วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2565

[MHA] All of the worst parts of fire (Dabi/Hawks)


All of the worst parts of fire

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Warning : Depression, Self-harm, Domestic Violence, Graphic Depictions Of Violence, Body Horror, Murder

Summary : บันทึกคำให้การของดาบิ เกี่ยวกับคำแนะนำสำหรับบรรณารักษ์คนใหม่

Note : Alternate Universe - The Magnus Archives (Horror fiction anthology podcast) ไม่เคยฟังก็อ่านได้ค่ะ แต่มีการกล่าวถึงส่วนหนึ่งของสปอยล์ที่สำคัญมากในซีซั่นสามของพอดแคสต์นะคะ





บันทึกหมายเลข 0172404

คำให้การของดาบิ เกี่ยวกับคำแนะนำสำหรับบรรณารักษ์คนใหม่ บันทึกโดยตรงจากผู้มอบคำให้การ โดย มิโดริยะ อิซึกุ


เริ่มคำให้การ

นายสงสัยว่ามันเป็นยังไงใช่ไหม ความรู้สึกของการสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป อันที่จริงนายน่าจะรู้สึกถึงมันบ้างแล้ว เพียงแต่ยังยอมรับไม่ได้ นายแค่ต้องลองเปลี่ยนมุมมอง มองให้ออกว่ามันไม่ใช่ความสูญเสีย...อย่างน้อย มันก็ไม่ใช่การสูญเสียอะไรไปสำหรับฉัน

เมื่อกี้นายเรียกพวกมันว่าอะไรนะ พระเจ้าเหรอ คำนั้นออกจะดูดีเกินจริงไปหน่อย แต่ในเมื่อพวกมันมอบเป้าหมายให้เรา มอบสิ่งที่เราสามารถทุ่มเทความพยายามอย่างลุ่มหลงมัวเมาโดยไม่อิดออด และความกระสันอยากที่จะแผดเผาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด... เราจะเรียกพวกมันอย่างนั้นก็ได้ พระเจ้า ดังนั้นมันก็ควรจะไม่ใช่ความสูญเสีย ฉันสูญเสียตัวเองไปนานแล้วก่อนที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพวกมัน

พ่อของฉันเป็นพวกที่คิดว่าจะต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดตลอดเวลา เขาทะเยอทะยาน เชื่อว่าตนเองพิเศษกว่าคนอื่น ๆ ที่รับใช้พวกมัน แต่ในบรรดาพวกมันทั้งหมด เขาเชื่อมั่นในพระเจ้าของตนเองอย่างที่สุด พระเจ้าแห่งความเปลี่ยวร้าง กลืนกินโลกจนมืดมัว ความร้อนอันล้างผลาญอย่างสาหัสสากรรจ์บนเนื้อหนังที่ถูกเผาไหม้และดินแดนที่เหลือเพียงตอตะโก ไฟไร้แสงที่ถูกฉีกทึ้งไออุ่นจนสิ้นซากและหลงเหลือแต่เชื้อแห่งความหวาดผวา ส่วนที่เลวร้ายที่สุดของไฟ นั่นแหละพระเจ้าของเขาและของฉัน

เขาไม่เคยลังเลเลยสักครั้งที่จะใช้ใครก็ตามมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับความรุ่งโรจน์ของเขา เป็นโชคดีสำหรับฉันและพี่น้องที่ความทะเยอทะยานของเขาลุกลามไปถึงการส่งต่อคบเพลิงนั้นให้กับทายาท เพราะอย่างที่เห็น การเป็นเพียงกลุ่มคลั่งลัทธิไม่อาจเติมเต็มความกระหายโหยนั้นได้ เขาต้องการครอบครัวที่เคารพนับถือพระเจ้าเพียงตนเดียวเหมือนกับพวกไอซาวะ เธอน่าจะเคยได้ยินหรือได้เห็นมาแล้ว ไอซาวะทั้งตระกูลเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแห่งความเดียวดาย ปัญหาก็คือมันยากกว่าที่เห็นมาก พระเจ้าพวกนั้นไม่เคยสนใจเรื่องการสืบสายเลือด แต่คุณพ่อที่รักของฉัน แน่นอน เขาไม่เคยยอมแพ้ เขามุ่งแต่จะตรงไปข้างหน้า แม้ในขณะที่ควรถอยกลับอย่างที่สุด

มันเริ่มจากกฎเล็ก ๆ บนโต๊ะอาหารที่ไม่เคยปริออกจากปาก มันอยู่ในสายตาของเขา ทุกครั้งที่ฉันสบตาเขา ข้างในนั้นเป็นเหมือนอุโมงค์ที่ท่วมท้นด้วยเพลิง มันตรึงร่างฉันไว้ ทำให้ฉันไม่กล้าขยับนานหลายนาที ไม่กล้าแตะอาหารที่อยู่บนโต๊ะ เวลานั้นฉันเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนเมื่อเขาพูดว่ากิน ฉันถึงหลุดออกจากภวังค์ รีบตักอาหารเข้าปากอย่างไม่ทันคิด และคายมันออกมาในทันทีเพราะความร้อนไหม้ที่เหมือนกับเพิ่งปรุงสุกจากเตา ทั้งที่เวลาผ่านมาพอสมควร มันไม่ควรจะร้อนขนาดนั้น แต่ไอขาวจัดยังลอยกรุ่นอยู่เหนือจานของฉัน แค่ของฉันกับของพ่อ ทุกคนบนโต๊ะนั่งเงียบ แม่กับพี่น้องคนอื่น ๆ ไม่พูดอะไรเลย ฉันตื่นตระหนก แสบไหม้จนน้ำตาคลอ แล้วพ่อก็พูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กิน

จากวันนั้นทุกอย่างที่ฉันกินก็ร้อนไหม้เหมือนกลืนไฟลงคอ เธอเคยเผลอทำแบบนั้นไหม ความรู้สึกลิ้นพองเพียงเพราะลืมเป่ากาแฟก่อนดื่ม มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับการที่อาหารทุกมื้อสุกร้อน การที่น้ำอาบคือน้ำเดือดแทบระเหยเป็นไอ เรื่องพวกนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน สำหรับตอนนั้นคงพูดได้เลยว่ามันเป็นความโชคร้ายในโชคดี ฉันไม่ถูกใช้เป็นฟืนเติมความร้อนให้กับพระเจ้าของเขา แต่ฉันก็ยังคงถูกเผาทั้งเป็น

ฉันพยายามแล้ว เชื่อเถอะว่าฉันพยายามทำทุกอย่างให้เขาพอใจ เพื่อจะกันคนอื่นให้พ้น เพื่อให้เขาไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ ฉันเชื่ออย่างลม ๆ แล้ง ๆ ว่าสักวันเขาจะหยุด เขาจะคิดได้ว่าถึงฉันยอมทำตามคำสั่งทุกอย่างแต่ฉันก็ไม่ชอบมัน ไม่มีใครในบ้านหลังนั้นชอบ

แต่คุณพ่อผู้ยอมพลีทุกสิ่งแม้กับเรื่องที่ไม่ใช่กงการของเขาให้กับเปลวไฟ ไม่รู้จักคำว่าพอ

จับมือฉัน คำสั่งของเขาเรียบง่ายที่สุดแต่น่าหวาดผวาเสียจนทุกอย่างในร่างของฉันถูกทดแทนและอิ่มอาบด้วยความกลัว ลมหายใจของเขารดลงมาเหมือนลมที่ร้อนที่สุดจากแอ่งหินหลอมเหลว เขายื่นมือออกมา ฉันพยายามปัดมือเขาออก อะไรบางอย่างบอกว่าฉันจะไม่ชอบสิ่งที่เขาทำมากกว่าครั้งไหน และฉันก็ไม่ชอบจริง ๆ แค่สัมผัสด้วยหลังมือเท่านั้น ฉันล้มลงกุมมือก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังกรีดร้องเสียอีก สองตาพร่ามัว แต่เห็นอย่างแจ่มชัดว่าเนื้อหนังบริเวณที่สัมผัสกับเขาแดงจัด กรอบเกรียมห้อเลือด ราวกับว่าหากสัมผัสอีกนิด แค่ปลายนิ้ว ทุกอย่างก็จะหลุดร่วงกระทั่งเห็นโครงกระดูก

เมื่อมองไปที่เขา มือของเขา มันอยู่ในสภาพที่เลวร้ายเกินจินตนาการ มันยุบลงไปตรงที่ฉันออกแรงปัดเหมือนขี้ผึ้งเหลว

เขาไม่ได้ร้องอย่างเจ็บปวด ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างนอกจากจ้องมอง และยิ้ม

ตอนนั้นเองที่ฉันตระหนักได้ว่าต้องการให้เขาทนทุกข์ทรมานขนาดไหน

แต่อีกนานทีเดียวกว่าที่ฉันจะเริ่มลงมือทำตามความปรารถนานั้น แม้จะหนีออกจากนรกมานานหลายปี ฉันประสบความสำเร็จมากรู้ไหม แม้จะไม่มีทุนรอนติดตัวเลย ฉันเคยเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อพอตัว ครั้งหนึ่งเงินคือสิ่งที่กระตุ้นไฟของฉันได้ดีที่สุด เมื่อเธอกลายเป็นคนเร่ร่อน เมื่อไม่มีเงินทุกอย่างก็ยากไปหมด ฉันจึงกลับเข้าสู่วังวนของการพยายามเติมเต็มความต้องการให้คนอื่นอีกครั้ง ทำทุกอย่างเพื่อให้ตั้งตัวได้ ทำงานไม่รู้จักพัก เข้าสังคม ทำตัวให้กลมกลืน... ดูสมเหตุสมผลแล้วที่ฉันเป็นลูกเขา พวกเราดันทุรัง จนวันหนึ่งที่ชีวิตเป็นเหมือนภาพที่วาดไว้ ฉันกลับพบว่าตนเองเหือดแห้ง ไม่เหลือเชื้อเพลิงสำหรับการขับเคลื่อนใด ๆ อีก

แต่ไหนแต่ไรฉันก็เป็นคนนอนน้อยอยู่แล้ว คราวนี้มันกลับแย่ลงกว่าเดิมเมื่อฉันรู้สึกไม่สงบพอที่จะหลับ ฉันไม่ได้ลงแรงทำอะไรมาก แต่แทนที่จะเปี่ยมล้นด้วยพลังงาน ฉันกลับเฉื่อยชา ซึมเซาในเวลาเดียวกับที่กระสับกระส่ายเหมือนมีจุดระคายเคืองแต่มือลูบไปไม่ถึง และผู้คนเริ่มสังเกตเห็น คนที่ทำงาน เพื่อนบ้าน งานเริ่มถดถอย คนเริ่มกระซิบกระซาบ หลบหน้า จะเข้าหาก็เพียงแต่เพื่อนำเรื่องใหม่ ๆ ไปบอกปากต่อปาก ฉันหมดแรงคล้ายกับถูกทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องเผชิญในแต่ละวันแผดเผา ทุกอย่าง ยกเว้นแค่มัน

เหมือนเป็นมุกตลกของพระเจ้า ต้นเหตุซึ่งนำมาสู่ความตกต่ำคือสิ่งเดียวกับที่ฉุดดึงฉันขึ้นมา

ไม่รู้ทำไมในช่วงที่กำลังมอดดับ ฉันจึงนึกถึงคุณพ่อที่แสนดีขึ้นมา นึกถึงตอนที่เขาเผาฉันอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก ภาพของมือที่ถูกฉันปัดจนบุบสลายเหมือนขี้ผึ้งลนไฟ หลังจากที่ฉันสะกดกลั้นเสียงกรีดร้องได้ เขาก็ค่อย ๆ บรรจงปั้นมือของตัวเองขึ้นมาใหม่ กอบเนื้อที่หลอมเป็นหยดลงพื้นอย่างเยือกเย็น อดทน และแผลเป็นบนใบหน้าของเขาก็แดงก่ำไม่ต่างจากแผลบนหลังมือของฉัน ฉันไม่ได้นึกถึงเหตุการณ์นั้นมาพักใหญ่แล้ว แทบไม่ฝันถึงมันอีกแล้ว แต่กลับจำติดตาเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ความรู้สึกร้อนรุ่มยังแลบเลียอยู่บนหลังมือของฉัน กลิ่นของควัน กลิ่นของไม้ขีดไฟและธูป จางเจืออยู่ในโพรงปอด ปลุกเร้าความปรารถนาที่จะทำลายให้สูบฉีดแผดเผาในเส้นเลือด

แล้วทันใดนั้นฉันก็รู้ว่าต้องทำอะไร

ฮากามาตะคือคนที่ฉันเลือก จริงอยู่ว่าฉันมีเพื่อนร่วมงานมากมาย มีคนที่สนิทสนมพอจะเรียกว่าเพื่อน มีคนที่ชังน้ำหน้า และรู้จักคนที่น่ารังเกียจเกินจะนับ แต่ฮากามาตะแตกต่างจากคนอื่น เขาไม่ได้ละโมบโลภมากหรือน่าขยะแขยง เขาแค่...มีหลายสิ่งให้ตั้งตารอ มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้ชีวิตของเขาเกิดคุณค่า ตำแหน่งหัวหน้าแผนก ภรรยาที่แสนดี ลูกที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน บ้านหลังใหม่อันสวยงาม สีหน้าของเขาเวลาเขาพูดกับฉันมักจะแต้มความหวัง ความสว่างไสวของคนที่เป็นสุขล้นพ้น พึงพอใจกับชีวิตที่แม้แต่ฉันเองยังต้องยิ้มตาม

การชวนเขาออกไปดื่มในคืนวันศุกร์ก็ง่ายดายเสียจนน่าสงสาร เขาเห็นสภาพอ่อนแรงไร้จุดหมายของฉันมาโดยตลอด คงคอยท่าจะพูดคุยปลอบประโลมกันอยู่นานแล้ว เปิดโอกาสให้ฉันพาเข้าไปยังตรอกเปลี่ยวร้างละแวกชินจูกุ เขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะกรีดร้อง ดวงตาของเขายังไม่ทันแสดงความตกใจเลยเมื่อตอนที่ลำคอของเขายุบเข้าไป

แล้วเขาก็ตาย ง่าย ๆ แค่นั้น ฉันไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการตายของเขาเลย แค่สงสัย และหงุดหงิด...ว่าจะกลบร่องรอยของตัวเองยังไง มีคนเห็นเขาเดินกับฉันตั้งมากมาย ทำไมโง่เง่าถึงขนาดที่ไม่ไตร่ตรองแผนการก่อนหน้านี้

ท่ามกลางกลิ่นเนื้อไหม้ ตอนนั้นเองที่ฉันได้กลิ่นควันและธูปบางเบา กลิ่นเทียนไข แล้วกลิ่นน้ำมันที่คล้ายกับน้ำมันหมูก็กำจายออกมาจากร่างที่มอดไหม้ด้วยเปลวไฟที่มองไม่เห็น ประสาทสัมผัสของฉันแหลมคมขึ้นในวินาทีนั้น ร่างกายของฉันท่วมท้นด้วยพลังที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน กลืนกินฉันด้วยความรัก ความทรมานแสนสาหัสและความกลัว ฉันนึกออกแล้วว่าทำไมความทรงจำเกี่ยวกับคุณพ่อถึงประทับฝังแน่นในสมอง เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบพระเจ้าของฉัน เปลวไฟไร้แสงแห่งนรกรกร้าง ความเจ็บปวดและมหาวิบัติ น้ำตาแห่งความยินดีของฉันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากไอเดือดระเหยหายไปในอากาศ

แต่ร่างของฮากามาตะไม่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียหมด ต้องเหลือหลักฐานระบุตัวตนไว้บ้าง ให้คนรู้ว่าเขาไม่ได้แค่หายไป แต่ตายในสภาพที่น่าเวทนาที่สุด อีกอย่างความตายไม่ใช่เป้าหมายของพวกเราแต่แรกแล้ว เป็นความวิบัติล่มจมที่เกิดต่อมาจากความตายนั้นต่างหาก แค่ใส่หลักฐานทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ ทรัพย์สินของแม่หม้ายลูกติดก็ถูกริบออกมาเหมือนทึ้งเนื้อจากกระดูก

คุณพ่อของฉันพยายามเปลี่ยนฉันมานานเหลือเกิน แต่ลงท้ายแล้วเขาก็เหมือนคนอื่น เป็นแค่เชื้อเพลิงให้ฉันเหยียบย่ำต่อไป ไม่มีหนทางแห่งการทำลายประเภทใดที่จุดประกายไฟได้สวยงามเท่ากับการเผาบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าอีกแล้ว และที่หอมหวานที่สุด คือการค่อย ๆ บ่อนทำลายพวกเขา รอคอยจนกระทั่งสายเกินไปที่พวกเขาจะฝ่ากองเพลิงออกมา กลายเป็นเหยื่อในกำมือ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาตายก่อนที่ฉันจะทาบมือได้ทั่วเนื้อหนัง บางคนแค่ครั้งเดียวก็หลอมเหลวเป็นกองเนื้อบนพื้น มีอยู่คนหนึ่งที่ทนทานได้นานจนถึงตอนนี้… แต่ฉันจะไม่ยอมเสี่ยงกับคนอื่นอีกแล้ว ฉันไม่อยากเสียโอกาสรีดเร้นความกลัวที่ลึกที่สุดของพวกมัน

นายถามว่าการเปลี่ยนผ่านนั้นรู้สึกยังไง สำหรับนาย ฉันไม่รู้ พวกมันมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน แต่สำหรับฉันมันคือการดื่มด่ำในความเจ็บปวด ยามที่เนื้อถูกเผา เส้นเลือดเป็นเหมือนท่อลำเลียงเพลิงอันไม่มีที่สิ้นสุด ประสาทสัมผัสทั้งหมดเปิดเปลือยต่อหน้าพระอาทิตย์ แผดร้องก่อนความตายที่น่าเฝ้าฝันจะมาถึง แต่มันจะไม่มีวันมาถึง ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปเป็นเชื้อเพลิงให้กับไฟ และมันจะไม่มีวันจบ เหมือนจุดไฟแช็กนั่นเอง แต่เมื่อมันปะทุสะเก็ดแล้วก็จะผลาญทุกอย่างในทันทีทันใด

แต่ส่วนที่เหมือนกัน ไม่ว่ากับพระเจ้าตนไหนก็คือพวกมันหิวโหย นายต้องให้อาหารมันอยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นนายก็จะเป็นอาหารเสียเอง เหมือนสัตว์เลี้ยงมากกว่าว่าไหม แต่เป็นสัตว์เลี้ยงไม่เชื่องที่พร้อมจะหันกลับมาแว้งกัดเราได้ 

อย่ากลัวมันคุณบรรณารักษ์ เหมือนกับที่ฉันไม่เกรงกลัวการถูกเผา

สิ้นสุดคำให้การ




ส่วนเสริม

ผมค้นหาข่าวที่มีชื่อฮากามาตะและพบว่ามีชายชื่อฮากามาตะ ซึนากุ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ปี 1991 ด้วยสาเหตุจากการถูกเผาทั้งเป็นภายในตรอกร้างย่านชินจูกุ ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพศพ และดูเหมือนว่ามีคนพยายามปิดข่าวนี้ให้เงียบที่สุดซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ผมคิดว่าบริษัทเอกชนคงไม่อยากให้ข่าวแบบนี้หลุดออกไปพร้อมกับเรื่องการทุจริตซึ่งจะทำให้พวกเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือจึงพยายามกลบด้วยข่าวอื่นเช่นการปรับเงินลงทุนในช่วงเวลาเดียวกัน นอกเหนือจากนี้แล้วผมไม่สามารถสืบค้นต่อไปได้อีกว่าฮากามาตะออกไปในบริเวณที่เกิดเหตุกับใคร หรือมีใครเป็นเพื่อนร่วมงานบ้าง

สำหรับตัวตนของดาบิ เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของลัทธิไลท์เลสเฟลม แต่เขามีชื่อเสียงอันน่าหวาดหวั่นแม้แต่กับคนในลัทธิ อ้างอิงถึงคำให้การหมายเลข 0171109 โดยมากุมะ อิวาตะ สมาชิกคนหนึ่งของลัทธิ กล่าวว่าเป็นไปได้ที่ดาบิจะเป็นผู้ที่มีพลังสูงสุดในบรรดาผู้รับใช้ของอะแซก เพราะกระทั่งเจ้าลัทธิโทโดโรกิเองก็ยังไม่สามารถเผาใครให้ตายลงในสัมผัสเดียว ผมค่อนข้างเชื่อตามคำบอกเล่าของมากุมะเพราะร่างกายของดาบิที่ควรจะปรับสภาพตามการเปลี่ยนแปลงไปแล้วนั้น กลับยังมีแผลไหม้สีม่วงคล้ำเต็มไปหมด

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือความเป็นมาของดาบิ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่กล้ายืนยันความคิดที่เอาแต่ผุดวาบปะติดปะต่อเรื่องราวของเขา ดาบิเล่าว่าพ่อของเขาต้องการสร้างครอบครัวที่สืบทอดความเคารพนับถือต่อพระเจ้าตนนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าพ่อของเขาเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิไลท์เลสเฟลม ทั้งความทะเยอทะยานที่จะอยู่เหนือกว่าใครในกลุ่มลัทธิ และรอยแผลเป็นบนใบหน้าพ่อของดาบิก็ตรงกับรูปพรรณที่มากุมะบรรยายถึงเจ้าลัทธิโทโดโรกิ เอ็นจิ อยู่ไม่น้อย ผมยังไม่สามารถสืบสาวเรื่องราวในครอบครัวโทโดโรกิได้โดยตรง เรื่องนี้คงต้องรอแต่เวลาเท่านั้น

มีอีกประเด็นที่น่ากังวลเกี่ยวกับลัทธิไลท์เลสเฟลม ผมยังไม่ได้คำตอบว่าพวกเขาไปทำอะไรในป่าอาโอกิงาฮาระเมื่อปี 1978 ซึ่งเป็นปีเดียวกับเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ผมรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นปีเกิดของผมเองและยังเป็นปีเกิดเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่มาจากตระกูลโทโดโรกิ หลังจากทำงานในสถาบันมาได้ระยะหนึ่ง ผมเรียนรู้แล้วว่าสำหรับงานนี้ เรื่องบังเอิญไม่เคยมีความหมายเดียวกับเรื่องดี

ดาบิให้ที่อยู่ของใครอีกคนหนึ่งที่ผมหวังว่าจะช่วยชี้แนะเกี่ยวกับพระเจ้าตนอื่น ๆ ได้ เขาเป็นคนที่เคยถูกกล่าวถึงแล้วในคำให้การหมายเลข 9982112 ชายชื่อฮอว์คที่เคยปรากฏตัวในร้านหนังสือเก่าที่ซาซาโอกะ พลังของเขายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ผมคิดว่าควรจะเตรียมร่มไปเผื่อด้วยคันหนึ่ง

เขาน่าจะเป็นคนเดียวกับที่ดาบิเล่าในคำให้การ คนที่สัมผัสอย่างไรก็ไม่ยอมมอดไหม้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น