” โจ๊กเกอร์ร้องลั่น ดึงแขนกลับมาพร้อมดอกไม้ในมือ ดอกไม้สีขาวไร้นาม

ดอกไม้สำหรับคนตาย

ความเย็นยะเยียบกัดกินหัวใจบรูซอย่างรวดเร็ว “ใคร” บรูซถาม

“ใคร?” โจ๊กเกอร์เอียงคอ งุนงง ทว่าไม่เคยสลายรอยยิ้ม “เธอถามถึงใครเหรอ”

“ดอกไม้สำหรับใคร” บรูซพูด

โจ๊กเกอร์เท้าคางกับพนักโซฟา ถือดอกไม้ไปมาผ่านหน้า “ที่นี่ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว อาจจะเว้นเพื่อนสาวของฉันที่ตรงมุมนู้น แต่นี่เป็นเรื่องของเราสองคนเท่านั้น และดอกไม้นี้ก็เป็นของฉัน จำไม่ได้เหรอ บรูซซี่ฉันเคยบอกเธอว่าจะมาขอคืน!”

ฟังเสียงหัวเราะเยาะเย้ยแล้ว บรูซยังนิ่งเงียบ เขาไม่รู้เจตนาของโจ๊กเกอร์ นี่ไม่ใช่เรื่องที่คาดคิดว่าจะเกิด การพบในฐานะแบทแมนกับบรูซ เวย์น ต่างกันมาก บรูซควบคุมลมหายใจ เขาจำเป็นต้องเยือกเย็นยิ่งกว่าครั้งไหน

เมื่อไม่มีเกราะคั่นกลาง สถานการณ์ยิ่งอันตรายกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เหมือนถูกมัดมือเท้า ไม่อาจเสี่ยงเปิดเผยความลับ ไม่อาจเสี่ยงเอาชีวิตไปแลก

“นั่นไม่ใช่ดอกไม้ของฉัน” บรูซกล่าวเสียงเฉยเมย

โจ๊กเกอร์หัวเราะพลางส่ายหน้า ทว่าไม่มีความปรานีใดปรากฏพร้อมกัน “โตขนาดนี้แล้วก็ยังเอาแต่ทำหน้าบูดบึ้งไม่เปลี่ยน เธอจะไม่ยอมเผยรอยยิ้มให้ฉันเห็นสักครั้งจริงเหรอ แม้แต่ดอกไม้ก็ยังต้องบานสักครั้งในรอบปีเลยนะ”

บรูซเกือบจะหัวเราะ แค่เกือบจะ “น่าเสียดายที่ฉันไม่ใช่ดอกไม้”

ด้วยเหตุผลบางประการ ม่านตาโจ๊กเกอร์ขยายกว้าง “เธอจะโปรยเศษความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนปิดประตูใส่หน้ากันแบบนี้ตลอดไปไม่ได้นะ มันไม่มีมารยาทเอาซะเลย”

บรูซขมวดคิ้ว มองตามร่างที่เหยียดตัวยืนสูงค้ำหัว ไม่เข้าใจว่าเขากล่าวถึงอะไร ไม่เคยเข้าใจคน ๆ นี้อย่างถ่องแท้

โจ๊กเกอร์ยื่นดอกไม้มาตรงหน้าเขา “คุณเวลคาดหวังให้เธอคาบมันไว้ในปาก”

รอยยิ้มตัวตลกสำแดงประกายที่ทำให้บรูซครั่นตัว แต่ในท้ายที่สุด บรูซรับมันมาถือไว้ในมือ ขณะที่โจ๊กเกอร์ถอยหลังกลับเข้าเงามืด คล้อยไปเบื้องหลังเลนส์กล้อง

“แล้วคุณล่ะ” บรูซเอ่ยขึ้นก่อนปรายตาไปที่เลนส์ “อยากให้ฉันทำยังไงกับมัน”

เขากำลังเล่นบนน่านน้ำที่ครั้งหนึ่งทำเพียงมองจากริมรั้วเหล็ก มันอาจจะเป็นแค่คลื่นกระทบชายฝั่ง มันอาจจะเป็นคลื่นยักษ์ที่โหมมาโดยไม่อาจตั้งตัวรับทัน

“เธอยังติดค้างของขวัญสำหรับฉันอยู่” เสียงนี้กล่าวอย่างเงียบงัน เกือบจะคล้ายว่าไม่มั่นใจ

“คุณไม่ได้เอาไปแล้วหรอกเหรอ” บรูซเลิกคิ้ว

เขาเห็นเส้นผมสีเขียวทึบสะบัดไปมา

“ทำไมถึงมีแต่ฉันฝ่ายเดียวที่ต้องรู้สึก...” โจ๊กเกอร์กล่าวพึมพำอีกยืดยาว ฟังไม่ได้ศัพท์ อีกทั้งกระสับกระส่าย “แค่รูปถ่ายไม่ทำให้สึกหรอหรอกน่า แค่รูปเดียว ฉันเก็บความลับให้เธอตั้งเยอะนะ ที่รัก”

บรูซนิ่งมอง ความเคลือบแคลงเล็ก ๆ ที่รอคอยอยู่หลังกะโหลกเคลื่อนไหวโดยพลันเหมือนทานตะวันสัมผัสถึงแสงอาทิตย์

แต่ไม่มีความสว่างสดใสใดรออยู่ที่ขอบฟ้า บรูซอาจไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของตัวตลก แต่เขารู้ดีว่าสิ่งใดที่โจ๊กเกอร์แตะต้อง สิ่งนั้นพังทลายอย่างไม่เหลือเศษซาก

เกิดอะไรขึ้นกับทุกคนในสตูดิโอนี้ บรูซเหลือบมองประตู เห็นหญิงสาวยืนกอดอกพิงผนัง เปลือกตาปิดสนิท ทำราวกับไม่ขอรู้เห็น คนของโจ๊กเกอร์ที่ออกไปก็ไม่ได้กลับมาเช่นกัน ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติเลยหรือ

มองกลับไปยังโจ๊กเกอร์ บรูซตระหนัก เวลาคงกำลังนับถอยหลัง หากเขาดึงเวลาออกไป จะมีคนเรียกตำรวจมาหรือเปล่า

“คุณฆ่าใครไปหรือเปล่า” บรูซถาม และพบว่าตนดูใจเย็นกว่าที่รู้สึก

“วันนี้ยังเลย”

น้ำเสียงคล้ายพิจารณาข้อเสนอของอีกฝ่ายทำให้ต้องเม้มริมฝีปาก “อย่างนั้นก็อย่าทำ”

“ฉันไม่จำเป็นต้องฟังเธอเสียหน่อย” โจ๊กเกอร์ขบขัน

“คุณไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก็ได้ แต่คุณก็ยังขอก่อน เพราะอะไร? อะไรทำให้ฉันมีสิทธิ์เหนือเหยื่อทุกคนของคุณ”

“เธอไม่ใช่เหยื่อของฉัน และคนพวกนั้นก็แค่พวกสวะ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันเป็นอะไรล่ะ”

ถึงตรงนี้ ความเงียบที่น่าอึดอัดก็ครอบคลุมทั่วห้อง

ความอึดอัดที่มีแค่บรูซคนเดียวที่รู้สึก ขณะที่หญิงสาวแปลกหน้ากลั้นลมหายใจรอ ขณะที่โจ๊กเกอร์ค่อย ๆ คลี่ยิ้มเคลิบเคลิ้มราวรำพึงเรื่องแสนสุขในปราการความคิดอันยุ่งเหยิง

ในความมืด รอยยิ้มของตัวตลกผิดเพี้ยนไป หากความไร้ระเบียบนั้นยังสามารถไร้กฎเกณฑ์ได้ มันก็ถลำลึกไปไกลกว่าที่การรับรู้ของคนทั่วไปจะตามทัน

“คาบมันไว้” โจ๊กเกอร์กล่าวเสียงหวาน “ฉันอยากเห็นเธอคาบมันเหมือนกับที่โรมิโอทำระหว่างเข้าหาจูเลียต”

“วันนี้จะต้องไม่มีคนตาย” บรูซยื่นคำขาด โจ๊กเกอร์หัวเราะก้องห้อง

“มีคนตายทุกวันนะ บรูซ”

บรูซรู้ดี รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางหยุด มีเพียงเขาที่ต้องเข้าขัดขวาง “ต้องไม่ใช่ด้วยมือคุณหรืออาชญากรคนไหน”

“นั่นเกินการควบคุมของฉัน”

“คุณเป็นเจ้าชายอาชญากรรมของก็อทแธม” บรูซตอกกลับด้วยเสียงเคลือบน้ำผึ้ง “เป็นราชาเสียด้วยซ้ำ จะทำอะไรไม่ได้เลยหรือ”

เสียงหัวเราะใสลอยลอดจากริมฝีปากหญิงสาว

เสียงทอดถอนใจอย่างเสแสร้งดังมาจากชายร่างผอมสูง “คงมีแค่อัศวินที่ทำให้ฉันยอมจำนน”

บรูซตัวแข็งทื่อ ก่อนตัดความคิดกังวลที่ลามเลียอยู่เบื้องหลัง “ตกลงหรือเปล่า”

โจ๊กเกอร์จุ๊ปาก เหมือนที่สุสาน ทำเหมือนว่าเขาคือเด็กที่ไม่รู้ว่าของฟรีไม่มีอยู่จริงบนโลก “ฉันไม่เคยปฏิเสธคำขอร้องจากเธอได้อยู่แล้ว” เสียงหัวเราะชอบใจดังตามมา “ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว”

บรูซไม่รู้ว่าตนแสดงสีหน้าอย่างไรออกไป เขาแค่ไม่ชอบที่โจ๊กเกอร์ทำเหมือนรู้จักเขามาทั้งชีวิต

โจ๊กเกอร์ไม่ควรรู้จักบรูซ เวย์น เกินเลยไปกว่าการได้ยินชื่อจากปากคำคนอื่น

บรูซจ้องมอง คาบก้านดอกไม้ไว้ในปาก

“ต้องอย่างนั้น” โจ๊กเกอร์พูดเสียงแผ่ว

เสียงจับภาพ แสงจากไฟ พวกมันทำให้บรูซตาพร่าจนเขาต้องหลุบหน้าลงในวินาทีถัดมา หลุดจากท่าทางที่เคยคงไว้

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง บรูซเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ กำลังจะทักท้วง แต่โจ๊กเกอร์ยกนิ้วแนบริมฝีปากตนเอง เป็นสัญญาณความเงียบ

“รูปแรกยกให้คุณเวล”

โจ๊กเกอร์บอก สีหน้าสนุกสนานมากเกินกว่าที่จะมองได้โดยไม่รู้สึกอะไร

“รูปที่สองฉันจะเก็บไว้เอง”





sds


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น