วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2565

[MHA] Over water, under snow (Dabi/Hawks)


Over water, under snow

Boku no Hero Academia

— Dabi / Hawks —

Warning : Explicit Sexual Content, Unhealthy Relationships, Consensual But Not Safe Or Sane

Summary : ถึงเหนื่อยแค่ไหน ฮอว์คก็ไม่เคยปล่อยตัวลงสัมผัสเตียงก่อนชำระล้างร่างกาย

Note : Published on 28 December 2020





ละอองหิมะกลางฟากฟ้าสีดำเติมเต็มภาพจำแสนสุขสันต์ของเทศกาลปลายปี แต่กลับกันมันคือหนึ่งในอุปสรรคเลวร้ายสำหรับนักบินที่ใช้ปีกและร่างฝ่าลมหนาว

กว่าจะมาถึงจุดนัดพบ ทั้งตัวของฮอว์คก็ชื้นแฉะด้วยหิมะ ปีกหนักอึ้งและแผ่ตกแทบจะในทันทีที่เท้าเหยียบพื้น ความชาไล่เลียผ่านรอยแยกด้านหลังของสูท ชุดของเขาออกแบบมาเพื่อกันความเย็น แต่ไม่อาจป้องกันถึงขั้นที่จะจำกัดความสามารถทางอัตลักษณ์ ไม่อาจปกปิดทั่วสรรพางค์ ต้องเหลือที่ทางให้ปีกสยายออก โผบิน

ดูเหมือนว่าในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่แค่ไฟที่เป็นจุดอ่อนของเขา

ฮอว์คกัดฟันข่มอาการสั่นมาตลอดทาง กลั้นใจไม่ยกมือขึ้นลูบแขน ทว่าไม่อาจทนชะลอฝีเท้าเข้าไปยังสถานที่กำบังลมกับหิมะ เขาแทบจะส่งเสียงครางออกมาเมื่ออากาศอบอุ่นปะทะใบหน้า — บาร์ซอมซ่อในอาคารเก่าโทรม แม้มาพร้อมกลิ่นเหล้าราคาถูกเจือกับสัมผัสฝาดคล้ายเลือดของช็อกโกแลตก็ยังเป็นที่ต้อนรับกว่าภายนอก 

แสงไฟโทนร้อนคลุมสายตาอย่างกะทันหันทำให้ต้องหยุดขับไล่สีสันที่ผิดเพี้ยน จากเร่งรีบกลายเป็นผ่อนช้าเมื่อความหนาวที่กัดกินผิวเนื้อค่อย ๆ มลายหาย ความเหน็ดเหนื่อยทำให้เขาเพียงโคลงศีรษะยิ้มรับคำทักทายจากบรรดาวิลเลนที่จับเจ่าอยู่ในมุมของตัวเอง

ฮอว์คยืนหน้าบาร์ มองคุโรกิริก่อนเลื่อนสายตาลงมองเครื่องแก้วฝุ่นจับบนชั้นวางที่เลื่อมพรายจากการสะท้อนไฟประดับ เกือบจะมองข้ามต้นคริสต์มาสจำลองที่มุมโต๊ะพูล กระดาษตัดรูปดอกไม้กับเกล็ดหิมะที่ห้อยระโยงระยางบนเพดาน ประเมินจากกรรไกรที่โทงะถือทั้งหมดนี้คงเป็นความคิดของเธอ

และเมื่อเป็นความต้องการของโทงะ ทไวซ์ที่แม้มีบุคลิกแตกแยกก็มักจะเหลือความเห็นแค่หนึ่งเดียว สปินเนอร์กับมิสเตอร์คอมเพรสพร้อมจะโอนอ่อนตามความสนุก ชิการาคิคงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหากบาร์เทนเดอร์ไร้หน้าออกตัวจัดการอาหารเครื่องดื่ม ส่วนมือวางเพลิงของกลุ่มคงเฉยเมยต่อเรื่องราวทั้งหมดเหมือนเคย

เมื่อครุ่นคิดถึงแล้วก็อดเมียงมองไม่ได้ ดาบินั่งหลังชนกำแพงที่ปลายบาร์ สองตาปิดลง คล้ายคล้อยตามดนตรีที่คลอมาจากโทรทัศน์ มือข้างหนึ่งวางบนตัก ข้างหนึ่งขยับข้างแก้ววิสกี้ที่พร่องลงจนเหลือเพียงน้ำแข็งก้อน

ฮอว์คจ้องและแทบรู้สึกถึงความเย็นที่ซึมซาบผ่านแก้วใส ตรงมายังผิวเนื้อและกระดูก ไอเย็นที่ไม่มีอยู่จริงเป่ารดบนหลังคอแต่ทำให้ตัวสั่นสะท้านไม่ต่างจากลมหิมะภายนอก

เขาเกลียดฤดูหนาว

เกลียดที่จะต้องสวมชุดหนาทึบแต่ไม่อาจกันความชื้นที่แทรกซึมผ่านรอยแยก เกลียดรอยเหนียวเหนอะจากความร้อนที่ร่างกายขับออกมา การทำงานภายใต้สภาพอากาศหนาวจัดไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาตั้งตารอเลยสักนิด ฮอว์คก้มมองตัวเอง หัวโล่งและล้า ปากเม้มเปลี่ยนการหาวเป็นการถอนหายใจ

ไม่เคยคาดคิดว่าสักวันหนึ่งต้องจำใจค้างคืนที่จุดนัดพบของสมาพันธ์

“มีห้องว่างไหม” ฮอว์คหันไปเอ่ยถามคุโรกิริ

เงาที่ปกคลุมบริเวณศีรษะวูบไหวเหมือนเปลวเทียนต้องลม “มีอยู่ห้องหนึ่ง”

เป็นคำตอบที่คาดการณ์ไว้แล้ว อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นอาคารสูงสี่ชั้น ย่อมต้องมีห้องว่างเหลือเฟือสำหรับแขกไม่ได้รับเชิญ

ฟังคุโรกิริสาธยายถึงตำแหน่งห้องระหว่างรับพวงกุญแจ หัวพลันขาวโล่งอีกครั้งราวกับแค่การวาดแผนภาพเส้นทางเป็นภาระที่หนักหนาเกินไป แต่ภายหลังการเค้นความคิดทำงานตลอดวันตลอดคืน สิ่งที่เขาอยากทำตอนนี้ก็มีเพียงถอดสมองออกแล้วล้มตัวลงนอนเท่านั้น

ทว่าปัญหาก็คือฮอว์คทนการนอนทั้งที่ยังรู้สึกสกปรกไม่ได้ เขาปล่อยให้คำพูดของคุโรกิริผ่านหู ติดอยู่บนทางแยกของการทำตามอยากกับกำจัดสิ่งที่คอยสะกิดรบกวนส่วนปลายความคิด ขณะเดียวกันนั้นความรู้สึกขนลุกชันยังไม่หายไปไหน มันเยือกแข็งความอบอุ่นและคืบคลานบนผิวหนังราวกับจะเร่งรัดการตัดสินใจ

ฮอว์คกดอาการสั่นไว้อีกครั้ง และด้วยแรงดลใจบางอย่าง เขาเดินไปทางดาบิ

อีกฝ่ายไม่ขยับ ไม่ลืมตาขึ้นด้วยซ้ำแม้เขาจะจงใจสร้างเสียงฝีเท้า ทว่าฮอว์คไม่มีสติพอที่จะรู้สึกขัดตา ศีรษะของเขาเอียงไปข้างหนึ่ง เอียงตกอย่างอยากยอมแพ้ให้แรงโน้มถ่วง

และกล่าวอย่างไม่คิดอะไร “อาบน้ำด้วยกันไหม”

จุดนัดพบชั่วคราวไม่ต่างจากที่ซุกหัวนอนเฉพาะกิจ แทบไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก เขาจำเป็นต้องมีเครื่องทำความร้อนหากไม่อยากหนาวตาย

ดาบินิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วอึดใจ ก่อนลืมตา

นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวระยับเหมือนคลื่นทะเล มุมปากขยับขึ้น ลากสายตาขึ้นลงเหมือนจะเก็บเกี่ยวทุกรายละเอียด “หนาว?”

“อยากนอน” ฮอว์คพึมพำ “จะไปหรือไม่ไป”

“ไปสิ” ดาบิลุกขึ้น เดินนำออกไปที่บันได

หากสติยังเต็มร้อย ฮอว์คคงรู้สึกว่าแปลก ดาบิตอบรับอย่างว่าง่ายผิดวิสัย ปกติแล้วเขาแทบไม่ทำตามคำใคร กระทั่งคำสั่งยังยากจะกำหนดให้เดินตาม ดาบิทำราวกับว่าหาความสนุกจากการมองความผิดหวัง เติมท้องว่างกับร่างกายผอมเกร็งด้วยรสชาติความกระเสือกกระสน ความสิ้นหวัง ตัดรอนมันเหมือนตัดด้าย ปล่อยที่ให้ใครก็ตามที่ถือส่วนปลายร่วงลงกระแทกพื้น

“คุโรกิริให้กุญแจห้องชั้นไหน” ดาบิไม่ได้หันกลับมา

“ชั้นสี่”

“บนสุดสำหรับนักบินกับตัวปัญหา”

ฮอว์คหัวเราะเบา ๆ “อยู่ชั้นนั้นเหมือนกันเหรอ”

“จองทั้งชั้นมาสักพักแล้ว ห้องกว้างมีห้องน้ำในตัว มีอ่าง ขาดก็แต่เครื่องทำน้ำอุ่น”

“ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้วนี่” ฮอว์คเปรยรับเมื่ออีกฝ่ายเหลียวกลับมาฉีกยิ้ม

เรื่องที่ดาบิบอกเขาทราบแล้วทั้งหมด ตั้งแต่รู้ตำแหน่ง ฮอว์คศึกษาแบบแปลน ประวัติการซื้อขาย กำหนดทางหนีทีไล่ให้ตนเองเสร็จสรรพ

ที่นี่เคยเป็นโรงแรม ต่อมาต้องล้มเลิกกิจการเพราะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ระหว่างฮีโร่กับวิลเลน เจ้าของเดิมพยายามลงเงินกับการปรับปรุงแก้ไขสถานที่ให้กลับคืนมา ก่อนจะพบว่าลงไปเท่าไรก็ไม่คุ้มค่า อาคารนี้ถูกธนาคารอายัด บริเวณโดยรอบก็ไม่ต่างกัน กลายเป็นมุมเมืองที่มีเพียงพวกค้ายากับอันธพาลเวียนผ่าน

จนกระทั่งสมาพันธ์เข้ามายึดไว้เป็นหนึ่งในจุดนัดพบ

โถงทางเดินเงียบสงัด ไม่มีความสว่างใดนอกจากแสงไฟริมถนนที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาอย่างเลือนราง วอลเปเปอร์ขาดวิ่น คร่ำครึเช่นเดียวกับพรมบนพื้น ดาบินำทางเขาไปกระทั่งถึงห้องหนึ่งที่อยู่สุดทางเดิน

ไม่ใช่ห้องที่คุโรกิริมอบกุญแจให้

ลิ้นของฮอว์คไม่รับรู้รสชาติ “ห้องของนายเหรอ”

“คิดว่าน่าจะสะดวกกว่า นายคงไม่อยากนอนในห้องที่มีแต่ฝุ่น”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นายคำนึงถึงความสะดวกสบายของคนอื่นด้วย” ฮอว์คประชด

ดาบิเอียงคอมอง ระหว่างไขประตูเปิด “นายไม่ใช่คนอื่นคนไกลแล้วนี่ ฮีโร่”

ฮอว์คมองตามแผ่นหลังที่เดินลับเข้าไปในความมืด ขาก้าวตาม ไม่ต่อความเห็นที่ผุดขึ้นทันทีกับที่ฟังคำตอบจบ

ดาบิไม่เคยแยแสใคร ไม่ว่าจะทำอะไร ฮอว์ครู้สึกเสมอว่าเขาทำอย่างมีจุดประสงค์

แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกสมาพันธ์จะดูหละหลวม พร้อมที่จะฉีกแยกกันได้ทุกเมื่อ แต่นั่นก็แค่ภาพจากสายตาคนนอก พวกเขาเชื่อมต่อกันโดยไม่ต้องพึ่งพาคำพูด ประสานความเข้าใจด้วยวิธีที่แปลกประหลาด ฮอว์คเคยนึกกังวลว่าจะไม่สามารถเข้าหาคนเหล่านี้ได้ แต่สุดท้ายก็จับสายใยบางเบาเหล่านั้นเข้ามาผูกกับตนสำเร็จ อาจเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยสิ้นหวัง ไม่มีสิ่งใดสำคัญและไม่มีสิ่งที่ผลักดันให้ต้องแสวงหา มันคือเรื่องราวง่าย ๆ ที่ถูกมองข้ามทันทีเมื่อเกิดแก่บุคคลเพียงคนเดียว

บางคราวความคิดที่ว่าฮีโร่กับวิลเลนเป็นเพียงเส้นทางคู่ขนานของคนที่มีจุดเริ่มต้นเดียวกันก็เริ่มมีน้ำหนักกว่าความคิดที่ว่าต้องควบคุมทุกคนที่มุ่งหมายคร่าชีวิต ทั้งที่ควรหาคำตอบให้พบว่าอะไรคือสิ่งที่ผลักให้คนที่มีประสบการณ์ใกล้เคียงกันแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้

นั่นคือเหล่าสมาพันธ์ พวกเขารวมเป็นหนึ่ง แต่ในเวลาเดียวกัน ดาบิกลับแปลกแยกออกมา

เหมือนมีกำแพงล่องหนขวางระหว่างโลกกับตัว หลาย ๆ ครั้งฮอว์คไม่เข้าใจว่าดาบิคิดอะไร รู้สึกอะไร เพียงรู้ว่าชายคนนี้คงถลำลึกไปไกลกว่าคำว่าสิ้นหวัง เขาทำสิ่งสำคัญหล่นหาย หรืออาจขว้างมันทิ้งด้วยน้ำมือตัวเองเสียด้วยซ้ำ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ดาบิก็เป็นคนหนึ่งที่เขาควรระวัง

ควรระมัดระวัง ไม่ใช่ยอมปล่อยตัวอยู่ในสภาพที่เผยจุดอ่อนให้อีกฝ่ายเห็น

แต่ความเนือยหน่ายและอิดโรยถ่วงตัวเขาไม่ให้ขยับเขยื้อน

ฮอว์คยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องน้ำ มองดาบิเปิดน้ำลงอ่าง เพียงภายใต้เงาสลัวก็รู้ว่าเป็นน้ำเย็นจัด

เสียงซ่าดังสะท้อนผนังกระเบื้อง ชายผมดำหันกลับมา ผิวที่ไหม้เกรียมทำให้ตัวเขาดูกลมกลืนกับความมืด ดาบิมองเหมือนเย้าแหย่ ขณะที่มือถอดเสื้อโค้ทออก ตามด้วยเสื้อยืดคอกว้างสีขาว

สีฟ้าในดวงตาเหมือนสีฟ้าของไฟที่แผดร้อนที่สุด

“น้ำร้อนจะพร้อมใน สาม…” เขาปรบมือเข้ากัน ทำราวกับมายากรผู้แสนยินดีที่จะแสดงกลพิศวง “สอง”

ไฟสีครามสว่างจ้ากะทันหันจนฮอว์คต้องหรี่ตา แต่ทุกอย่างกลับสู่ความมืดอย่างรวดเร็วทันทีที่มือของดาบิลดลงใต้น้ำที่กำลังไหลวน

“หนึ่ง” เบาราวกับกระซิบ

ไอร้อนระเหยขึ้นอย่างสงัดงันยิ่งกว่า ความอบอุ่นสัมผัสผิวหน้าทำให้ฮอว์คต้องหลับตาลง ถอนลมหายใจยาว ตระหนักว่าตนร่วงตกลงสู่ห้วงฝันได้ทุกเมื่อจึงลืมตาอีกครั้งและเริ่มถอดเสื้อผ้าของตนบ้าง

เขาไม่รู้สึกอายที่จะต้องเปลือยกายแสดงสรีระของตนเอง โดยเฉพาะกับคนที่ไม่น่าจะหลงเหลือความละอายใจใดอีกแล้ว ดาบิเป็นอาชญากร เป็นฆาตกร ฮอว์คทวนความจริงในโพรงปากแล้วกลืนมันลงคอ เริ่มจากถอดถุงมือ เสื้อคลุมหนาหนักที่ตกลงพื้นดังตุบ ปีกคลี่ขยายออกแทบคับห้องเพื่อบิดคลายก่อนสลายพวกมันออกลงกองบนชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ มันไม่ได้มากมายเท่ายามปกติ ถึงอย่างนั้นฮอว์คก็จะจัดทำความสะอาดพวกมันทีหลัง หลังจากที่เขาได้นอนเต็มอิ่ม

หันกลับมา ดาบินั่งบนขอบอ่าง มือหนึ่งจุ่มใต้น้ำที่เริ่มเอ่อล้นลงมาท่วมพื้น

ขนนกสีแดงถลาออกมาหมุนวาล์วน้ำกลับ ฮอว์คถอดเข็มขัด ลมหนาวลอดเข้ามาในห้อง ปัดผ่านกายให้สั่นตาม ดวงตาตวัดมองดาบิอย่างควบคุมไม่ได้ และพบกับรอยยิ้มแยกเขี้ยวที่ส่งมาเหมือนรอฝังเหยื่อ

“อ่างเล็กไปหน่อยนะ” ฮอว์ควิจารณ์ เขาเหยียบส้นรองเท้าของตนแล้วถอดออก ก้าวออกมาจากกองผ้ารอบข้อเท้า ยกขาข้ามเข้าไปในน้ำใส

ฮอว์คลดตัวลงนั่งพิงด้านหนึ่งของอ่าง น้ำอุ่นกว่าที่คาด เขาแทบละลายลงไปตรงจุดนั้น

เสียงน้ำล้นกระจายลงพื้นเมื่อชายหนุ่มอีกคนก้าวตามเข้ามาหลังถอดอาภรณ์ที่เหลืออยู่ออก

ดาบิขยับยิ้มตีหน้าซื่อ “เล็กจริงด้วย”

แน่นอน ผู้ชายสองคนลงมาแช่น้ำในอ่างเล็ก ๆ แบบนี้ แค่คนเดียวก็แทบเหยียดตัวถึงอีกฟากของความยาวแล้ว พอเพิ่มดาบิอีกคน เข่าของพวกเขาก็ชนขัดกันเอง

ยังไม่ทันบอกให้อีกฝ่ายขยับถอย มือของดาบิก็รวบจับต้นขาของเขาก่อนฉุดลงจนทั้งตัวจมลงใต้น้ำ ฮอว์คใจหายวาบ ตะเกียกตะกายขึ้นมาสูดอากาศ เขาเสยผมและลูบหน้าก่อนพบว่ามือสองข้างนั้นยังบีบแน่นตรงจุดเดิม

ฮอว์คสำลักน้ำ พยายามสะกดความโมโห “เล่นเป็นเด็ก”

ดาบิไม่ตอบแต่หัวเราะในลำคอ

ปีกสีชาดห้อมล้อมศีรษะดาบิราวมงกุฎ เตรียมพร้อมประหัตประหาร แต่อีกฝ่ายดูชอบใจ ดวงตาส่องประกาย เป็นลูกแก้วที่เต็มไปด้วยรอยร่องหลากชนิด

ตอนนั้นเองที่แรงกระเพื่อมผ่านผิวเนื้อทำให้ฮอว์ครู้สึกตัว ขาของเขาถูกดึงไปเกยบนตักของดาบิ มือที่คุกรุ่นแต่เปลวเพลิงก็เริ่มขยับขึ้นมาถึงข้อพับ

ฮอว์คยันเท้าขวาไปที่อกของดาบิแล้วดันออก “อย่าล้ำเส้น ดาบิ”

“ฉันเคยสนใจเส้นกั้นอะไรนั่นเสียที่ไหน”

และดังที่ปากว่า เขาไม่สนใจแม้กระทั่งขนนกบอบบางที่ขยับอีกนิดก็จะสะกิดเลือดข้างลำคอ

ฮอว์คเลิกคิ้ว แต่ดวงตาหลุบลง บรรดาขนนกทยอยกลับไปยังที่จากมา เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะเล่นเกมซ่อนมีดกับดาบิตอนนี้ “แค่นั่งเฉย ๆ เงียบ ๆ ไม่ได้หรือไง”

น่าแปลกที่ดาบิทำท่าคล้ายกับใคร่ครวญคำพูดของเขาจริง ๆ

วิลเลนหนุ่มยอมถอยออก พิงขอบอ่างด้านตรงข้าม แต่มือยังไม่หยุดจับต้องบริเวณใต้หัวเข่าทั้งสองข้างของเขา

ผิวบริเวณนั้นเหมือนถูกฉาบด้วยเหล็กร้อน

แต่ใช่ว่าเขาจะรู้ว่าความรู้สึกของการโดนนาบด้วยเหล็กร้อนเป็นอย่างไร ประสบการณ์เกี่ยวกับไฟที่ใกล้เคียงที่สุดคือการยุแหย่ฮีโร่อันดับหนึ่งกับการส่งอัตลักษณ์ตนเองไปเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้เอนเดเวอร์คว้าชัย

ฮอว์คปัดเส้นผมที่ปรกตาขึ้น แหงนคอ หลับตา ฟังเสียงหยดน้ำ สูดหายใจรับไอร้อนที่ผสมกับรสเย็นซ่านในอากาศเข้ามาชโลมปอด เหนื่อย คือคำเดียวที่กึกก้องในร่างกาย รู้สึกอยากยุติทุกอย่างแล้วไหลรวมกับสายน้ำ จางหายไปในความมืด ละลายไปพร้อมกับหิมะยามต้องแสงแดด

รู้สึกอยากหยุดเวลา แต่ความปรารถนาคล้ายกึ่งสัมฤทธิผลเมื่อดาบิทำราวกับไม่ได้อยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มปิดปากเงียบ ปลายนิ้วถูวนบนผิวของเขา สร้างภาพซ้อนถึงวิธีที่อีกฝ่ายสัมผัสแก้ววิสกี้ ดื่มด่ำกับรสชาติที่รับรู้แต่เพียงผู้เดียว

คืนนี้แสนประหลาด ฮอว์คปรือตามอง เพดานคือสีน้ำวาดลายก่อนบางสิ่งจะปรากฏกายเมื่อสายตาปรับเข้าหาความมืด

ฮอว์คหลุดหัวเราะ “โทงะเอามันมาติดตรงนั้นได้ยังไง”

ดาบิแหงนคอมองตาม “ไม่รู้เลย”

ข้างบนเพดานแขวนไว้ด้วยพุ่มไม้สีเขียวสดประดับโบว์ชาด ดอกเล็ก ๆ สีขาวคล้ายจะเรืองแสงละมุนตา มิสเซิลโทแขวนอยู่เหนืออ่างน้ำ เป็นวัตถุที่แปลกแยกอย่างสิ้นเชิงกับความเก่าโทรมและหม่นมืดในห้องนี้

ตัวการแรกที่ฮอว์คนึกออกย่อมเป็นโทงะ เพราะแผนการตกแต่งสถานที่ทั้งหมดมาจากเธอ แต่ตลอดโถงทางเดินนี้ไม่มีการประดับประดาใดเลย ความสว่างสดใสของเทศกาลคริสต์มาสหยุดอยู่แค่ห้องพูล แล้วเหตุใดของสิ่งนี้จึงมาอยู่ในบริเวณของวิลเลนผู้รักสันโดษได้

ฮอว์คเหยียดตัวลงในน้ำอีกนิด อุณหภูมิไม่ได้ลดลงเลย และมันทำให้เขาไม่อยากลุกออกไปเผชิญอากาศเย็น

เหม่อมองมิสเซิลโทจนกระทั่งดวงตาปรือลง รอยยิ้มจุดบนริมฝีปาก “ไม่ใช่โทงะ แต่เป็นฝีมือนาย”

เสียงฮัมรับในลำคอ

“นึกยังไงถึงแขวนมันไว้ในห้องน้ำ”

“นายล่ะนึกยังไงถึงชวนฉันมาแช่น้ำ”

“เพราะนายเป็นเครื่องทำน้ำร้อน” คำตอบเห็นชัดเจนมากไม่ใช่หรือไง ฮอว์คตั้งใจจะกล่าวต่อ แต่ต้องยกหลังมือบังริมฝีปากที่หาวกว้าง

“พอใจแล้วหรือยัง” ดาบิพูดเสียงเนือย

“ไม่ได้ถึงครึ่งของแบบที่พอใจด้วยซ้ำ ไม่มีครีมไม่มีแชมพู” ฮอว์คโบกแขน “ไม่มีอะไรเลยนอกจากมิสเซิลโท”

“โทษชิการาคิแล้วกันที่เลือกจุดนัดพบโกโรโกโสแบบนี้” สุ้มเสียงแหบพร่า ดาบิโน้มตัวเข้าหา “ถ้ายังไม่พอใจก็ต้องหาทางแก้ไขแล้วสิ”

ฮอว์คมองชายหนุ่มที่กดใบหน้าลงเข้าใกล้อย่างไร้อารมณ์ “ยังไงดีล่ะ หวังว่าคงไม่ใช่นวดประคบร้อนนะ”

ดาบิก้มลงจนปลายจมูกของพวกเขาแตะกัน ขยับไปมา ไม่ยอมละสายตา “แล้วแต่เจ้าของวันเกิด”

ฮอว์คไม่เข้าใจความหมายนานหลายอึดใจ

“รู้ได้ยังไง” เขาเอ่ยถามในที่สุด

“ฉันมีเส้นสายดี”

ดีถึงขั้นไหน ฮอว์คคิด ความหวาดระแวงเกาะกุมพร้อมความเย็นที่หวนกลับมา ข้อมูลส่วนตัวของเขาเป็นความลับ ไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงไม่กี่คน หากจะมีใครที่อยู่นอกเหนือจากกฎเกณฑ์นี้ก็เหลือเพียงคนตาย

แต่ความหนาวเย็นถูกปัดเป่าไปอย่างรวดเร็ว ความระอุร้อนแลบเลียกายเขาทั้งที่ไร้แสงไฟ ฮอว์คถูกดึงกลับมายังปัจจุบัน ในห้องเล็กแคบมืดสลัว ในวงแขนของดาบิ

“อยากได้อะไร” ดาบิถาม

ฮอว์คเอียงคอ ส่งยิ้มเนือย ปรับสีหน้าอย่างเป็นธรรมชาติแม้ร่างกายไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ความกังวลถูกไล่จากใจชั่วคราว เวลานี้เขาต้องอยู่กับดาบิ

“มีอะไรบ้างที่นายไม่อยากให้” ฮอว์คถามกลับ

ดาบิหัวเราะ “ฉันไม่อยากให้อะไรนายเลย ฮีโร่ คนอย่างฉันมีแต่จะฉวยเอาอะไรสักอย่างมาจากนาย”

“แต่วันนี้ไม่ทำให้รู้สึกอย่างนั้นเลย”

“อย่าชะล่าใจ” ดาบิกระซิบบนริมฝีปากของเขา รอยยิ้มคลี่กว้างปราศจากความโอนอ่อนหรือปรานี “รู้ตัวอีกทีนายอาจกลายเป็นเถ้าไปแล้วก็ได้”

ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเติมเต็มจูบก่อน มันก็เกิดขึ้นด้วยวิธีการที่ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของความอ่อนหวาน สัมผัสแนบแน่น กระหวัดเกี่ยว ลมหายใจขาดห้วง ยื้อยุดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ใครจะเป็นฝ่ายต้องครวญครางอย่างปราชัย

เมื่อตอนที่ขึ้นจากน้ำ ร่างเปลือยเปล่าของเขาสัมผัสอากาศเดือนธันวาคมโดยที่ไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นอย่างที่เคยกังวลเลยสักนิด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น