วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2565

[Stranger Things] the still and lightless beast, II (Billy/Steve)


the still and lightless beast

Stranger Things

— Billy / Steve —

Note : Alternate universe - fairies





Part II


บิลลี่ ฮาร์โกรฟ ตื่นขึ้นพร้อมเสียงกรีดร้อง

แต่เสียงที่ได้ยินไม่ได้มีเพียงเสียงของเขา เสียงหนึ่งแหลมลึกแปลกปลอม คล้ายดังมาจากอีกสถานที่อันห่างไกล อีกเสียงกลับคุ้นเคยเหมือนสะท้อนจากความฝัน ทว่ามันเต็มไปด้วยร่องรอยทุกข์ทนถึงขีดสุด

บิลลี่ลืมตาโพลง มองเพดานที่ไม่เคยเห็น เหงื่อพรั่งพรูทั่วร่าง ความเย็นที่เสียดแทงในกระดูกค่อย ๆ เลือนลงเป็นความอบอุ่นของเตาผิง

ใครบางคนกำมือของเขาแน่น ผมสีเพลิงขยับเข้ามาในครรลอง ดวงตาเด็กหญิงแดงก่ำ “บิลลี่”

“ไปให้พ้น” บิลลี่ขยับ ความเจ็บปวดเกลือกกลิ้งบนร่างเหมือนเม็ดทราย ขมับปวดตุบ เขาสับสน แต่ยังมีอีกอารมณ์หนึ่งขยับไหวอยู่เบื้องหลัง แปลกใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้อนรับอย่างเต็มใจ

เขาก้มลงมองอกเปลือยเปล่าก่อนเบิกตากว้าง “พวกแกทำอะไร”

“มันเป็นวิธีเดียว” มือของแม็กซ์แตะบนไหล่เขา ไออุ่นเต้นระริกเหมือนสะเก็ดไฟ “ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ นายอาจตาย”

“จริงหรือ” บิลลี่หัวเราะ ก่อนมองไปยังเฟย์อีกตนที่ยืนเงียบไม่ปริปาก “จริงหรือเปล่า ทอมมี่

ทอมมี่ล้มลงกับพื้นทันที กรีดร้องดังกว่ายามที่เขาตื่น สุดท้ายแล้วก็ต้องเปิดปากแม้จับความใดไม่ได้เลย

“บิลลี่ หยุดนะ” แม็กซ์ร้อง

บิลลี่สะบัดมือเด็กหญิงทิ้ง “เธอรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง” เขาเหยียดยิ้ม ชี้มายังอกซ้ายที่ประทับรอยสักรูปดวงอาทิตย์สีดำ และตรงกึ่งกลางวงกลมที่ถมหมึกมืด มีดวงตาดวงหนึ่งปิดสนิท มันคือสัญลักษณ์ของอนธการ “รอยสักนี้หมายความว่าใครสักคนกำลังจับสายจูงที่คล้องรอบคอฉัน

อากาศภายในห้องร้อนระอุ ทอมมี่นอนครวญเสียงแหบแห้งบนพื้นที่เปรอะด้วยของเหลวกับก้อนเมือกสีดำอันน่าขยะแขยง บิลลี่กวาดตาไปยังประตูบานหนึ่งที่เปิดแง้มอยู่ เสียงถกเถียงดังลอดออกมา เขาลุกออกจากเก้าอี้นอน มองอุปกรณ์สักวางทิ้งอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ใครก็ตามที่เป็นช่างเก็บงานไม่เรียบร้อย ซึ่งน้อยครั้งจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานกับเลือดและเนื้อ เห็นได้ชัดว่าผลงานบนอกซ้ายของเขาเป็นงานที่ต้องแข่งกับเวลา

ลมร้อนกระแทกประตูเปิด ดวงตาสี่คู่จ้องกลับมาอย่างตื่นตระหนก แต่ความสนใจทั้งหมดของบิลลี่มอบให้เพียงเฟย์ที่นั่งกึ่งนอนบนเตียงพับแบบเดียวกับที่เขาเพิ่งจากมา 

เขาจำต้องมอง เพราะสิ่งเดียวที่ชัดเจนในห้องนี้คือเสียงหายใจแผ่วเบาผ่านจมูกและริมฝีปากบางซึ่งเผยอขึ้นด้วยอาการตะลึงงัน คือความชื้นเหนียวเหนอะที่เคลือบคลุมบนผิวหนัง ความร้อนแสบที่ฝ่ามือและโดยเฉพาะปลายนิ้ว ความอิดโรยอันเนืองช้าแต่หนักแน่นอย่างเกลียวคลื่น คือวงหลุมลึกสีดำที่ขยายกว้างในดวงตา

คือตะวันดวงเดียวกันบนอกซ้ายของสตีฟ แฮริงตัน

“ฟังฉันก่อน” แฮริงตันเอ่ย เสียงของเขาเรียบเย็น อากาศที่บิดเบี้ยวจากอุณหภูมิสูงจัดค่อย ๆ สงบลงเหมือนถูกห่อคลุมด้วยความสงัดเงียบของราตรีกาล

แต่ความโกรธไม่ได้หายไปไหน เพียงกลายเป็นถ่านไฟพร้อมปะทุ บิลลี่ย่างสามขุมเข้าไปหาแฮริงตัน ทว่าเด็กหญิงคนหนึ่งที่เขาไม่คุ้นหน้าก้าวออกมาขวาง ดวงตาของเธอนิ่งขึง ต่างจากลูกมนุษย์หรือกระทั่งแฟรี่เกิดใหม่ เหนือริมฝีปากมีรอยเปื้อนคล้ายเลือด บิลลี่ได้กลิ่นสนิมรวมทั้งความกังวลที่ไม่ใช่ของตน

เขาเห็นสายใยระหว่างเด็กคนนี้กับแฮริงตันสว่างไสวราวกับสายไฟประดับต้นคริสต์มาส พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เป็นกลุ่มเฟย์ที่ผูกพันธสัญญา ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าอดีตราชารัตติกาลคลุกคลีกับลูกมนุษย์และเฟย์ประหลาดเป็นเรื่องจริง

ความหงุดหงิดดังก้องเหมือนน้ำหนึ่งหยดต้องผิวคลื่น ดวงตาถูกดึงดูดกลับไปหาแฮริงตันอีกครั้ง ใช้แค่เสี้ยววินาทีก่อนบิลลี่จะจับความหมายได้มั่นมือ แฮริงตันล่วงรู้ทุกสิ่งของเขา เหมือนกับที่เขารับรู้ทุกอย่างที่ผ่านความคิดของแฮริงตัน 

สิ่งที่อยู่ระหว่างแฮริงตันกับเด็กคนนั้นเทียบอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่อยู่ระหว่างแฮริงตันกับเขา แรงดึงดูดนี้เหมือนยามแสงเดินเข้าหาหลุมดำ มันกลืนกินทุกอย่างให้เป็นหนึ่งเดียว ขอบเขตเลือนจาง ไร้การแบ่งแยก เขาเป็นของเฟย์มืดเหมือนกับที่เฟย์มืดเป็นของเขา

“อธิบายมา” บิลลี่อยากเผารอยสักนี้ออกจากตัว ถ้าเพียงแต่มันเป็นรอยสักธรรมดาจากหยดหมึก

แฮริงตันคลายไหล่ลง แต่ยังเร็วไปที่จะวางใจ เพราะทันทีที่อีกฝ่ายคิดว่าเขายอมฟัง บิลลี่ก็นึกอยากต่อต้าน

“ฮาร์โกรฟ” เฟย์มืดเตือน

รอยสักมนตราไม่เพียงแต่ริบความสามารถในการสะกัดกั้นพลัง มันยังฉีกเปลือยวิญญาณต่อหน้าผู้มีตราประทับเดียวกัน จะไม่มีความลับใดเหลืออยู่ระหว่างพวกเขา

เด็กประหลาด แครอล และใครอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นช่างสักยืนตัวแข็งกลั้นลมหายใจ บิลลี่แยกเขี้ยวยิ้ม ถูกต้องแล้ว พวกมันควรจะกลัว “พูด”

“มายเฟลย์เยอร์” เป็นเด็กหญิงผมเข้มที่กล่าว “มันสิงสู่ในตัวคุณ”

เสียงคำรามดังกึกก้อง มันปรากฏจากความทรงจำที่แฮริงตันแบ่งปันผ่านรอยสัก เสียงกับกลิ่นเคมีประหลาดซึมแทรกทั่วอณูผิว ทำให้บิลลี่นึกอยากลอกผิวหนังที่เปรอะเปื้อนออก ขณะที่ภาพเลือนรางเหมือนเจ้าของความทรงจำไม่ต้องการให้เขาเห็นสิ่งที่อยู่ในความมืด

“สิ่งสุดท้ายที่นายจำได้คืออะไร” แฮริงตันถาม

บิลลี่เลื่อนกลับไปสบตาแฮริงตันอีกครั้ง เขาเห็นตัวเองจอดรถริมถนน มีเพียงแสงจากไฟข้างทาง เขากำลังไปหาคุณนายวิลเลอร์ แต่อะไรบางอย่างขัดขวาง

แฮริงตันเห็นสิ่งเดียวกัน เฟย์มืดแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนเมื่อเห็นสายตาที่เขาเคยสื่อสารกับคุณนายวิลเลอร์ บิลลี่ยิ้ม “พูดต่อสิ ฉันไม่ได้มีเวลาเล่นสนุกกับพวกนายทั้งวัน”

“นายน่าจะพอรู้อยู่แล้ว สองสามวันมานี้ไม่ได้รู้สึกเป็นตัวของตัวเองนักใช่ไหม” จากความหงุดหงิด ดวงตาสีน้ำตาลแสดงความสงสัย แฮริงตันขยับลงมายืน บิลลี่สังเกตว่ามืออีกฝ่ายบีบขอบเบาะแน่น และตัวก็ยืนพิงทิ้งน้ำหนักไปด้านหลัง

“แล้วมันเกี่ยวกับสิ่งนี้ยังไง” บิลลี่กัดฟันทั้งรอยยิ้ม ความทรงจำหลายชั่วโมงมานี้ไม่ปะติดปะต่อ ภาพที่ผ่านตาเหมือนภาพที่เห็นจากสายตาคนอื่น เขาหลุดจากการควบคุม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการใครคนอื่นมาบงการแทนที่

“เราเรียกสิ่งนี้ว่ามายเฟลย์เยอร์” แฮริงตันมองเหมือนรอคอยปฏิกิริยาบางอย่างจากเขา “มันมาจากสถานที่เดียวกับสิ่งที่ลักพาตัววิล บายเออร์ ไปเมื่อสองปีก่อน”

บิลลี่เคยได้ยินเรื่องนี้ พวกมนุษย์เล่าปากต่อปาก ออกข่าวไปทั่วรัฐ บรรดาแฟรี่นำมากระซิบกระซาบไม่ต่าง เพราะบายเออร์มีสายเลือดของฟาร์ เดอร์คา ต่อให้พวกเขาไม่สนใจว่าครึ่งมนุษย์ครึ่งแฟรี่จะอยู่หรือตาย แต่การหายตัวไปโดยไม่มีเฟย์ตนใดรู้เห็นหรืออ้างตัวว่าเป็นผู้กระทำนั้นผิดธรรมดา

เรื่องราวจบลงที่วิล บายเออร์ หลงทางในป่า ลึกอยู่ใต้เงาแมกไม้กับหนามแหลมที่แม้แต่เฟย์ยังกล้ำกรายไม่ถึง

“มันแทรกแซงสติสัมปชัญญะและควบคุมทั้งมนุษย์กับแฟรี่เพื่อหาอาหาร เพื่อหาเหยื่อเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ”

ฉับพลันนั้น ภาพร่างนับสิบที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงในความมืดก็ปรากฏหลังเปลือกตา ความเย็นจับขั้วเฉือนลงกลางอก บิลลี่นึกออก และเห็นสิ่งเดียวกันนี้บนใบหน้าของแฮริงตัน เฟย์รัตติกาลตัวสั่น แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากเขา

บิลลี่กลืนรสเฝื่อนขมลงคอ ความอึดอัดตรงช่วงอกชัดเจนขึ้น เหมือนมีอะไรบางอย่างฝังอยู่ จดจ่อรอคอยที่จะเคลื่อนไหวเบื้องหลังพลังที่เชื่อมโยงระหว่างเขากับแฮริงตัน บิลลี่สะกดกลั้นมันไว้ทั้งหมดก่อนเผาด้วยโทสะ “ถ้างั้นมันได้ตัวฉัน”

“กับพวกของเราบางส่วน” ทอมมี่เอ่ยจากด้านหลัง ไหล่พิงกรอบประตู ลมหายใจหนัก แม้จะกริ่งเกรง แต่ก็ฝืนสบตาบิลลี่ “มันได้เฮเทอร์กับแจ็คสัน”

“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้” แฮริงตันเอ่ยราวกับจะตำหนิ

“เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของนาย แฮริงตัน”

ความเจ็บปวดของแฮริงตันแล่นผ่านรอยสักมนตรา มันหวานฉ่ำเหมือนลูกเชอรี่สด บิลลี่เลียริมฝีปาก กระหายที่จะเต้นรำและกัดกิน

แฮริงตันควบคุมสีหน้าได้ดี คำตอบทำให้ชะงัก แต่แค่กะพริบตามันก็เหือดหายเป็นความเคร่งเครียด “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องภายในกลุ่ม มันกระทบกับเฟย์ทุกตนรวมไปถึงมนุษย์”

“แล้วยังไงต่อ พวกเราร่วมมือกันกำจัดไอ้ตัวเฟลย์อะไรนี่เหรอ” บิลลี่เสียดสี ยินดีที่เห็นรอยบึ้งตึงทั้งบนใบหน้าและจากความรู้สึก

“แค่ดูแลแฟรี่ในกลุ่มของนาย หาว่าพวกเขาหายไปกี่ตน” แฮริงตันบอกเสียงเย็น “ส่วนที่เหลือพวกเราจัดการเอง”

ปากกล่าวอย่างนั้น แต่บิลลี่ได้ยินถ้อยความประชดประชันชัดเจน พวกเราไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าของนายหรอก

“เท่ากับว่าถ้ากำจัดมันได้แล้ว รอยสักนี่ก็ไม่จำเป็น” บิลลี่กวาดมือมาที่รอยวาดบนอก

“ใช่”

“งั้นรออะไรอยู่ล่ะ” บิลลี่กวาดตามองแต่ละคนในห้อง ก่อนสะดุดกับตาแมวของแครอล

เฟย์สาวกระแอมไอ “เราควรจะบอกเฟย์ในกลุ่มเรื่องพวกนายยังไงดี”

บิลลี่นิ่งไป ขณะที่แฮริงตันตัวแข็งทื่อ อารมณ์หมุนเป็นพัลวันราวกับเพิ่งตระหนักได้ถึงผลพวงของการผูกมัดตนเองกับเขา

บิลลี่ไม่แปลกใจเลยหากแฮริงตันไม่ทันตระหนักถึงเรื่องนี้ การผูกพันธนาการกับกษัตริย์แตกต่างจากผูกพันธนาการกับแฟรี่ทั่วไป กษัตริย์เป็นของแฟรี่ในราชสำนักเสมอ เมื่อพวกเขามีคู่ แฟรี่ทุกตนจะรู้และคาดหวังว่าความสัมพันธ์จะนำมาซึ่งความอิ่มหนำสำราญ — สำหรับราชสำนักคิมหันต์ พวกเขาปรนเปรอบริวารด้วยการสมสู่ การสัมผัสจับต้อง ราชสำนักเหมันต์หรือแม้แต่รัตติกาลก็ไม่ต่าง 

เฟย์มืดดื่มกินความกลัวเป็นอาหารจานหลัก ความระทึกตื่นเร้าและกำลังรุนแรงล้วนโอชะ ขณะที่สัมผัสโอ้โลมวาบหวามคืออาหารหวาน

เมื่อใดที่บิลลี่ยกมนตร์กำบังสายใยที่มีต่อราชสำนัก เฟย์มืดทุกตนจะรู้ว่าพันธนาการระหว่างแฮริงตันกับเขาลึกซึ้งเกินธรรมดา ยิ่งเมื่อแฮริงตันเคยเป็นกษัตริย์ผู้ได้ชื่อว่าละทิ้งบัลลังก์เพื่อมนุษย์แล้ว พวกเขาก็อาจคาดหวังการคะนองเลือดบนสนามประลองมากกว่าบนเตียงเสียอีก

บิลลี่คลี่ยิ้ม “ไม่ต้องบอกอะไร ปล่อยให้พวกเขารู้เอง”

ใช่ว่าเขารังเกียจหรือต้องเป็นฝ่ายกังวลเสียเมื่อไหร่ 

แต่สำหรับแฮริงตันแล้ว นี่คงเป็นการกลับถิ่นเก่าที่ไม่ชวนสุขสันต์เอาเสียเลย ความอึดอัดและตึงเครียดจากเฟย์มืดแทบจะทำให้เงาตามมุมผนังดำมิดและไฟนีออนกะพริบอ่อนแรง

“แค่ชั่วคราว” แฮริงตันพูด แต่เหมือนปลอบตัวเองซะมาก บิลลี่หัวเราะในลำคอและได้รับสายตาเชือดเฉือนตามมาทันที “เราไม่จำเป็นต้องทำเรื่องอะไรแบบนั้น”

“น่าเสียดาย ได้ยินว่าตอนนายยังเป็นกษัตริย์รัตติกาล พวกเขาได้ทานของหวานกันจนเลี่ยนลิ้นเลยทีเดียว” บิลลี่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มขึ้น อารมณ์ร้อนเป่ารดผิวบิลลี่เหมือนลมเดือนมิถุนายน ไม่แสบไม่คัน แต่ร้อนพอให้เลือดหลอมราวหินเหลว “หากรู้สึกถึงมันหรือมีอะไรผิดปกติอีกให้มาบอกฉัน เราไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา”

เด็กหญิงผมเข้มหันไปขมวดคิ้วใส่แฮริงตัน บิลลี่สังเกตเห็นและยังรู้สึกได้ว่าแฮริงตันกำลังเล่นแง่ แฟรี่ไม่อาจโป้ปด แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาบอกเล่าความจริงครบถ้วน บิลลี่เข้าใจลูกเล่นนี้ดีเกินกว่าใคร แต่แทนที่จะรีดเอาความ เขาเหยียดยิ้มเหมือนสุนัขป่าขบฟันหยอกล้อเหยื่อ

“รับทราบแล้ว อา-กรอ




อา-กรอ (a ghrá) แปลว่าที่รักในภาษาเคลติก




“เด็กผู้หญิงคนนั้นคือใคร”

บิลลี่เอ่ยหลังขึ้นมานั่งบนรถของทอมมี่แล้ว แครอลเป็นคนขับโดยมีทอมมี่นั่งอยู่ข้าง ๆ แม็กซ์กับบิลลี่นั่งด้านหลัง เขามองเงาของแฮริงตันกับเฟย์ประหลาดถกเถียงกันผ่านกระจกหน้าต่าง ไกลเกินกว่าจะได้ยินชัดว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่ความรู้สึกชืดชา เหมือนกับจนหนทาง กระจายบนลิ้นคล้ายตอนดื่มชาที่ซูซานมักคะยั้นคะยอให้ หอมกลิ่นดอกไม้ไม่รู้นาม แต่ฝาดชืด

คำถามไม่ได้เจาะจงผู้รับ แต่แม็กซ์ตระหนักตัวดีว่าไม่ควรเมินเวลาเขาโกรธ “เอล ลูกของฮอปเปอร์”

“แฟรี่ที่มีพ่อเป็นมนุษย์เหรอ”

“ลูกบุญธรรม” แม็กซ์แก้ “เธอเป็นคนแรกที่เผชิญหน้ากับพวกมัน

บิลลี่ตวัดตามอง เฟย์ผมแดงขยับห่าง “พวกมัน แสดงว่ามีมากกว่าหนึ่ง”

“ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาพยายามเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ รัฐบาลของมนุษย์เข้ามาควบคุมด้วยอะไรทำนองนั้น” แม็กซ์หายใจฮึดฮัดและเม้มปาก “พวกเขาพบตัวแรกเมื่อสองปีก่อน เอลเป็นคนผลักมันกลับโลกกลับหัว จากนั้นก็อีกตัวเมื่อฤดูหนาวปีก่อน ตอนที่นาย…”

“ที่บ้านบายเออร์” บิลลี่พูด เขาสงสัยอยู่แล้วว่าเฟย์มืดไปสุมหัวทำเรื่องอะไรกันกับพวกลูกมนุษย์ แต่เวลานั้นเขาคิดถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด การล่อลวงเด็กไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพวกแฟรี่ที่ดื่มกินยาของมนุษย์มากเกินไป เฟย์มืดมีกิตติศัพท์เรื่องนี้เหนือกว่าแฟรี่คิมหันต์ที่รักการเสพสุขเสียอีก 

มันคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาลงมือกับอดีตกษัตริย์รัตติกาล แผดเผาร่องรอยทั้งหมดที่ยังเชื่อมโยงแฮริงตันกับราชสำนัก กลิ่นไหม้กับเสียงร้องยังกรุ่นอวลและแหลมคมหลังเปลือกตา บิลลี่ไม่ปฏิเสธว่าเขาเพลิดเพลินกับการดื่มกินหนนั้นเพียงใด ความสนุกสะใจเริงเร่าในเส้นเลือด เวลานั้นพลังของเขาลุกโชน แทบจะก้าวข้ามขีดจำกัด

และแฟรี่ใต้ปกครองทุกตนก็รู้ หลังจากสตีฟ แฮริงตัน พวกเขาก็ไม่ได้แตะความรู้สึกทรงพลังเช่นนั้นผ่านบิลลี่อีกเลย

บิลลี่เลื่อนสายตาไปยังกระจกมองหลัง เห็นดวงตาของสองเฟย์มืดและระแคะระคายความคิดโดยไม่จำเป็นต้องเปิดการเชื่อมโยง พวกเขาไม่ขัดขวางการกระทำของแฮริงตันเพราะพวกเขารู้ว่ากำลังจะได้สำราญเลือด

“คงจะรู้นะว่ามีอะไรรออยู่” บิลลี่เปรย

ทอมมี่กับแครอลพยักหน้ารับ แม็กซ์มองด้วยอาการสับสนระคนผิดหวัง เธอเข้าใจว่าเขาจะลงโทษเฟย์มืดทั้งสองเพราะปล่อยให้กษัตริย์ตกอยู่ใต้พันธนาการรอยสัก แม้จะกระทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือ แต่นอกจากคิ้วขมวดแล้วแม็กซ์ไม่เอ่ยปากแย้ง การก้าวก่ายธุระของแฟรี่กลุ่มอื่นไม่ใช่เรื่องฉลาด

“งั้นแฮริงตันก็ลุกขึ้นมาสู้กับมันต่อหลังจากถูกฉันเล่นจนอ่วม”

แม็กซ์กลอกตา “นายทำเขาเลือดท่วมตัว แต่ใช่ สตีฟปกป้องพวกเรา บิลลี่”

บิลลี่หัวเราะก่อนเหลียวมองทิวทัศน์เมืองบ้านนอกที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย พวกเขาจะไปส่งแม็กซ์ที่บ้านก่อนกลับไปที่ร้านแวร์แลนด์

ความคิดของเขาคงสะกิดถึงแฮริงตัน เพราะทันใดนั้นความรู้สึกหวั่นใจกึ่งคำนึงหาก็ระบายผ่านมนตร์ของรอยสัก ร้านแวร์แลนด์คือสถานที่ตั้งของราชสำนักรัตติกาล เป็นถิ่นของเฟย์มืด

“แฟรี่ผู้กล้าหาญ คอยปกป้องเด็ก ๆ สมฉายาพี่เลี้ยงดีเด่น” ริมฝีปากบิลลี่โค้งขึ้น ความขุ่นเคืองตอบกลับฉับพลัน ไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหนพวกเขาก็รู้สึกถึงกันเหมือนกำลังยืนจ้องตา “มาลองดูกันว่าสตีฟจะรับมือเฟย์ด้วยกันเองยังไง”

บิลลี่คลายประตูที่กำบังแฟรี่ใต้ปกครองออก

เส้นสายพลังล่องหนกระจายออกเหมือนใยแมงมุม สายใยนับร้อย สายตาหลากคู่ จ้องกลับมายังศูนย์กลางอันเป็นกษัตริย์ ก่อนพบสายพันธนาการซึ่งล่ามราชาของพวกเขาเข้ากับเฟย์อีกตนหนึ่ง อารมณ์กราดเกรี้ยวพลุ่งพล่าน ก่อนหยุดนิ่งไม่ไหวติงเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดที่อาจเอื้อม

สตีฟสะท้านเฮือก บิลลี่แลบลิ้นลองรสตะลึงงันหวานเฉียบเหมือนน้ำค้างบนกลีบดอกไม้ แสยะยิ้มเมื่อรับรู้ถึงความกระหายอยากที่หมายมุ่งรุมทึ้งแฟรี่รัตติกาลเหมือนเข็มเจาะทะลุนุ่น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น